การให้ค่าแก่การเรียนบาลี (๑)
การให้ค่าแก่การเรียนบาลี (๔)
การให้ค่าแก่การเรียนบาลี (๔)
————————–
บาลีเพื่อสอบ บาลีเพื่อศึกษ์
……………
ญาติมิตรคนหนึ่งปวารณากับผมว่า ถ้าผมจะตั้งกองวิชาการพระพุทธศาสนาเพื่อทำงานศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ เขายินดีเป็นสปอนเซอร์ให้
คือเขารู้ว่า ผมเสนอคณะสงฆ์ให้ตั้งกองวิชาการพระพุทธศาสนาเพื่อศึกษาค้นคว้าหลักพระธรรมวินัยตอบปัญหาคาใจของสังคม (พระทำอย่างนี้ผิดหรือถูก ชาวบ้านทำอย่างนั้นถูกหรือผิด ฯลฯ)
แต่คณะสงฆ์ท่านเฉยทุกเรื่อง
เขาก็เลยบอกว่า ผมนั่นแหละตั้งคณะทำงานแบบกองวิชาการพระพุทธศาสนาขึ้นมาทำงานนี้เลย เขายินดีสนับสนุนเต็มที่
ญาติมิตรคนนี้เป็นทหารเรือเหมือนผม ยังรับราชการอยู่ ภรรยาเขาก็มีใจเป็นกุศล ทั้งสามีภรรยาฝักใฝ่ในทางบุญ สนับสนุนกันทำความดี
ผมเชื่อว่าคนที่ฝักใฝ่ในทางบุญแบบนี้ และมีกำลังทางเศรษฐกิจดี ยังมีอีกมาก
ถ้าคนที่มีกำลังเช่นนี้เข้ามาช่วยกันสนับสนุนการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์กันให้มากๆ พระพุทธศาสนาในบ้านเมืองเราก็จะเป็นที่พึ่งทางสติปัญญาให้แก่สังคมได้เป็นอย่างดี
อะไรเป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา อะไรไม่ใช่ ก็จะมีคำตอบที่ถูกต้องแน่นอน
คนจะรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกกันชัดเจนขึ้น
อะไรที่เป็นพฤติกรรมวิปริตผิดแนวทางพุทธ ผู้คนก็จะรู้ทันกันได้มากขึ้น
การสนับสนุนการเรียนบาลีเพื่อให้สอบได้ มีผู้ทำอยู่แล้วอย่างแข็งแรงพอสมควร วัดที่เป็นสำนักเรียนหลายแห่งก็ทำกันอยู่
แต่การเรียนบาลีเพื่อการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์-คือศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัย น่าวังเวงใจมาก
แทบจะไม่มีใครพูดถึง
พระภิกษุสามเณรหรือฆราวาสญาติโยมจะศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ เราก็บอกกันว่า-เป็นไปตามอัธยาศัยส่วนตัว บังคับกันไม่ได้
บังคับกันไม่ได้ก็จริง แต่ส่งเสริมสนับสนุนกันได้
จูงใจให้เกิดฉันทะก็ทำได้
ขอร้อง หรือ “อาราธนา” กันตรงๆ ก็สามารถทำได้
ถ้าศึกษาคัมภีร์ก็จะพบว่า พระสูตรหลายพระสูตรเกิดขึ้นจากคำอาราธนาของบุคคลบางคน
คัมภีร์อรรถกถาฎีกาแทบทุกฉบับเกิดจากคำอาราธนาของใครบางคนขอให้ท่านผู้รู้รจนาขึ้น
เอาหลักเดียวกันมาใช้ได้เลย
พระภิกษุสามเณรรูปใดเรียนบาลีจบแล้ว ขอให้เราท่าน-โดยเฉพาะท่านที่มีกำลังทางเศรษฐกิจดี-ลุกขึ้นมาอาราธนาให้ท่านเหล่านั้นลงมือศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ เอาหลักพระธรรมวินัยที่ถูกต้องออกมาเผยแผ่ให้สังคมรับรู้
แล้วเราช่วยกันอุปถัมภ์บำรุงท่านเหล่านั้นให้เต็มกำลัง
ตั้งเป็นกองทุนหรือมูลนิธิเพื่อการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์
ให้ทุนแก่พระภิกษุสามเณรที่ตั้งคณะขึ้นมาศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์
ประกาศให้สังคมรับรู้ว่าวัดไหนสำนักไหนบ้างกำลังทำงานศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ เพื่อสังคมจะได้อนุโมทนา และเป็นการสร้างแรงจูงใจ
งานเช่นนี้เป็นงานโดยตรงของคณะสงฆ์
เป็นภารกิจหมายเลข ๑ ของคณะสงฆ์
และคณะสงฆ์นั้นมีทรัพยากรพร้อมทุกด้าน ทั้งคน ทั้งเงิน
แต่เมื่อท่านไม่ทำ
ท่านเฉยทุกเรื่อง
เราก็ต้องช่วยกันทำเอง
ช่วยกันทำให้เกิดผลงาน-จนคณะสงฆ์อายไปเอง!!
งานศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์เป็นงานเตรียมข้อมูลเพื่อตอบปัญหาคาใจของผู้คนในสังคมในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับหลักพระธรรมวินัย
ยกตัวอย่างเรื่องเดียว-เรื่องทอดกฐิน
แต่ละปีสังคมบ้านเราจะมีปัญหาเกี่ยวกับการทอดกฐินให้ถกเถียงกันไม่รู้จบ – ทำอย่างนี้ถูกไหม ทำอย่างนั้นผิดไหม
แล้วก็จะมีคนออกมาตอบกันเปรอะไปหมด จนหมดฤดูกาลกฐิน โดยไม่มีข้อยุติว่าหลักปฏิบัติที่ถูกต้องเป็นอย่างไรกันแน่
พอถึงฤดูกฐินใหม่ก็ถกเถียงกันใหม่ เข้าวงจรเดิมต่อไปอีก
ถ้ามีคณะศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ เราก็จะได้คำตอบที่ถูกต้องชัดเจนจากหลักพระธรรมวินัย ไม่ใช่จากความเห็นส่วนบุคคล
เรื่องที่น่าสังเกตอย่างยิ่งในกระบวนการเรียนบาลีก็คือ หลักเรื่องกฐินนี้มีแสดงไว้ในพระคัมภีร์
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัยปิฎก-ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าคัมภีร์ที่ใช้เป็นแบบเรียนบาลีของคณะสงฆ์ไทยก็อธิบายเรื่องกฐินไว้ชัดเจน
แต่ท่านเชื่อหรือไม่ พระภิกษุสามเณรที่เรียนคัมภีร์สมันตปาสาทิกามาแล้ว เมื่อไปเกี่ยวข้องกับเรื่องกฐินที่ทำกันแปลกๆ แหวกแนวพระวินัย ก็หาได้เอาหลักในพระคัมภีร์ที่เรียนมาไปใช้ไม่ ใครใหญ่กว่าเสียงดังกว่าก็ทำตามคนนั้น
บอกให้เรารู้ว่ากระไร?
ก็บอกให้รู้ว่า การเรียนบาลีของเราเรียนเพื่อสอบกันจริงๆ เรื่องที่เรียนก็อยู่ในห้องเรียนเท่านั้น และเอาไปใช้ในห้องสอบเท่านั้น ไม่ได้เอามาใช้ในชีวิตจริงเรื่องจริงปัญหาจริงทั้งๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าแท้ๆ
นี่เรื่องกฐินเรื่องเดียว
เรื่องอื่นๆ ก็เป็นแบบเดียวกันนี้ทั้งนั้น
คณะทำงานเพื่อการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์จะช่วยอุดช่องว่างตรงนี้ได้
นั่นคือจะเป็นผู้ศึกษาค้นคว้าหลักพระธรรมวินัยที่ถูกต้องแล้วเสนอหลักนั้นสู่การรับรู้ของสังคม
เมื่อสังคมมีความรู้ที่ถูกต้อง สังคมก็จะทำหน้าที่คอยกำกับและควบคุมพฤติกรรมวิปริตผิดแนวทางพุทธไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ อีกต่อไป
ถอดออกมาเป็นคำพูดก็คือ จะมีแต่คนออกมาพูดว่า โอย เรื่องนี้เขารู้กันหมดแล้วว่าไอ้ที่ถูกน่ะมันเป็นยังงี้ ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย นี่ยังจะมาทำผิดอยู่อีกรึ
ฝันนี้จะเป็นจริงได้แน่-ถ้าคนที่มีกำลังลุกขึ้นมาสนับสนุนส่งเสริมการเรียนบาลีเพื่อการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์
แต่เรื่องนี้ต้องตั้งสติและอารมณ์ให้ถูก อย่าคิดให้ขัดแย้งกัน
คืออย่าบอกว่าสนับสนุนทางนี้ดีกว่าทางโน้น
สนับสนุนบาลีเพื่อการสอบได้ ก็ดี ได้ความรู้เป็นภาคทฤษฎี
สนับสนุนบาลีเพื่อการศึกษาค้นคว้าพระธรรมวินัยและเอามาใช้โดยตรง ก็ดี ได้ลงมือทำเป็นภาคปฏิบัติจริง
ไม่ใช่ทางไหนดีกว่าทางไหน
แต่ดีทุกทาง
และควรช่วยกันสนับสนุนทุกทาง
ใครมีกำลัง และมีศรัทธา ลุกขึ้นมาเถอะครับ
นี่เป็นวิธีรักษาพระศาสนาที่ประเสริฐยิ่งนัก
…………………
พระเจ้าอชาตศัตรูท่านทำปิตุฆาต (ฆ่าบิดา) อันเป็นกรรมหนัก หมดโอกาสที่จะบรรลุสวรรค์นิพพานในชีวิตนี้ โทษหนักถึงตกมหาอเวจี
แต่เพราะท่านทำหน้าที่เป็นผู้อุปถัมภ์การทำสังคายนาครั้งแรก-ซึ่งโดยเนื้อแท้ก็คือการสนับสนุนส่งเสริมให้พระอรหันต์ท่านทำงานรักษาพระศาสนานั่นเอง
บุญนี้ทำให้ท่านเลื่อนขึ้นมาอยู่ชั้นโลหกุมภี เสวยทุกข์น้อยกว่ามหาอเวจี
และยังได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จักได้บรรลุธรรมเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตกาล
การส่งเสริมสนับสนุนผู้ทำงานรักษาพระศาสนามีอานิสงส์สูงสุดถึงปานนี้
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๔ มกราคม ๒๕๖๔
๑๘:๕๘