บาลีวันละคำ

สาธุอุทานธรรมวาที (บาลีวันละคำ 4,690)

สาธุอุทานธรรมวาที

หลวงพ่อดีหนอ

อ่านว่า สา-ทุ-อุ-ทาน-ทำ-มะ-วา-ที

ประกอบด้วยคำว่า สาธุ + อุทาน + ธรรม + วาที

(๑) “สาธุ

อ่านว่า สา-ทุ รากศัพท์มาจาก สาธฺ (ธาตุ = สำเร็จ) + อุ ปัจจัย

สาธฺ + อุ = สาธุ แปลตามศัพท์ว่า “ยังประโยชน์ให้สำเร็จ” มีความหมายว่า “ดีแล้ว” “ถูกต้องแล้ว” “ใช่แล้ว” “เห็นชอบด้วย

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สาธุ” ในความหมายต่างๆ ดังนี้ –

(1) good, virtuous, pious (ดี, มีคุณธรรม, มีศรัทธาแก่กล้า)

(2) good, profitable, proficient, meritorious (ดี, งาม, คล่อง, มีกำไร, เป็นกุศล)

(3) well, thoroughly (อย่างดี, โดยทั่วถึง)

(4) come on, welcome, please (โปรดมาซี, ขอต้อนรับ, ยินดีต้อนรับ : ใช้ในฐานะเป็นคำขอร้องเชิญชวน)

(5) alright, yes (ดีแล้ว ตกลง : ใช้ในฐานะเป็นคำยอมรับและอนุมัติในการตอบคำถาม หรือกรณีอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “สาธุ” ไว้ว่า –

(1) (คำวิเศษณ์) ดีแล้ว, ชอบแล้ว, (เป็นคําที่พระสงฆ์เปล่งวาจาเพื่อยืนยันหรือรับรองพิธีทางศาสนาที่กระทําไป).

(2) (ภาษาปาก) (คำกริยา) เปล่งวาจาแสดงความเห็นว่าชอบแล้วหรืออนุโมทนาด้วย, มักใช้เข้าคู่กับคำ โมทนา เป็น โมทนาสาธุ

(3) (คำกริยา) ไหว้ (เป็นคําบอกให้เด็กแสดงความเคารพตามธรรมเนียม กร่อนเสียง เป็น ธุ ก็มี). 

(๒) “อุทาน” 

บาลีอ่านว่า อุ-ทา-นะ รากศัพท์มาจาก อุ (คำอุปสรรค = ขึ้น, นอก) + อิ (ธาตุ = เปล่งเสียง) + ยุ ปัจจัย, ยุ เป็น อน (อะ-นะ), ลง อาคมระหว่างอุปสรรคกับธาตุ (อุ + + อิ), แปลง อิ ธาตุเป็น อา

: อุ + + อิ > อา = อุทา + ยุ > อน = อุทาน แปลตามศัพท์ว่า “คำอันเขาเปล่งออกมาด้วยความตกใจหรือดีใจ

อุทาน” ในบาลีมีความหมายดังนี้ –

(1) การเปล่งออก, การเปล่งเสียงร้อง, คือ อุทาน ซึ่งเกิดขึ้นโดยความรู้สึกที่แรงกล้าเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะดีใจหรือเศร้าโศก (breathing out, exulting cry, i e. an utterance inspired by a particularly intense emotion, whether it be joyful or sorrowful)

(2) องค์หนึ่งในบรรดานวังคสัตถุศาสตร์ หรือคำสอนของพระศาสดาซึ่งมีองค์เก้า (one of the angas or categories of the Buddhist Scriptures)

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “อุทาน” ไว้ดังนี้ –

…………..

อุทาน :

1. วาจาที่เปล่งขึ้นโดยความเบิกบานใจ มักเป็นข้อความยาว ๑ หรือ ๒ คาถา ที่ยาวกว่านั้นมีน้อยครั้ง; ในภาษาไทย หมายถึงเสียงหรือคำที่เปล่งออกมาเวลาดีใจ แปลกใจ หรือตกใจ เป็นต้น 

2.พระอุทานคาถาของพระพุทธเจ้า อันสื่อธรรมที่ลึกซึ้งหรือเป็นคติธรรมสำคัญพร้อมทั้งเรื่องราวที่เป็นข้อปรารภให้ทรงเปล่งพระอุทานนั้นๆ ๘๐ เรื่อง รวมจัดเป็นคัมภีร์ที่ ๓ แห่งขุททกนิกาย.

…………..

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “อุทาน” ไว้ดังนี้ –

(1) อุทาน ๑ : (คำนาม) เสียงหรือคําที่เปล่งออกมาเวลาตกใจ ดีใจ หรือเสียใจ เป็นต้น; ในไวยากรณ์เรียกคําหรือเสียงที่เปล่งออกมาเช่นนั้นว่า คําอุทาน. (ป., ส.).

(2) อุทาน ๒ : (คำนาม) ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วนที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).

(๓) “ธรรม” 

บาลีเป็น “ธมฺม” อ่านว่า ทำ-มะ รากศัพท์มาจาก ธรฺ (ธาตุ = ทรงไว้) + รมฺม (ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (ธรฺ > ) และ ต้นปัจจัย (รมฺม > มฺม)

: ธรฺ > + รมฺม > มฺม : + มฺม = ธมฺม (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “กรรมที่ทรงไว้ซึ่งความดีทุกอย่าง” (หมายถึงบุญ)

(2) “สภาวะที่ทรงผู้ดำรงตนไว้มิให้ตกไปในอบายและวัฏทุกข์” (หมายถึงคุณธรรมทั่วไปตลอดจนถึงโลกุตรธรรม)

(3) “สภาวะที่ทรงไว้ซึ่งสัตว์ผู้บรรลุมรรคเป็นต้นมิให้ตกไปในอบาย” (หมายถึงโลกุตรธรรม คือมรรคผล)

(4) “สภาวะที่ทรงลักษณะของตนไว้ หรืออันปัจจัยทั้งหลายทรงไว้” (หมายถึงสภาพหรือสัจธรรมทั่วไป)

(5) “สภาวะอันพระอริยะมีโสดาบันเป็นต้นทรงไว้ ปุถุชนทรงไว้ไม่ได้” (หมายถึงโลกุตรธรรม คือมรรคผล)

คำแปลตามศัพท์ที่เป็นกลาง ๆ “ธมฺม” คือ “สภาพที่ทรงไว้

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ สรุปความหมายในแง่หนึ่งไว้ว่า “ธมฺม” หมายถึง –

(1) doctrine (คำสอน) 

(2) right or righteousness (สิทธิหรือความถูกต้อง) 

(3) condition (เงื่อนไข) 

(4) phenomenon (ปรากฏการณ์) 

ธมฺม” ในภาษาไทยนิยมใช้อิงรูปสันสกฤตเป็น “ธรรม” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ดังนี้ – 

(๑) คุณความดี เช่น เป็นคนมีธรรมะ เป็นคนมีศีลมีธรรม. 

(๒) คำสั่งสอนในศาสนา เช่น แสดงธรรม ฟังธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้า. 

(๓) หลักประพฤติปฏิบัติในศาสนา เช่น ปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรม. 

(๔) ความจริง เช่น ได้ดวงตาเห็นธรรม. 

(๕) ความยุติธรรม, ความถูกต้อง, เช่น ความเป็นธรรมในสังคม. 

(๖) กฎ, กฎเกณฑ์, เช่น ธรรมะแห่งหมู่คณะ. 

(๗) กฎหมาย เช่น ธรรมะระหว่างประเทศ.

(๘ ) สิ่งของ เช่น เครื่องไทยธรรม. 

(๔) “วาที” 

อ่านตรงตัวว่า วา-ที รากศัพท์มาจาก วทฺ (ธาตุ = กล่าว, พูด, แสดงความเห็น) + ณี ปัจจัย, ลบ , ทีฆะต้นธาตุ “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (วทฺ > วาท)

: วทฺ + ณี = วทณี > วที > วาที (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้กล่าว” 

หมายถึง พูดถึง, กล่าว, สอน, พูดคุย; ถือทัศนะหรือลัทธิคำสอน; ถกเถียง (speaking of, saying, asserting, talking; professing, holding a view or doctrine; arguing)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ดังนี้ –

วาที : (คำนาม) ผู้พูด, ผู้กล่าว, ผู้ชี้แจง, ผู้โต้แย้ง; คนเล่นดนตรี. (ป., ส.).”

การประสมคำ:

สาธุ + อุทาน = สาธุอุทาน อ่านแบบบาลีว่า สา-ทุ-อุ-ทา-นะ แปลว่า “อุทานว่าสาธุ” คือ อุทานออกมาว่า ดีแล้ว

ธมฺม + วาที = ธมฺมวาที (กำ-มะ-วา-ที) แปลว่า “ผู้กล่าวธรรมเป็นปกติ” หมายถึง ผู้พูดถูกต้องตามธรรมวินัย เขียนแบบไทยเป็น “ธรรมวาที

สาธุอุทาน + ธรรมวาที = สาธุอุทานธรรมวาที แปลว่า “ผู้มีปกติกล่าวธรรมคืออุทานว่าสาธุ

ขยายความ :

มีพระเถระรูปหนึ่งมักพูดคำว่า “ดีหนอ” ติดปาก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นท่านจะพูดว่า “ดีหนอ” เสมอ จนเรียกกันว่า “หลวงพ่อดีหนอ”

ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ มีสร้อยนามว่า “สาธุอุทานธรรมวาที” ซึ่งแปลงมาจากบุคลิกของท่านที่ชอบพูดว่า “ดีหนอ” นั้นเอง

บาลีวันละคำทำหน้าที่บอกความหมายของคำว่า “สาธุอุทานธรรมวาที” เท่านั้น เมื่อเอ่ยนามนี้หรือได้ยินนามนี้จะได้รู้ความหมาย

ส่วนประวัติของท่าน ขอแรงญาติมิตรทั้งปวงช่วยศึกษานำมาบอกเล่าสู่กันฟังต่อไปเทอญ

แถม :

ภาพประกอบเป็นภาพที่ผู้นำมาเผยแพร่บอกว่า นี่คือ “หลวงพ่อดีหนอ” คงจะพอเป็นเค้าเงื่อนให้สืบประวัติของท่านต่อไปได้บ้าง

…………..

ดูก่อนภราดา!

: มองโลกในแง่ดี ดียิ่ง

: มองโลกในแง่จริง ยิ่งดี

#บาลีวันละคำ (4,690)

15-4-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้