บาลีวันละคำ

อปราปริยเวทนียกรรม (บาลีวันละคำ 4,745)

อปราปริยเวทนียกรรม

กรรมกัดไม่ปล่อย

อ่านว่า อะ-ปะ-รา-ปะ-ริ-ยะ-เว-ทะ-นี-ยะ-กำ

แยกศัพท์ตามที่ตาเห็นเป็น อปราปริย + เวทนีย + กรรม

(๑) “อปราปริย” 

บาลีอ่านว่า อะ-ปะ-รา-ปะ-ริ-ยะ แยกศัพท์เป็น อปราปร + อิย ปัจจัย

(ก) “อปราปร” แยกศัพท์เป็น อปร + อปร 

อปร” รากศัพท์มาจาก + ปร

(1) “” บาลีอ่านว่า นะ เป็นศัพท์จำพวกนิบาต แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not) 

” เมื่อไปประสมกับคำอื่น มีกฎดังนี้ – 

1) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ให้แปลง เป็น (อะ) 

2) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ คือ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ให้แปลง เป็น อน (อะ-นะ)

ในที่นี้ “ปร” ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ จึงแปลง เป็น  

(2) “ปร” อ่านว่า ปะ-ระ รากศัพท์มาจาก (แทนศัพท์ว่า “เบียดเบียน”) + รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ มฺ ที่สุดธาตุ

: + รมฺ = ปรมฺ + กฺวิ = ปรมกฺวิ > ปรม > ปร แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยินดีในการเบียดเบียน” ความหมายเดิมคือ “ปรปักษ์” ซึ่งหมายถึงผู้ที่อยู่อีกข้างหนึ่ง หรืออยู่คนละข้างกัน ซึ่งตามปกติย่อมพอใจที่จะเบียดเบียนคือทำร้ายกัน

จากความหมายเดิมนี้ “ปร” จึงหมายถึง อีกข้างหนึ่ง, โพ้น; เหนือ, อีกอันหนึ่ง, อื่นอีก, อื่น (on the further side of, beyond; over, another, other)

+ ปร = นปร > อปร แปลตามศัพท์ว่า “ไม่ใช่ฝ่ายอื่น” หมายความว่า ฝ่ายอื่นก็ไม่ใช่ ฝ่ายตัวเองก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็น “อีกฝ่ายหนึ่งนอกไปจากฝ่ายอื่น” หมายถึง อีกอันหนึ่ง, คือ เพิ่ม, ต่อไป, ถัดไป, ที่สอง (another, i. e. additional, following, next, second)

อปร + อปร = อปราปร แปลตามศัพท์ว่า “อีกอันหนึ่งและอีกอันหนึ่ง” หมายความว่า ต่อเนื่องกันไป, ชาติต่อ ๆ ไป

(ข) อปราปร + อิย = อปราปริย แปลตามศัพท์ว่า “เนื่องกับอีกอันหนึ่งและอีกอันหนึ่ง” หมายถึง ติดตามตลอดไป, ต่อเนื่องกัน, ติดต่อกันไป, ชั่วกัลปาวสาน (ever-following, successive, continuous, everlasting)

(๒) เวทนีย 

อ่านว่า เว-ทะ-นี-ยะ รากศัพท์มาจาก วิทฺ (ธาตุ = รู้, รู้อารมณ์) + อนีย ปัจจัย, แผลง อิ ที่ วิทฺ เป็น เอ (วิทฺ > เวท)

: วิทฺ + อนีย = วิทนีย > เวทนีย แปลตามศัพท์ว่า “-อันบุคคลพึงเสวยรสอารมณ์” หมายถึง มีความรู้สึก, กอปรด้วยเวทนา (having feeling, endowed with sensation)

(๓) “กรรม

บาลีเป็น “กมฺม” อ่านว่า กำ-มะ รากศัพท์มาจาก กรฺ (ธาตุ = กระทำ) + รมฺม (รำ-มะ, ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุและ ที่ต้นปัจจัย

: กร > + รมฺม > มฺม : + มฺม = กมฺม

กมฺม” แปลว่า การกระทำ, สิ่งที่ทำ, การงาน (the doing, deed, work) นิยมพูดทับศัพท์ว่า “กรรม

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

(1) กรรม ๑, กรรม– ๑ : (คำนาม) (๑) การ, การกระทำ, การงาน, กิจ, เช่น พลีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ, เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม.(๒) การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ.(๓) บาป, เคราะห์, เช่น คนมีกรรม กรรมของฉันแท้ ๆ.(๔) ความตาย ในคำว่า ถึงแก่กรรม.

(2) กรรม ๒, กรรม– ๒ : (คำที่ใช้ในไวยากรณ์) (คำนาม) ผู้ถูกกระทำ เช่น คนกินข้าว ข้าว เป็นกรรมของกริยา กิน.

