บาลีวันละคำ

โอทโน (บาลีวันละคำ 4,581)

โอทโน

1 ในเบญจโภชน์

ศีลของพระภิกษุเรารู้กันว่า มี 227 สิกขาบท 1 ใน 227 คือสิกขาบทที่ 5 โภชนวรรค ปาจิตติยกัณฑ์ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 501 ระบุ “เบญจโภชน์” ไว้ดังนี้ –

…………..

โภชนียํ  นาม  ปญฺจ  โภชนานิ  

โอทโน  กุมฺมาโส  สตฺตุ  มจฺโฉ  มํสํ  ฯ

ที่ชื่อว่า โภชนียะ (ของกิน) ได้แก่ โภชนะ 5 อย่าง คือ 

(1) โอทโน ข้าวสุก (boiled rice) 

(2) กุมฺมาโส ขนมสด (junket)

(3) สตฺตุ ขนมแห้ง (barley-meal)

(4) มจฺโฉ ปลา (fish)

(5) มํสํ เนื้อ (meat)

หลักพระวินัยกำหนดว่า ผู้นิมนต์พระไปฉัน ถ้าระบุชื่อโภชนะ เช่นบอกว่า นิมนต์ไปฉันไก่ย่าง นิมนต์ไปฉันหมูสะเต๊ะ นิมนต์ไปฉันก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น พระรับนิมนต์ไปฉัน มีความผิด (ภาษาพระว่า “ต้องอาบัติ”) ตามสิกขาบทที่อ้างข้างต้นนั้น ฐานความผิดคือ “รับนิมนต์ที่ออกชื่อโภชนะ”

ผู้นิมนต์พระที่รู้วินัยพระ จึงนิมนต์เป็นคำกลาง ๆ ไม่ระบุชื่ออาหาร คำที่ใช้กันอยู่คือ นิมนต์ฉันภัตตาหารเช้า นิมนต์ฉันภัตตาหารเพล หรือ นิมนต์ฉันเช้า นิมนต์ฉันเพล เท่านี้ก็เป็นอันถูกต้อง นิมนต์แบบนี้ พระรับนิมนต์ไปฉันได้

…………..

โอทโน” อ่านว่า โอ-ทะ-โน รูปคำเดิมเป็น “โอทน” อ่านว่า โอ-ทะ-นะ รากศัพท์มาจาก อุทิ (ธาตุ = เปียก,ชุ่ม; เจริญ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ), แปลง อุทิ เป็น โอท 

: อุทิ + ยุ = อุทิยุ > อุทิน > โอทน (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ข้าวที่เปียกน้ำ” (2) “ข้าวที่เจริญคือสวยงาม” 

โอทน” นักเรียนบาลีแปลกันว่า “ข้าวสุก”

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “โอทน” ว่า boiled rice (ข้าวที่หุงต้มแล้วสุก)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

โอทน-, โอทนะ : (คำนาม) ข้าวสุก, ข้าวสวย. (ป.).”

ขยายความ :

มีผู้ตั้งปัญหาว่า คำถวายภัตตาหารเป็นของสงฆ์ ที่มักเรียกตัดลัดเป็น “ถวายสังฆทาน” ใช้คำว่า “ภตฺตานิ” (ภัตตานิ) (อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ …)

“ภตฺตานิ” แปลว่า “ข้าวสุก” ซึ่งเป็น 1 ในเบญจโภชน์คือโภชนะทั้งห้า การใช้คำว่า “ภตฺตานิ” จึงมีความหมายเท่ากับเป็นการนิมนต์โดยออกชื่อโภชนะ ถ้าพระรับภัตตาหารไปฉันก็ต้องอาบัติตามสิกขาบทที่อ้าง

หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) ที่คำว่า “โอทน” บอกศัพท์ที่เป็นไวพจน์ คือคำที่มีความหมายเหมือนกับ “โอทน” ไว้ 4 คำ คือ กุร ภตฺต ภิกฺขา อนฺน เท่ากับยืนยันว่า “ภตฺต” ก็คือ “โอทน

เพราะฉะนั้น คำถวายภัตตาหารที่ใช้คำว่า “ภัตตานิ” จึงผิดพระวินัย เราใช้คำผิดกันมาตลอดโดยไม่รู้ตัว สมควรจะต้องแก้ไขใหม่

ที่ว่ามานี้เป็นการ “ตั้งปัญหา” หรือตั้งคำถาม ซึ่งจะต้องถามต่อไปอีกว่า เป็นเช่นที่ตั้งปัญหามานี้ใช่หรือไม่ ถามตรง ๆ ใช้คำว่า “ภัตตานิ” ผิดหรือไม่?

คำตอบมีดังนี้ –

ภัตตานิ” เขียนแบบบาลีเป็น “ภตฺตานิ” ศัพท์เดิมคือ “ภตฺต” (พัด-ตะ) เป็นนปุงสกลิงค์ แจกด้วยวิภัตตินามที่สอง พหูพจน์ จึงเปลี่ยนรูปเป็น “ภตฺตานิ

ภตฺต” แปลตามศัพท์ว่า “ของเป็นเครื่องกิน” “ของที่จะพึงกลืนกิน” 

ข้อความบางแห่งในคัมภีร์ คำว่า “ภตฺต” หมายถึง “ข้าวสุก” โดยเฉพาะ แต่โดยทั่วไป “ภตฺต” หมายถึง อาหาร (ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นข้าวสุก)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ภตฺต” ว่า feeding, food, nourishment, meal (การเลี้ยง, อาหาร, ของบำรุงเลี้ยงร่างกาย, อาหารที่เป็นมื้อ)

โปรดสังเกตว่า ไม่มีคำแปลที่หมายถึง “ข้าวสุก” (boiled rice)

ในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้ในที่หลายแห่งว่า ทายกนิมนต์พระสงฆ์ไปฉันอาหารที่บ้าน เมื่อเจ้าภาพจัดเตรียมอาหารพร้อมแล้วจะส่งคนไปแจ้งแก่ภิกษุด้วยคำว่า “ภนฺเต  นิฏฺฐิตํ  ภตฺตํ” (ภันเต นิฏฐิตัง ภัตตัง แปลว่า “อาหารเสร็จแล้วเจ้าข้า”)

เห็นได้ชัดว่า “ภัตตะ” ไม่ได้หมายถึง “ข้าวสุก” เพราะถ้าหมายถึงข้าวสุก คำแจ้งของเจ้าภาพดังกล่าวนั้นก็จะต้องขัดกับวินัยสงฆ์อย่างชัดเจน

อนึ่ง คำว่า “ภตฺต” ที่นำมาใช้ในภาษาไทย ก็ไม่ได้หมายถึง “ข้าวสุก” 

โปรดดูตัวอย่างจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ดังนี้ –

(1) ภัต, ภัต-, ภัตร : (คำนาม) อาหาร, ข้าว. (ป. ภตฺต). 

(2) ภัตกิจ : (คำนาม) การกินอาหาร. 

(3) ภัตตาคาร : (คำนาม) อาคารที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ค่อนข้างใหญ่และหรูหรา. (ป. ภตฺต + อคาร). 

(4) ภัตตาหาร : (คำนาม)  อาหารสำหรับภิกษุสามเณรฉัน. (ป. ภตฺต + อาหาร).

ในคำถวายทานข้างต้นใช้คำว่า “ภตฺต” ไม่ได้ใช้คำว่า “โอทน” ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นคนละคำกัน อีกทั้ง “ภตฺต” ในคำถวาย ก็ไม่ได้หมายถึง “ข้าวสุก” แต่หมายถึง “อาหาร” คำถวายนั้นจึงไม่ใช่เป็นการถวายโดยระบุชื่อโภชนาหารแต่ประการใดเลย เป็นคำที่ใช้ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องแก้เป็นอย่างอื่น

สิ่งที่จะต้องแก้ก็คือ ความเห็น ความรู้ ความเข้าใจ 

ถ้าเห็นผิด รู้ผิด เข้าใจผิด ก็ต้องแก้ให้ถูก

…………..

ดูก่อนภราดา!

: แก้ไขคน

: ยากกว่าแก้ไขคำ

#บาลีวันละคำ (4,581)

27-12-67 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *