สีกา (บาลีวันละคำ 4,782)

สีกา
คำที่ไม่ควรคู่กับราคาของคนบางคน
“สีกา” เป็นคำที่เรียกลัดตัดสั้นมาจากคำว่า “อุบาสิกา”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สีกา : (ภาษาปาก) (คำนาม) คำที่บรรพชิตเรียกคฤหัสถ์ผู้หญิง, คู่กับ ประสก. (ตัดมาจาก อุบาสิกา).”
พจนานุกรมฯ บอกว่า “สีกา” ตัดมาจาก อุบาสิกา
“อุบาสิกา” บาลีเป็น “อุปาสิกา” (คำไทย –บา– บ ใบไม้ คำบาลี –ปา– ป ปลา) อ่านว่า อุ-ปา-สิ-กา ประกอบขึ้นจาก อุปาสก + อิ อาคม + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
(๑) “อุปาสก” อ่านว่า อุ-ปา-สะ-กะ รากศัพท์มาจาก อุป (คำอุปสรรค = เข้าไป, ใกล้ ) + อาสฺ (ธาตุ = นั่ง) + ณฺวุ ปัจจัย, แปลง ณฺวุ เป็น อก (อะ-กะ)
: อุป + อาสฺ = อุปาสฺ + ณฺวุ > อก : อุปาสฺ + อก = อุปาสก แปลตามศัพท์ว่า “ชายผู้เข้าไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย”
“อุปาสก” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อุบาสก” (อุ-บา-สก)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อุบาสก : (คำนาม) คฤหัสถ์ผู้ชายที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง. (ป., ส. อุปาสก).”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อุปาสก” ว่า a devout or faithful layman, a lay devotee (ฆราวาสผู้ซื่อสัตย์หรือจงรักภักดี, อุบาสก)
(๒) อุปาสก + อิ อาคม + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: อุปาส + อิ + ก = อุปาสิก + อา = อุปาสิกา
อีกนัยหนึ่ง แปลง ณฺวุ เป็น อก แล้วแปลง อก เป็น อิกา เพื่อทำให้เป็นอิตถีลิงค์
: อุป + อาสฺ = อุปาสฺ + ณฺวุ > อก > อิกา : อุปาสฺ + อิกา = อุปาสิกา
“อุปาสิกา” แปลตามศัพท์ว่า “หญิงผู้เข้าไปนั่งใกล้พระรัตนตรัย”
“อุปาสิกา” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อุบาสิกา” (อุ-บา-สิ-กา)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อุบาสิกา : (คำนาม) คฤหัสถ์ผู้หญิงที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง. (ป., ส. อุปาสิกา).”
“อุบาสิกา” เรียกลัดตัดสั้นเหลือเพียง “สีกา”
ขยายความ :
พจนานุกรมฯ บอกว่า “สีกา” เป็นคำที่บรรพชิตเรียกคฤหัสถ์ผู้หญิง, คู่กับ ประสก
คำว่า “ประสก” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ประสก : (ภาษาปาก) (คำนาม) ชายผู้แสดงตนเป็นคนถือพระพุทธศาสนา, คำที่บรรพชิตเรียกคฤหัสถ์ผู้ชาย, คู่กับ สีกา. (กร่อนมาจาก อุบาสก).”
คนรุ่นเก่ายังพูดคำว่า “ประสก–สีกา” ควบกันอยู่ทั่วไป คนรุ่นใหม่ไม่ได้ยินว่ามีใครพูดคำแบบนี้กันแล้ว
พจนานุกรมฯ บอกความหมายของคำว่า “อุบาสิกา” ว่า “คฤหัสถ์ผู้หญิงที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง” เพราะฉะนั้น เราเรียกใครว่า “สีกา” ก็แปลว่า ผู้นั้นควรจะต้องเป็น “ผู้หญิงที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง”
ในพุทธประวัติหรือประวัติศาสตร์พุทธศาสนา ยังไม่เคยปรากฏว่า “ผู้หญิงที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง” ได้เคยประพฤติการชั่วช้าเลวทรามกับพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
ผู้หญิงที่ประพฤติการชั่วช้าเลวทรามกับพระภิกษุในพระพุทธศาสนามักปรากฏว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา หรือแม้จะนับถือก็ไม่ได้นับถืออย่างมั่นคง
ผู้หญิงที่ประพฤติการชั่วช้าเลวทรามกับพระภิกษุในพระพุทธศาสนา จึงย่อมไม่คู่ควรด้วยประการทั้งปวงที่จะได้นามว่า “สีกา”
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เปลี่ยนคำ
: ง่ายกว่าเปลี่ยนคน
#บาลีวันละคำ (4,782)
16-7-68
…………………………….
…………………………….