ในที่นี้ “กรรม” ใช้ในความหมายตามข้อ (1) คือหมายถึง การ, การกระทำ, การงาน, กิจ

การประสมคำ :

อปราปริย + เวทนีย = อปราปริยเวทนีย (อะ-ปะ-รา-ปะ-ริ-ยะ-เว-ทะ-นี-ยะ) แปลว่า “อันจะพึงเสวยผลในภพต่อ ๆ ไป” 

อปราปริยเวทนีย + กมฺม = อปราปริยเวทนียกมฺม (อะ-ปะ-รา-ปะ-ริ-ยะ-เว-ทะ-นี-ยะ-กำ-มะ) แปลว่า “กรรมอันจะพึงเสวยผลในภพต่อ ๆ ไป” หมายถึง กรรมที่จะให้ผลในชาติต่อจากชาติหน้าและชาติต่อ ๆ ไป

ถ้าเทียบคำ 3 คำในชุดนี้ก็จะเห็นความหมายชัดเจนขึ้น คือ –

ทิฏฺฐธมฺมเวทนียกมฺม = กรรมให้ผลในชาตินี้ 

อุปปชฺชเวทนียกมฺม = กรรมให้ผลในชาติหน้า คือต่อจากชาตินี้

อปราปริยเวทนียกมฺม = กรรมให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป คือถัดจากชาติหน้าไปอีก

อปราปริยเวทนียกมฺม” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อปราปริยเวทนียกรรม” (อะ-ปะ-รา-ปะ-ริ-ยะ-เว-ทะ-นี-ยะ-กำ) คำนี้ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554

ขยายความ :

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –

…………..

อปราปริยเวทนียกรรม : กรรมที่เป็นกุศลก็ดี อกุศลก็ดี ซึ่งให้ผลในภพต่อ ๆ ไป (ข้อ ๓ ในกรรม ๑๒) 

…………..

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [338] กรรม 12 แสดงไว้ดังนี้ – 

…………..

กรรม 12 (การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม, ในที่นี้หมายถึงกรรมประเภทต่างๆ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ผลของกรรมเหล่านั้น — Kamma: karma; kamma; action; volitional action)

หมวดที่ 1 ว่าโดยปากกาล คือ จำแนกตามเวลาที่ให้ผล (classification according to the time of ripening or taking effect)

1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในปัจจุบันคือในภพนี้ — Diṭṭhadhamma-vedanīyakamma: kamma to be experienced here and now; immediately effective kamma)

2. อุปปัชชเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในภพที่จะไปเกิดคือในภพหน้า — Upapajja-vedanīyakamma: kamma to be experienced on rebirth; kamma ripening in the next life)

3. อปราปริยเวทนียกรรม (กรรมให้ผลในภพต่อ ๆ ไป — Aparāpariya-vedanīya-kamma: kamma to be experienced in some subsequent lives; indefinitely effective kamma)

4. อโหสิกรรม (กรรมเลิกให้ผล ไม่มีผลอีก — Ahosi-kamma: lapsed or defunct kamma)

หมวดที่ 2 ว่าโดยกิจ คือ จำแนกการให้ผลตามหน้าที่ (classification according to function)

5. ชนกกรรม (กรรมแต่งให้เกิด, กรรมที่เป็นตัวนำไปเกิด — Janaka-kamma: productive kamma; reproductive kamma)

6. อุปัตถัมภกกรรม (กรรมสนับสนุน, กรรมที่เข้าช่วยสนับสนุนหรือซ้ำเติมต่อจากชนกกรรม — Upatthambhaka-kamma: supportive kamma; consolidating kamma)

7. อุปปีฬกกรรม (กรรมบีบคั้น, กรรมที่มาให้ผล บีบคั้นผลแห่งชนกกรรมและอุปัตถัมภกรรมนั้น ให้แปรเปลี่ยนทุเลาลงไป บั่นทอนวิบากมิให้เป็นไปได้นาน — Upapīḷaka-kamma: obstructive kamma; frustrating kamma)

8. อุปฆาตกกรรม (กรรมตัดรอน, กรรมที่แรง ฝ่ายตรงข้ามกับชนกกรรมและอุปัตถัมภกกรรมเข้าตัดรอนการให้ผลของกรรมสองอย่างนั้น ให้ขาดไปเสียทีเดียว เช่น เกิดในตระกูลสูง มั่งคั่ง แต่อายุสั้น เป็นต้น — Upaghātaka-kamma: destructive kamma; supplanting kamma)

หมวดที่ 3 ว่าโดยปากทานปริยาย คือ จำแนกตามความยักเยื้องหรือลำดับความแรงในการให้ผล (classification according to the order of ripening)

9. ครุกกรรม (กรรมหนัก ให้ผลก่อน ได้แก่ สมาบัติ 8 หรือ อนันตริยกรรมGaruka-kamma: weighty kamma)

10. พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม (กรรมทำมากหรือกรรมชิน ให้ผลรองจากครุกกรรม — Bahula-kamma or Āciṇṇa-kamma: habitual kamma)

11. อาสันนกรรม (กรรมจวนเจียน หรือกรรมใกล้ตาย คือกรรมทำเมื่อจวนจะตายจับใจอยู่ใหม่ ๆ ถ้าไม่มี 2 ข้อก่อน ก็จะให้ผลก่อนอื่น — Āsanna-kamma: death-threshold kamma; proximate kamma)

12. กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม (กรรมสักว่าทำ, กรรมที่ทำไว้ด้วยเจตนาอันอ่อน หรือมิใช่เจตนาอย่างนั้นโดยตรง ต่อเมื่อไม่มีกรรมอื่นให้ผลแล้วกรรมนี้จึงจะให้ผล — Katattākamma or Katattāvāpana-kamma: reserve kamma; casual act) กฏัตตากรรม ก็เขียน

กรรม 12 หรือ กรรมสี่ 3 หมวดนี้ มิได้มีมาในบาลีในรูปเช่นนี้โดยตรง พระอาจารย์สมัยต่อมา เช่น พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นต้น ได้รวบรวมมาจัดเรียงเป็นแบบไว้ในภายหลัง.

…………..

ดูก่อนภราดา!

ใครที่เคยทำเลวไว้ –

: อย่านึกว่าจะพ้นจากผลของความระยำ

: เพราะกรรมกัดไม่ปล่อย

#บาลีวันละคำ (4,745)

9-6-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *