บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

บทความเรื่อง ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร

ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร [๕]

—————————–

ตอนที่ ๑ – ศึกษาสอบสวนข้อเท็จจริง

———

เมื่อมีเรื่องราวข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องใดๆ ปรากฏขึ้น กิจเบื้องต้นที่ควรทำหรือต้องทำก็คือ ตรวจสอบศึกษาข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ก่อน

อย่างกรณีงานกฐินดังกล่าวนั้น ก็ควรตรวจสอบรายละเอียด เช่น –

กฐินวัดไหน ตำบล อำเภอ จังหวัดอะไร

ใครเป็นเจ้าภาพ

สตรีที่นั่งบนคานหามคือใคร เกี่ยวข้องอะไรกับงานนี้

ทำไมต้องนั่งคานหาม เป็นความประสงค์ของเจ้าภาพหรือเป็นความประสงค์ของทางวัด หรือเป็นหลักนิยมในพื้นถิ่นนั้น

นอกจากสตรีแล้วมีบุรุษหรือมีใครนั่งคานหามอีกบ้างหรือไม่

พระภิกษุที่เดินตามคานหามนั้นเป็นพระวัดไหน

มาเดินอยู่ในขบวนแห่ในฐานะอะไร

ขบวนแห่ตามที่ปรากฏในภาพแห่จากไหนไปไหน

ฯลฯ

รายละเอียดเหล่านี้จำเป็นต้องรู้-ถ้าคิดจะวินิจฉัยหรือตัดสินติชม

ผมสังเกตเห็นว่า เวลานี้เรื่องราวข่าวสารที่เอามาเผยแพร่กันทางเฟซบุ๊กหรือทางสื่อออนไลน์ทั่วไปมักขาดสาระสำคัญที่ควรจะมีเป็นอันมาก

…………………….

เมื่อวันก่อน ผมอ่านโพสต์ของท่านผู้หนึ่ง ท่านบอกว่า พระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ชื่อพระสาสนโสภณ (บอกชื่อเดิม ฉายา) มรณภาพเมื่อวันที่เท่านั้น เวลาเท่านั้น เราสูญเสียร่มโพธิ์ร่มไทรไปอีกรูปหนึ่งแล้ว – จบข่าวแค่นั้น

พระสาสนโสภณท่านอยู่วัดอะไร ตำบลอำเภอจังหวัดอะไร มีตำแหน่งฐานะอะไรในคณะสงฆ์ ไม่บอก

คนที่ไม่รู้จักพระสาสนโสภณอ่านโพสต์เดียวนั้นแล้วก็ไม่ได้รู้ข้อมูลอะไร ถ้าอยากรู้ก็ต้องตามไปอ่านต่อที่ไหนๆ ต่อไปอีก – นี่เป็นตัวอย่างสดๆ (๙ ตุลาคม ๒๕๖๓)

…………………….

หลักการเสนอเรื่องราวข่าวสารที่ผู้รู้ท่านสอนกันมา – ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ผลเป็นอย่างไร – แทบจะไม่มีใครเอามาใช้กันอีกแล้ว

นี่คือปัญหาที่ผมอยากจะขอร้องท่านผู้มีแก่ใจเอาเรื่องราวข่าวสารมาเผยแพร่ ขอได้โปรดอย่าละเลยสาระสำคัญเหล่านี้

อย่านึกว่าอะไรที่ข้าพเจ้ารู้แล้ว คนอื่นก็จะต้อง “รู้แล้ว” ด้วย

อีกประการหนึ่งที่ควรทำ คือ ช่วยกันหาข้อมูลเพิ่มเติม

ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับวัดเกี่ยวกับพระ สำหรับท่านที่ไม่ถนัดจริงๆ ที่จะเข้าไปคลุกหรือเข้าไปขลุกอยู่กับพระธรรมวินัยเพื่อหาความรู้มาเป็นหลักวินิจฉัยหาคำตอบในประเด็นที่ตนสงสัย ก็ยังมีทางช่วยได้ นั่นคือช่วยทางธุรการ ช่วยกันหาข้อมูลเพิ่มเติม

หมายความว่า เมื่อโยนคำถามใส่ใครเข้าไปแล้ว อย่านั่งนิ่งรอคำตอบท่าเดียว-อย่างที่ผมเคยเปรียบว่า-เหมือนคนสั่งอาหารแล้วนั่งรอกิน ไม่ช่วยทำอะไรทั้งสิ้น

อะไรที่ช่วยได้ ต้องช่วยกันด้วย

อย่างกรณีสตรีนั่งเสลี่ยงนั่น ก็ช่วยได้ เช่นช่วยหาข้อมูลรายละเอียด ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ล้วงลูกล้วงลึกได้มากแค่ไหนยิ่งดี จะได้ใช้เป็นฐานข้อมูลที่ถูกต้องในการวินิจฉัย

บอกให้ผมวินิจฉัย แต่ท่านนั่งเฉย

ผมก็ต้องวิ่งวุ่นอยู่คนเดียว

ต้องไปตลาดเอง เลือกผักเลือกปลาเอง

กลับมาก็ต้องมาหั่นผัก ทำปลาเอง ตำน้ำพริกเอง

ติดไฟเอง ล้างหม้อเอง แกงเอง

ส่วน “ท่านๆ” ทั้งหลายไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น

นั่งรอกินอย่างเดียว

ปล่อยให้ผมเหนื่อยอยู่คนเดียว

………………………………

มีข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่ง ปัญหาที่มีผู้ยกขึ้นมาให้ผมวินิจฉัยครั้งนี้ มีหลายท่านมีแก่ใจช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมให้บ้าง ขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้

ที่ว่าน่าสังเกตก็คือ ท่านเหล่านั้นไม่ใช่ผู้ยกปัญหาขึ้นมาถามผม ถ้าเปรียบกับคนสั่งอาหารก็คือท่านไม่ได้เป็นคนสั่ง เป็นแต่เพียงผู้ผ่านไปมา ได้ยินเข้าแล้วมีแก่ใจช่วย ส่วนท่านที่สั่ง ได้ยินแต่ร้องเร่งว่าเสร็จหรือยัง หิวจะตายอยู่แล้ว แล้วก็นั่งเฉย

………………………………

เดี๋ยวนี้มีที่เลวร้ายมาก คือ หลายๆ เรื่องที่ผู้เผยแพร่มีเจตนาแอบแฝง “ให้เห็นเฉพาะสิ่งที่ต้องการให้เห็น ให้รู้เฉพาะสิ่งที่ต้องการให้รู้” คือบอกข้อเท็จจริงไม่หมด นี่อย่างหนึ่ง

กับที่ร้ายที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือ ดัดแปลง ตัดแต่ง ต่อเติม ทำให้เรื่องราวผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ซึ่งเวลานี้มีผู้ทำกันมากขึ้น

ญาติมิตรของผมคนหนึ่งเขาถ่ายรูปตัวเองแล้วเอาให้ผมดูกันสดๆ บอกว่านี่คือรูปจริงๆ

ครั้นแล้วเขาก็ลงมือกดปุ่มนั้น ลากปุ่มนี้ คลิกตรงโน้น โยงตรงนี้ พักหนึ่งก็เอารูปนั้นมาให้ผมดูอีกที

ปรากฏว่า เป็นรูปใครอีกคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกัน แต่ทรงผม เสื้อผ้าเปลี่ยนไป ฉากในรูปก็เปลี่ยนไปเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง

นี่ขนาดเขาตั้งใจทำให้ดู ให้เห็นสดๆ

ภาพข่าวเรื่องราวที่เราเห็นทางเฟซทางไลน์ทางสื่อออนไลน์ต่างๆ วันละมากมายก่ายกองนั้น คนทำและคนเอามาเผยแพร่เขาไม่ได้บอกเราว่าเขาทำอะไรกับภาพและเรื่องราวข่าวสารเหล่านั้นหรือเปล่า เราแน่ใจหรือว่าเป็นภาพจริงเหตุการณ์จริงแท้ทั้งหมด

เพราะวิทยาการทำได้เช่นนี้ เมื่อเวลาเสพสื่อจึงต้องระวัง และยิ่งถ้าถึงขั้นจะต้อง “วินิจฉัย” เรื่องนั้นๆ ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นภาระเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันมากที่จะต้องสืบสวนตรวจสอบให้ได้ “ข้อเท็จจริงจริงๆ” ไม่ใช่ข้อ “เท็จจริงที่สร้างขึ้น” หรือข้อเท็จจริงเฉพาะที่เขาอยากให้เราเห็น

และด้วยเหตุนี้แหละจึงต้องวิงวอนขอร้องผู้ที่เผยแพร่เรื่องราวข่าวสารว่า ขอได้โปรดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เห็นแก่ความถูกต้อง ขออย่าได้ประทุษร้ายสติปัญญาของประชาชน

อย่าว่าถึง-ทำด้วยอกุศลจิตแอบแฝงเลย

แม้เพื่อความสนุกเล่นก็ไม่ควรทำ

ความที่กล่าวมาในข้อนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีใครจับเอาไปพูดว่า

“ทองย้อยชี้ ภาพนั่งเสลี่ยงแห่กฐินเป็นภาพตัดต่อ”

โปรดอ่านหนังสือให้แตกด้วยนะขอรับ

……………

(มีต่อ)

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓

๑๐:๓๕

………………………………..

ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร [๔]

https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/3438728756220837

………………………………..

ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร [๖]

https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/3440236552736724

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *