เงียบสนิท
เงียบสนิท
———
ภาพที่ลงประกอบเรื่องนี้เป็นภาพที่ญาติมิตรแชร์มาที่หน้าบ้านผม ตามวิสัย “เพื่อน” ที่มีหน้าที่ทำประโยชน์ให้เพื่อน คือคอยให้ข้อมูลเรื่องราวอันควรรับรู้
ผมยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เพราะยังไม่เห็นข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นปัจจุบัน
ผู้ที่นำเอาภาพมาขยายผลต่อมาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไร
————-
เท่าที่จับความได้จากเฟซบุ๊กชื่อ “ความโหดร้าย ในดินแดน ปาตานี” ซึ่งโพสต์เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา 22:05 น. ว่า พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผบ.ฉก.ทพ.44 ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ได้ไปพบนายนัสรัณย์ฯ (ในภาพสะกดชื่อว่า Nasran Dengla) ผู้โพสต์ภาพ แต่จะเป็นตัวนายนัสรัณย์ฯ เองที่ขึ้นไปเหยียบเศียรพระพุทธรูปในภาพหรือเป็นบุคคลอื่น ไม่ทราบ เพราะภาพที่เห็นจงใจปิดส่วนศีรษะของคนที่ขึ้นไปเหยียบ
ในโพสต์บอกว่า ผบ.ฉก.ทพ.44 ได้ปรับความเข้าใจและว่ากล่าวตักเตือนนายนัสรัณย์ฯ
ข้อมูลตรงนี้เองที่ทำให้ท่านผู้หนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “ทิดเกษมโดนปรับเกือบคุก 2 ปี นี่แค่ตักเตือน?”
เฟซบุ๊กชื่อ “หลวงยศ หนุ่มทองแดง” ได้โพสต์ภาพเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา 9:32 น. ว่าคนที่เหยียบเศียรพระพุทธรูปตายแล้ว
โปรดสังเกต
“หลวงยศ หนุ่มทองแดง” โพสต์ภาพเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา 9:32 น.
“ความโหดร้าย ในดินแดน ปาตานี” โพสต์เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๙ เวลา 22:05 น.
โพสต์ของ “ความโหดร้าย ในดินแดน ปาตานี” ได้เอ่ยถึงข่าวที่ว่าคนที่เหยียบเศียรพระพุทธรูปตายแล้วนั้นไม่เป็นความจริง
โพสต์ของ “ความโหดร้าย ในดินแดน ปาตานี” แสดงหลักฐานว่า
วันที่ 5 ม.ค. 59 เวลา 05:00-06:30 เจอศพที่อ้างว่าเป็นศพของคนที่เหยียบเศียรพระพุทธรูป ใต้สะพานลอยในเขตรับผิดชอบ สภ.อ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี
แต่วันที่ 5 ม.ค. 59 เวลา 13:00 นายนัสรัณย์ฯ และครอบครัว ยังอยู่ที่ค่าย ฉก.ทพ.44 สายบุรี ปัตตานี
จากข้อความตรงนี้ทำให้ต้องเข้าใจว่า นายนัสรัณย์ฯ และครอบครัวถูกนำตัวไปที่ค่าย ฉก.ทพ.44 ไม่ใช่เพียงแค่ ผบ.ฉก.ทพ.44 ไปพบนายนัสรัณย์ฯ ที่บ้านตามที่ข่าวบอก
ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องที่ผมพยายามปะติดปะต่อเท่าที่จะทำได้
ตรงนี้ขอโอกาสขอร้องกันไว้สักนิดนะครับ เรื่องสำคัญขนาดนี้ (หรือแม้จะเป็นเรื่องขนาดไหนอีกก็ตาม) เมื่อจะเอามาเผยแพร่ น่าจะมีข้อมูลที่ครอบคลุมตามหลักการเสนอข่าว คือ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และผลต่อมาเป็นอย่างไร
————-
ญาติมิตรที่นำภาพนี้มาให้ผมเห็น ท่านได้เขียนความเห็นไว้ด้วยว่า
……….
งานพระศาสนาร้อนๆ
ใครคือเจ้าภาพหลัก
(ภาพนี้ว่อนเฟซบุ๊กมาหลายวันแล้ว
มิได้เจตนาจะมาเติมเชื้อ กราบอภัย)
——-
กระผมคิดว่า เส้นทางที่น่าดำเนินการ
คือประการแรกทำหนังสือเปิดผนึกพร้อมแนบภาพไปถึงสำนักจุฬาราชมนตรี สำนักพุทธ คสช. มหาเถรสมาคม เจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด กรมการศาสนา ชี้แจงเหตุแผลแห่งพฤติกรรมที่เกิดขึ้นให้ทราบอย่างเป็นทางการ และเป็นเบื้องต้นก่อน
(จบความเห็น)
……….
จนถึงวันนี้ (๑๐ มกราคม ๒๕๕๘) ผมก็ยังไม่ได้เห็นว่า นอกจาก ผบ.ฉก.ทพ.44 ไปพบนายนัสรัณย์ฯ และนำตัวไปว่ากล่าวตักเตือนแล้ว มีใครทำอะไรไปอีกบ้างหรือยัง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
————-
ความจริงแล้วผมอยากจะชวนคุยว่า เมื่อมีกรณีลบหลู่ศาสนาปรากฏขึ้นเช่นนี้ มีกฎหมายหรือระเบียบอะไรกำหนดไว้หรือเปล่าว่าเป็นหน้าที่ของใครที่จะต้องทำอะไร
บ้านเราเป็นนิติรัฐ คือใครหน่วยงานไหนจะต้องทำอะไร หรือจะต้องไม่ทำอะไร ขึ้นอยู่กับกฎหมายหรือระเบียบ
ใครที่รู้จริงในเรื่องนี้ ขอแรงช่วยบอกกันหน่อยนะครับ
ถ้าเรารู้ว่ามันมีกฎกติกาอยู่ว่าอย่างไร เราก็จะได้จับตาดูได้ถูกจุด
เท่าที่ปรากฏอยู่เดี่ยวนี้ คนทั้งหลายไม่รู้ว่างานแบบนี้ใครเป็นเจ้าภาพ เพราะไม่เห็นมีใครทำอะไร นอกจากบ่นว่ากันไปตามอารมณ์
คิดแบบกำปั้นทุบดินก็ต้องบอกว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะตำรวจมีหน้าที่ครอบจักรวาล
แต่ก่อนจะถึงตำรวจเป็นหน้าที่ใคร หรือใครมีหน้าที่ไปบอกตำรวจ
————-
หน่วยงานที่คนทั่วไปคาดหวังหรือเข้าใจว่ามีหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ คือ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา ไปจนถึงกระทรวงวัฒนธรรม มีหน้าที่ทำอะไรบ้างเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้?
ผมเชื่อว่า บางทีเราก็พูดกันเพลินไปโดยที่ไม่ได้รู้จริงว่า จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้เป็นหน้าที่ใครกันแน่ หรือใครกันบ้าง หน่วยงานดังที่เอ่ยชื่อนั้นท่านมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือเปล่า
เผลอๆ คนที่มีหน้าที่นั่นเองก็อาจจะนั่งนิ่งเฉย เพราะไม่รู้ว่างานนี้เป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องดำเนินการ
หรือว่า-เอาเข้าจริง แม้แต่การที่คนทั้งหลายจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้นั่นเองก็ไม่มีใครบอกได้ว่าเป็นหน้าที่ของใครที่จะให้ความรู้ นอกจากแต่ละคนจะไปขวยขวายหากันเอาเอง
น่าวังเวงนะครับ
————-
หลายปีมาแล้ว นาย Salman Rushdie นักเขียนชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดีย เขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง ชื่อ The Satanic Verses มีเนื้อหาที่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นศาสนาอิสลาม
Ayatollah Ruhollah Khomeini ผู้นำของอิหร่านในสมัยนั้นซึ่งก็เป็นผู้นำโลกมุสลิมด้วยได้ประกาศให้ชาวมุสลิมฆ่านาย Rushdie ทันที
จะเห็นได้ว่า ศาสนาอิสลามนั้นใครไปแตะเข้า เจ้าภาพเขาเอากันถึงตาย
————-
เป็นที่น่าสังเกตว่า เวลาใครมาแตะอิสลาม ผู้นำของเขาจะลุกขึ้นมาเล่นงานทันที
แต่เวลามุสลิมไปแตะใครเข้าบ้าง-อย่างกรณีนี้-ผู้นำเขาจะเงียบสนิท
ผู้นำของเราก็เงียบสนิทด้วยเช่นกัน
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๐ มกราคม ๒๕๕๙
๑๗:๐๑
…………………………….