บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

บทความเรื่อง ผู้ล่วงพ้นความกลัวตาย

ผู้ล่วงพ้นความกลัวตาย (๒)

————————-

สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย หรือ สวท. มีรายการแสดงพระธรรมเทศนาทุกวันพระ ภาคเช้าแปดโมง ภาคค่ำหกโมงเย็น

ผมเป็นแฟนประจำมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มๆ ตั้งแต่ฟังเฉยๆ จนกระทั่งเกิดศรัทธาบริจาคบูชากัณฑ์เทศน์เป็นประจำ

ท่านที่ฟังเทศน์ทาง สวท. เป็นประจำน่าจะเคยได้ยินทางสถานีประกาศอนุโมทนา – “นาวาเอก ทองย้อย นางสุดใจ แสงสินชัย และบุตรธิดา บริจาค …”

พระธรรมกถึกสมัยก่อนท่านมีหลักในการแสดงธรรม เริ่มด้วยยกภาษิตในพระไตรปิฎกขึ้นมาตั้ง แล้วอธิบายตามนัยแห่งพระไตรปิฎก ต่อจากนั้นก็ยกคำอธิบายในอรรถกถาฎีกามาขยายความ สำนวนอธิบายเป็นของท่าน แต่เนื้อหาแห่งธรรมะเอามาจากคัมภีร์ล้วนๆ แทบจะไม่มีความเห็นใดๆ ของท่านเข้าไปเจือปน

ฟังแล้วอิ่ม ชื่นใจ ได้อรรถรสทางธรรม ที่เรียกว่า ธรรมปีติ

เป็นเช่นนั้นเสมอมา จนกระทั่งตั้งแต่ราวๆ เมื่อผมเกษียณอายุราชการ ปี ๒๕๔๘ สังเกตเห็นว่าพระธรรมกถึกที่ทางสถานีอาราธนามาแสดงธรรมเริ่มจะแกว่งๆ

สมัยก่อนมีแต่พระราชาคณะและพระเปรียญธรรม ๙ ประโยคล้วนๆ – โดยเหตุผลที่ว่าพระสงฆ์ระดับนี้มีความสามารถมากพอที่จะค้นคว้าพระไตรปิฎกอัญเชิญเอาพระธรรมมาแสดงได้อย่างถูกต้อง

ต่อมาก็เริ่มลดระดับจากพระราชาคณะเป็นพระครูสัญญาบัตร จากพระเปรียญธรรม ๙ ประโยค เป็นพระประโยคเตี้ยลงมา

กระแสพระธรรมเทศนาก็แกว่งมากขึ้น มีบ่อยมากที่ยกพุทธภาษิตขึ้นเป็นนิกเขปบทแล้ว แสดงความเห็นโดยอัตโนมัติเตลิดไปตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้อธิบายความในนิกเขปบทนั้นเลยแม้แต่คำเดียว – เรียกว่าแสดงธรรมะของข้าพเจ้าล้วนๆ

ผมเคยเขียนจดหมายทักท้วงไปยัง สวท. อธิบาย-เสนอแนะสิ่งที่ควรจะปรับแก้ไปอย่างละเอียด-เพื่อให้รายการแสดงพระธรรมเทศนาเป็นรายการแสดงธรรมะของพระพุทธเจ้าแท้ๆ ไม่ใช่รายการแสดงความเห็นของพระธรรมกถึก

ผลคือ สวท. ไม่รับทราบอะไรทั้งสิ้น

พระธรรมกถึกที่อาราธนามาแสดงธรรมก็ยังคงแสดงธรรมะของข้าพเจ้ากันอย่างเพลิดเพลิน

ผมก็เลยเลิกฟังมาตั้งแต่บัดนั้น

คำคนเก่าท่านพูดไว้ว่า พระธรรมกถึกต้องเป็นประดุจ “ทูตอ่านสาส์น”

ท่านเปรียบไว้ว่า ผู้เทศน์ต้องทำตัวเหมือนราชทูตอ่านสาส์น ข้อความในสาส์นมีว่าอย่างไร มีเท่าไร ก็อ่านไปตามนั้น เท่านั้น จะตัดหรือเติมเอาตามใจชอบหาได้ไม่ ฉันใด

ภิกษุผู้แสดงธรรมก็ต้องแสดงธรรมตามหลักฐานในคัมภีร์ จะตัดหรือเติมความเห็นของตนเข้าไปไม่ได้ ฉันนั้น

ทั้งนี้ ท่านให้เหตุผลว่า เพราะพระธรรมเป็นของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของภิกษุผู้แสดง ภิกษุผู้แสดงเป็นแต่เพียงทำหน้าที่นำพระธรรมนั้นมาแสดง เหมือนราชทูตมีหน้าที่นำสาส์นฉะนั้น

ถ้ามีพระธรรมกถึกรูปใดได้อ่านข้อความนี้ กระผมขอกราบถวายความเห็นนี้ไว้เป็นทางดำริด้วยขอรับ

………………….

สองตอนแล้ว ยังไปไม่ถึง-ผู้ล่วงพ้นความกลัวตาย

ตอนหน้าก็น่าจะยังไม่ถึงอีกนั่นแหละ เพราะมีประเด็นสำคัญที่งอกออกมาจากค่านิยมที่ชอบแสดงความเห็น แต่ไม่ชอบแสวงความรู้

ประเด็นอะไร ตามไปอ่านกัน

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

๒๑:๒๘

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *