ตรีเอกานุภาพ (บาลีวันละคำ 4,746)

ตรีเอกานุภาพ
ฤๅจะตรงกับ 3 in 1
อ่านว่า ตฺรี-เอ-กา-นุ-พาบ
แยกศัพท์เป็น ตรี + เอก + อานุภาพ
(๑) “ตรี”
บาลีเป็น “ติ” และแปลงเป็น “เต” ได้ด้วย แปลว่า “สาม” (จำนวน 3)
หลักภาษา :
(1) ติ หรือ เต ถ้าคงรูปเช่นนี้ จะต้องมีคำอื่นมาสมาสท้ายเสมอ ไม่ใช้เดี่ยวๆ
(2) ติ หรือ เต ในบาลี มักแผลงเป็น “ตรี” หรือ “ไตร” ในภาษาไทย เช่น
– ติ + จีวร = ติจีวร = ไตรจีวร (จีวร 3 ผืน)
– ติ + ปิฏก = ติปิฏก = ตรีปิฎก, ไตรปิฎก (คัมภีร์ 3 หมวด = พระไตรปิฎก)
– เต + ภูมิ = เตภูมิ > ไตรภูมิ (ภพภูมิทั้ง 3) เช่น “ไตรภูมิพระร่วง” ชื่อเดิมคือ “เตภูมิกถา” (เต + ภูมิ + กถา) หนังสือว่าด้วยภูมิทั้ง 3
– เต + มาส = เตมาส = ตรีมาส, ไตรมาส (3 เดือน)
“ตรี” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ตรี ๓ : (คำวิเศษณ์) สาม เช่น ตรีเนตร, ชั้นที่ ๓ (ใช้เกี่ยวกับลําดับชั้นหรือขั้นของยศ ตําแหน่ง คุณภาพ หรือ วิทยฐานะ ตํ่ากว่า โท สูงกว่า จัตวา) เช่น ร้อยตรี ข้าราชการชั้นตรี ปริญญาตรี; เรียกเครื่องหมายวรรณยุกต์รูปดังนี้ ๊ ว่า ไม้ตรี. (ส. ตฺริ).”
(๒) “เอก”
บาลีอ่านว่า เอ-กะ รากศัพท์มาจาก อิ (ธาตุ = ไป, เป็นไป, ตั้งอยู่) + ณฺวุ ปัจจัย, แผลง อิ เป็น เอ, แปลง ณฺวุ เป็น อก
: อิ > เอ + ณฺวุ = เอณฺวุ > เอก แปลตามศัพท์ว่า (1) “ไปตามลำพัง” (คือไม่มีเพื่อนไปด้วย) (2) “ดำรงอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวเพราะไร้ผู้เหมือนกัน”
“เอก” ในบาลีใช้ใน 2 สถานะ คือ :
(1) เป็นสังขยา (คำบอกจำนวน) เช่น “ชายหนึ่งคน” เน้นที่จำนวน 1 คน = มุ่งจะกล่าวว่าชายที่เอ่ยถึงนี้มีเพียง “หนึ่งคน”
(2) เป็นคุณศัพท์ เช่น “ชายคนหนึ่ง” ไม่เน้นที่จำนวน = มุ่งจะกล่าวถึงชายคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
“เอก” หมายถึง หนึ่ง, หนึ่งเดียว, ดีที่สุด
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เอก, เอก– : (คำวิเศษณ์) หนึ่ง (จำนวน); ชั้นที่ ๑ (ใช้เกี่ยวกับลำดับชั้น หรือขั้นของยศ ตำแหน่ง คุณภาพ หรือวิทยฐานะ สูงกว่า โท) เช่น ร้อยเอก ข้าราชการชั้นเอก ปริญญาเอก; เรียกเครื่องหมายวรรณยุกต์รูปดังนี้ ‘่’ ว่า ไม้เอก; ดีเลิศ เช่น กวีเอก, สำคัญ เช่น ตัวเอก; (คำโบราณ) (คำนาม) เรียกลูกหญิงคนที่ ๗ ว่า ลูกเอก, คู่กับลูกชายคนที่ ๗ ว่า ลูกเจ็ด. (คำที่ใช้ในกฎหมาย). (ป., ส.).”
(๓) “อานุภาพ”
บาลีเป็น “อานุภาว” อ่านว่า อา-นุ-พา-วะ) รากศัพท์มาจาก อนุ (คำอุปสรรค = เนืองๆ) + ภู (ธาตุ = ไป, ถึง, บรรลุ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ อ-(นุ) เป็น อา (อนุ > อานุ), แผลง อู ที่ ภู เป็น โอ แล้วแปลง โอ เป็น อาว (ภู > โภ > ภาว)
: อนุ + ภู + ณ = อนุภูณ > อนุภู > อนุโภ > อนุภาว > อานุภาว แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ยังผู้พร้อมมูลด้วยสิ่งนั้นให้เจริญร่ำไป”
วิธีสรุปความหมายจากคำแปลตามศัพท์ : อานุภาว
– “สิ่งนั้น” คือเหตุปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นคุณธรรมเป็นต้น
– มีบุคคลที่มีเหตุปัจจัยเช่นนั้นพร้อมมูล
– มีภาวะอย่างหนึ่งทำให้บุคคลเช่นว่านั้นเจริญอยู่ร่ำไป
– จึงเรียก “ภาวะ” นั้นว่า “อานุภาว”
“อานุภาว” หมายถึง ความยิ่งใหญ่, ความดีเด่น, อานุภาพ, ความวิเศษ (greatness, magnificence, majesty, splendour)
บาลี “อานุภาว” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อานุภาพ” และ “อานุภาวะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –
“อานุภาพ, อานุภาวะ : (คำนาม) อํานาจ, ฤทธิ์เดช, ความยิ่งใหญ่. (ป., ส.).”
พจนานุกรมฯ บอกว่าคำนี้บาลีและสันสกฤตมีรูปคำเดียวกัน สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน ที่ผู้เขียนบาลีวันละคำใช้เป็นคู่มือค้นคว้าไม่มีคำว่า “อานุภาว” แต่มีคำว่า “อนุภาว” บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“อนุภาว : (คำนาม) ‘อนุภาพ,’ สีหน้าหรือท่าทาง (อันเปนสิ่งแสดงอารมณ์หรือความในใจ); ความมั่นใจ, ความเชื่อ, ความรู้; look or gesture (an indication or sign of passion); firm opinion, belief, understanding.”
ควรพิจารณาเปรียบเทียบว่า “อนุภาว” ในสันสกฤตเป็นคำเดียวกับ “อานุภาว” ในบาลี หรือเป็นคนละคำกัน ผู้สนใจพึงดูเพิ่มเติมที่คำว่า “อานุภาว” ในพจนานุกรมบาลี-อังกฤษ นั้นเถิด
การประสมคำ :
๑ ตรี + เอก = ตรีเอก แปลตามประสงค์ว่า “หนึ่งมาจากสาม” หรือ “สามรวมเป็นหนึ่ง”
๒ ตรีเอก + อานุภาพ = ตรีเอกานุภาพ แปลตามประสงค์ว่า “อานุภาพแห่งสามที่รวมเป็นหนึ่ง”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีคำว่า “ตรีเอกภาพ” และ “ตรีเอกานุภาพ” บอกไว้ดังนี้ –
“ตรีเอกภาพ, ตรีเอกานุภาพ : (คำนาม) คติความเชื่อในศาสนาคริสต์ที่ว่าพระบิดา พระบุตร และพระจิต (คาทอลิก) หรือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ (โปรเตสแตนต์) เป็น ๓ บุคคลที่รวมเป็นหนึ่ง ซึ่งความจริงก็คือพระเป็นเจ้าองค์เดียวกันนั่นเอง.”
ขยายความ :
คำว่า “ตรีเอกานุภาพ” เป็นศัพท์บัญญัติเทียบคำอังกฤษว่า Trinity
พจนานุกรม สอ เสถบุตร แปล Trinity ว่า สามองค์, พระผู้เป็นเจ้า ในศาสนาคริสต์ซึ่งแบ่งเป็นสาม คือ พระบิดา พระโอรสและพระวิญญาณ
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล Trinity เป็นบาลีดังนี้:
(1) (pitu-putta-atta-) tika (ปิตุ–ปุตฺต–อตฺต-) ติก
= ปิตุ–ปุตฺต–อตฺต–ติก (ปิ-ตุ-ปุด-ตะ-อัด-ตะ-ติ-กะ) = รวมสามสิ่ง คือ บิดา บุตร และตนเอง
(2) tividhākāra ติวิธาการ (ติ-วิ-ทา-กา-ระ) = “อาการสามอย่าง” (คือสิ่งสามประการรวมกันเป็นหนึ่ง)
…………..
ดูก่อนภราดา!
: แก้ความจริงให้ตรงกับความเชื่อไม่ได้
: แต่แก้ความเชื่อให้ตรงกับความจริงได้
#บาลีวันละคำ (4,746)
10-6-68
…………………………….
…………………………….