บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ผู้ไม่เอาพระพุทธศาสนา

ผู้ไม่เอาพระพุทธศาสนา

————————-

แรกทีเดียว พระพุทธศาสนาก็ไม่มีอยู่ในโลกนี้ จนกระทั่งบุรุษหนึ่งซึ่งบำเพ็ญบารมีเต็มเปี่ยมแล้วมาอุบัติในโลก ปฏิบัติธรรม บรรลุธรรม ประกาศธรรม มีคนฟังธรรมนั้นแล้วปฏิบัติตามและได้บรรลุธรรมตาม โลกจึงรู้จักพระพุทธศาสนานับแต่บัดนั้น

ผ่านไปสองพันหกร้อยปี พระพุทธศาสนาก็แพร่หลายไปทั่วโลก และตั้งมั่นอยู่ในแผ่นดินที่เรียกว่า ประเทศไทย ในกาลบัดนี้

บัดนี้ ความเป็นที่ปรากฏชัดรู้เห็นกันทั่วไปว่า คนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เกิดบนแผ่นดินไทย อาศัยใช้ชีวิตอยู่ในแผ่นดินไทย บางกลุ่ม บางพวก บางคน พยายามทุกวิถีทางที่จะกำจัดพระพุทธศาสนาให้หมดไปจากแผ่นดินไทย 

วิธีที่รุนแรงก็เช่น ทำร้ายและฆ่าพระสงฆ์เป็นต้น 

วิธีที่อิงแอบอยู่กับวิชาการก็เช่น จำกัด กำจัด กีดกัน วิชาพระพุทธศาสนาให้หมดไปจากหลักสูตรการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาเป็นต้น

พระพุทธศาสนามีลักษณะไม่เหมือนศาสนาอื่นๆ อีกหลายศาสนา ที่เด่นที่สุดคือ –

พระพุทธศาสนาไม่บังคับข่มขู่ให้ใครมานับถือหรือเข้าเป็นพวก 

พระพุทธศาสนาไม่ใช้ความรุนแรงกับใคร 

ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาขาวสะอาดปราศจาก “สงครามศาสนา” ไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆ 

พระพุทธศาสนาไม่มีกองกำลังติดอาวุธแม้เพื่อป้องกันตัวเอง-ไม่ต้องพูดถึงที่จะมีไว้เพื่อทำสงครามกับใคร

พระพุทธศาสนาแผ่ไปยังถิ่นใดๆ และดำรงอยู่ในถิ่นใดๆ ได้ ก็ด้วยอาศัยผู้ปกครองบริหารถิ่นนั้นๆ มีศรัทธา หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่รังเกียจกีดกันกลั่นแกล้ง หากแต่ใช้นโยบายอันเป็นหลักปฏิบัติของบ้านเมืองที่เป็นมหาอำนาจโดยธรรมที่มีชื่อเรียกว่า “จักรวรรดิวัตร” (บาลี-จกฺกวตฺติวตฺต) 

ข้อหนึ่งในจักรวรรดิวัตรคือ “ธรรมิการักขา” หมายถึง จัดการรักษาป้องกันและคุ้มครองอันชอบธรรมและเป็นธรรมแก่พระสงฆ์และบรรพชิตผู้ทรงศีลทรงคุณธรรม (provision of the right watch, ward and protection for the religious)

ถิ่นใดๆ ที่ผู้ปกครองบริหารใช้นโยบายตรงกันข้ามกับธรรมิการักขา พระพุทธศาสนาก็แผ่ไปในถิ่นนั้นๆ ไม่ได้ แม้ที่แผ่ไปถึงหรือดำรงอยู่ในถิ่นนั้นๆ แล้วก็จะดำรงอยู่ต่อไปไม่ได้

ความที่กล่าวมานี้ขอให้ชาวเราช่วยกันตราไว้ในหัวใจจงดีเถิด

เมื่อพระพุทธองค์ผู้เป็นเจ้าของพระธรรมคำสอน หรือเจ้าของพระพุทธศาสนา ทรงประกาศพระพุทธศาสนาอยู่นั้น ผู้คนในเวลานั้นที่ได้รู้ได้เห็นได้ฟัง แล้วไม่ศรัทธา ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใส หรือพูดตามคำที่พูดกันอยู่ในเวลานี้ว่า-ไม่เอาพระพุทธศาสนา ก็มีอยู่เป็นอันมาก ถ้าจะประมาณตามข้อมูลที่ปรากฏ ก็มากกว่าผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสหลายต่อหลายเท่า ท่าทีของผู้คนบางกลุ่ม บางพวก บางคน ที่แสดงออกมาในเวลานี้ว่า-ไม่เอาพระพุทธศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องเพิ่งเกิดใหม่

เท่าที่ตรวจสอบตามข้อมูลที่ปรากฏ มีข้อเท็จจริงที่ควรสังเกตก็คือ ผู้คนที่ได้ฟังคำสอนแล้วรู้ชัด เข้าใจประจักษ์แจ้งจริงถึงหลักคำสอนที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนาแล้ว ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวที่ประกาศ-ไม่เอาพระพุทธศาสนา

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

๑๗:๑๔

…………………………………..

ผู้ไม่เอาพระพุทธศาสนา

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *