ความรู้เกี่ยวกับ รัตนสูตร

ความรู้เกี่ยวกับรัตนสูตร
———————–
วันสองวันมานี้ มีผู้เอ่ยถึง “รัตนสูตร” กันหนาหู จึงขอถือโอกาสนำเรื่อง “รัตนสูตร” มาเล่าสู่กันฟัง พอเป็นเครื่องประเทืองปัญญา
“รัตนสูตร” หรือ “รตนสูตร” คำบาลีว่า รตนสุตฺต (ระ-ตะ-นะ-สุด-ตะ) เป็นพระสูตรหนึ่งที่มีปรากฏในพระไตรปิฎก ๒ แห่ง คือ (๑) คัมภีร์ขุททกปาฐะ ขุททกนิกาย พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๗ และ (๒) คัมภีร์สุตตนิบาต ขุททกนิกาย พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๓๑๔
รัตนสูตรเป็นบทที่ว่าด้วยคุณค่าและอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าประทานแก่ชาวเมืองเวสาลีเมื่อคราวประสบวิกฤตการณ์อันเลวร้าย
อรรถกถาเล่าว่า คราวหนึ่ง ที่เมืองเวสาลี ได้เกิดทุพภิกขภัยใหญ่ ผู้คนล้มตาย ซากศพเกลื่อนเมือง พวกอมนุษย์ก็เข้ามา แถมอหิวาตกโรคซ้ำอีก ในที่สุด กษัตริย์ลิจฉวีตกลงไปอาราธนาพระพุทธเจ้า ซึ่งเวลานั้นประทับที่เมืองราชคฤห์ (ยังอยู่ในรัชกาลของพระเจ้าพิมพิสาร) ขอให้เสด็จมา พระพุทธองค์ประทับเรือเสด็จมา เมื่อถึงเขตแดน พอย่างพระบาทลงทรงเหยียบฝั่งแม่น้ำคงคา ฝนโบกขรพรรษก็ตกลงมาจนน้ำท่วม พัดพาซากศพลอยลงแม่น้ำคงคาไปหมด และเมื่อเสด็จถึงเมืองเวสาลี ท้าวสักกะและประดาเทพก็มาชุมนุมรับเสด็จ เป็นเหตุให้พวกอมนุษย์หวาดกลัว พากันหนีไป
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสรัตนสูตรให้พระอานนท์เรียนและเดินทำปริตรไปในระหว่างกำแพงเมืองทั้ง ๓ ชั้น พระอานนท์เรียนรัตนสูตรนั้นแล้วสวดเพื่อเป็นปริตร คือเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกัน พร้อมทั้งถือบาตรของพระพุทธเจ้าใส่น้ำเดินพรมไปทั่วทั้งเมือง
เป็นอันว่าทั้งภัยแล้ง ภัยอมนุษย์ และภัยจากโรค ก็สงบสิ้นไป
พระพุทธเจ้าประทับที่เมืองเวสาลีครึ่งเดือนจึงเสด็จกลับ มีการชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อส่งเสด็จ เรียกว่า “คงคาโรหณสมาคม” แปลว่า การชุมนุมในคราวเสด็จลงแม่น้ำคงคาเพื่อเสด็จกลับสู่เมืองราชคฤห์
พระสูตรนี้แสดงคุณของพระรัตนตรัย จึงเรียกว่า “รัตนสูตร” (ในมิลินทปัญหาบางฉบับเรียกว่า “สุวัตถิสูตร” เพราะแต่ละคาถาลงท้ายว่า “สุวตฺถิ โหตุ” – ด้วยสัจจะนี้ ขอความสวัสดีจงมี)
เรื่องที่อรรถกถาเล่านี้ น่าจะเป็นที่มาของประเพณีการเอาน้ำใส่บาตรทำน้ำมนต์ แล้วพรมน้ำมนต์เพื่อความสุขสวัสดี
ในการเจริญพระพุทธมนต์ในงานมงคลแต่เดิมนั้นจะสวดรตนสูตรเต็มสูตร ภายหลังเห็นว่ายาวเกินไป จึงลดลงสวดแต่เพียงบทสำคัญๆ เท่านั้น รตนสูตรนี้นิยมเรียกกันว่า “สูตรน้ำมนต์” เพราะเมื่อจะทำน้ำพุทธมนต์จะขาดบทนี้ไม่ได้ บางตำรากล่าวว่านิยมให้พระเถระผู้เป็นประธานหยอดหยดเทียนน้ำมนต์เมื่อเริ่มสวดพระสูตรนี้ และเมื่อจะดับเทียนน้ำมนต์ก็ให้ดับในท้ายสูตรนี้ด้วย (คือตรงบาทพระคาถาว่า นิพพันติ ธีรา ยะถายัมปะทีโป – นักปราชญ์ย่อมดับสนิท เหมือนประทีปดวงนี้อันดับไปฉะนั้น) ดังนั้น ในการเจริญพระพุทธมนต์ทุกครั้งจึงขาดบทนี้ไม่ได้ เพราะเป็นบทที่กล่าวถึงคุณพระรัตนตรัย และมีประวัติความเป็นมาที่แสดงให้เห็นว่า รัตนสูตรนี้เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนเมื่อมีสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม
(ประมวลความจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต หัวข้อ “ปริตร” และ อธิบายบทสวดมนต์ วัดสุทัศนเทพวราราม หน้า ๗๙-๘๒ พระมหาสุทธิพงษ์ อภิวํโส เรียบเรียง)
ตอนต่อไป จะได้อัญเชิญพระบาลีรัตนสูตรพร้อมทั้งคำแปลมาเสนอเพื่อเจริญศรัทธาและเป็นอุปการะในการศึกษาพระธรรมวินัย
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓
๑๗:๕๐