จิตนิวรณ์ – เหตุให้ฝันข้อ 2 (บาลีวันละคำ 3,679)
จิตนิวรณ์ – เหตุให้ฝันข้อ 2
ท่านว่าฝันแบบนี้ไม่เป็นความจริง
…………..
ความเป็นมา :
อาบัติสังฆิเสสของภิกษุมี 13 สิกขาบท
สิกขาบทที่ 1 มีข้อความดังนี้ –
…………………………………….
สญฺเจตนิกา สุกฺกวิสฏฺฐิ อญฺญตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโส ฯ
ที่มา: วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 1 พระไตรปิฎกเล่ม 1 ข้อ 302
…………………………………….
พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับหลวงแปลไว้ว่า –
…………………………………….
ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน เป็นสังฆาทิเสส
…………………………………….
หนังสือนวโกวาท หลักสูตรนักธรรมตรี พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แปลไว้ว่า –
…………………………………….
ภิกษุแกล้งทำให้น้ำอสุจิเคลื่อน ต้องสังฆาทิเสส
…………………………………….
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก อธิบายคำว่า “อญฺญตฺร สุปินนฺตา” (เว้นไว้แต่ฝัน) ไว้ว่า –
…………………………………….
ตญฺจ ปน สุปินํ ปสฺสนฺโต จตูหิ การเณหิ ปสฺสติ
(1) ธาตุกฺโขภโต วา
(2) อนุภูตปุพฺพโต วา
(3) เทวโตปสํหารโต วา
(4) ปุพฺพนิมิตฺตโต วาติ ฯ
ก็แลบุคคลเมื่อจะฝันนั้น ย่อมฝันเพราะเหตุ 4 ประการคือ
เพราะธาตุกำเริบ 1
เพราะเคยรับรู้เรื่องนั้นมาก่อน 1
เพราะเทวดาสังหรณ์ 1
เพราะบุพนิมิต 1
ที่มา: คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก ภาค 2 หน้า 5
…………………………………….
เคยได้ยินผู้เอาเหตุแห่งความฝันทั้ง 4 ข้อมาพูดเป็นคำคล้องจอง แต่สลับลำดับ ไม่ตรงกับที่อรรถกถาเรียงไว้ เป็นดังนี้ –
…………..
บุพนิมิต
จิตนิวรณ์
เทพสังหรณ์
ธาตุพิการ
…………..
ในที่นี้ขอนำมาเขียนเป็นบาลีวันละคำตามลำดับคำคล้องจองในภาษาไทย
…………..
“จิตนิวรณ์” อ่านว่า จิด-นิ-วอน ประกอบด้วยคำว่า จิต + นิวรณ์
(๑) “จิต”
บาลีเป็น “จิตฺต” (จิด-ตะ) รากศัพท์มาจาก จินฺต (ธาตุ = คิด) + ต ปัจจัย, ลบ นฺ ที่ จินฺตฺ (จินฺต > จิต)
: จินฺต + ต = จินฺตต > จิตฺต แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งที่ทำหน้าที่คิด” (2) “สิ่งที่ทำหน้าที่รู้อารมณ์” หมายถึง จิต, ใจ, ความคิด (the heart, mind, thought)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “จิตฺต” ไว้ดังนี้ –
The heart (psychologically), i. e. the centre & focus of man’s emotional nature as well as that intellectual element which inheres in & accompanies its manifestations; i. e. thought. (หัวใจ [ทางจิตวิทยา] คือศูนย์และจุดรวมของธรรมชาติที่เกี่ยวกับความรู้สึกของมนุษย์ กับส่วนของสติปัญญาซึ่งอยู่ในการแสดงออกเหล่านั้น; กล่าวคือ ความคิด)
“จิตฺต” ในภาษาไทยตัดตัวสะกดออกตัวหนึ่ง ใช้เป็น “จิต”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“จิต, จิต– : (คำนาม) ใจ, สิ่งที่มีหน้าที่รู้ คิดและนึก, (โบราณ เขียนว่า จิตร), ลักษณนามว่า ดวง. (ป. จิตฺต).”
(๒) “นิวรณ์”
บาลีเป็น “นีวรณ” (ภาษาไทย นิ– บาลี นี-) อ่านว่า นี-วะ-ระ-นะ รากศัพท์มาจาก นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง) + วรฺ (ธาตุ = ห้าม, ป้องกัน) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ) แล้วแปลง น เป็น ณ , ทีฆะ อิ ที่ นิ เป็น อี
: นิ + วรฺ = นิวรฺ + ยุ > อน = นิวรน > นิวรณ > นีวรณ แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องห้าม” หมายถึง นิวรณ์, เครื่องกั้น, เครื่องกีดขวาง (an obstacle, hindrance)
บาลี “นีวรณ” ภาษาไทยใช้เป็น “นิวรณ์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ว่า –
“นิวรณ์ : (คำนาม) สิ่งที่ขัดขวางจิตไม่ให้ก้าวหน้าในคุณธรรม มี ๕ ประการ คือ ความพอใจในกามคุณ ๑ ความพยาบาท ๑ ความหดหู่ซึมเซา ๑ ความฟุ้งซ่านรำคาญ ๑ ความลังเลใจ ๑. (ป.).
จิต + นิวรณ์ = จิตนิวรณ์ (จิด-นิ-วอน) เป็นคำประสมแบบไทย และให้ความหมายแบบไทย คือกำหนดให้ “นิวรณ์” แปลว่า “การหน่วงนึก” “จิตนิวรณ์” จึงหมายถึง อาการที่จิตหน่วงนึกไปถึงเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่งที่เคยได้ประสบพบเห็นมา
อภิปรายขยายความ :
เหตุให้ฝันข้อนี้ คำบาลีในคัมภีร์ใช้ว่า “อนุภูตปุพฺพ” อ่านว่า อะ-นุ-พู-ตะ-ปุบ-พะ ประกอบด้วยคำว่า อนุภูต + ปุพฺพ
(๑) “อนุภูต”
อ่านว่า อะ-นุ-พู-ตะ รากศัพท์มาจาก อนุ (คำอุปสรรค = น้อย, ภายหลัง, ตาม, เนืองๆ) + ภู (ธาตุ = มี, เป็น) + ต ปัจจัย
: อนุ + ภู = อนุภู + ต = อนุภูต แปลตามศัพท์ว่า “เป็นตามแล้ว” นักเรียนบาลีนิยมแปลว่า “เสวย” ซึ่งหมายถึงได้รับรู้รสของสิ่งนั้นๆ
“อนุภูต” ในบาลี :
– ใช้เป็นคำกริยาหรือคุณศัพท์ หมายถึง ถูกประสบ, เผชิญ, ได้รับ (having or being experienced, suffered, enjoyed)
– ใช้เป็นคำนาม หมายถึง ความทุกข์ยาก, ประสบการณ์ (suffering, experience)
(๒) “ปุพฺพ”
อ่านว่า ปุบ-พะ รากศัพท์มาจาก ปุพฺพฺ (ธาตุ = เต็ม) + อ (อะ) ปัจจัย
: ปุพฺพฺ + อ = ปุพฺพ (คุณศัพท์) แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนที่เต็ม” หมายถึง อดีต, แต่ก่อน, ก่อน (previous, former, before)
“ปุพฺพ” เมื่อเป็นส่วนท้ายของสมาส นิยมแปลเป็นไทยว่า “เคย-” เช่น –
“ทิฏฺฐปุพฺพ” (ทิด-ถะ-ปุบ-พะ) = “เคยเห็น” พบบ่อยในคำว่า “อทิฏฺฐปุพฺพ” = ไม่เคยเห็น เช่น “อทิฏฺฐปุพฺพสหาย” = เพื่อนที่ไม่เคยเห็นกัน คือเป็นเพื่อนกันแต่ไม่เคยเห็นตัวกัน เนื่องจากอยู่คนละเมือง
“ภูตปุพฺพํ” (พู-ตะ-ปุบ-พัง) = “เคยมี” หมายถึง เคยมีเรื่องทำนองนี้มาแล้ว, เรื่องแบบนี้เคยเกิดมาแล้ว
ดังนั้น อนุภูต + ปุพฺพ = อนุภูตปุพฺพ จึงแปลว่า “เคยเสวย” หมายถึง เคยรับรู้เรื่องนั้นมาก่อน
อาการที่จิตนึกหน่วงเอาสิ่งที่เคยพบเห็นมาคิดนึก จึงมีผู้ผูกเป็นคำแบบไทยว่า “จิตนิวรณ์” คือจิตไปคิดถึงเรื่องที่เคยพบเห็นมาก่อน แล้วเก็บเอามาฝัน
ความจริงถ้าใช้คำว่า “จิตอาวรณ์” ก็จะตรงกับความหมายที่เข้าใจกันในภาษาไทย เพราะ “อาวรณ์” ในภาษาไทยมักเข้าใจกันว่า “คิดกังวลถึง” “จิตอาวรณ์” ก็คือ จิตคิดกังวลถึง ซึ่งสอดคล้องกับความหมายของ “อนุภูตปุพฺพ” = เคยรับรู้เรื่องนั้นมาก่อน
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก ขยายความคำว่า “อนุภูตปุพฺพ” ไว้ดังนี้ –
…………..
อนุภูตปุพฺพโต ปสฺสนฺโต ปุพฺเพ อนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ ปสฺสติ ฯ
เมื่อบุคคลฝันเพราะจิตนิวรณ์ (เคยรับรู้เรื่องนั้นมาก่อน) ชื่อว่าย่อมฝันถึงอารมณ์ที่ตนเคยพบเห็นรับรู้มาแล้วในกาลก่อน
…………..
ยํ ธาตุกฺโขภโต อนุภูตปุพฺพโต จ สุปินํ ปสฺสติ
น ตํ สจฺจํ โหติ ฯ
ความฝันเพราะธาตุพิการและเพราะจิตนิวรณ์
เป็นความฝันที่ไม่จริง
ที่มา: คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัยปิฎก ภาค 2 หน้า 6
…………..
ดูก่อนภราดา!
ก่อนนอน –
: คิดมาก ฝันมาก
: คิดน้อย ฝันน้อย
: ไม่คิดเลย ไม่ฝันเลย
#บาลีวันละคำ (3,679)
9-7-65
…………………………….
…………………………….