บาลีวันละคำ

นิคัยหวาที (บาลีวันละคำ 4,804)

นิคัยหวาที

ไม่ใช่-ดีแต่เที่ยวจับผิดชาวบ้าน

อ่านว่า นิ-ไค-หะ-วา-ที

ประกอบด้วยคำว่า นิคัยห + วาที 

(๑) “นิคัยห” 

เขียนแบบบาลีเป็น “นิคฺคยฺห” อ่านว่า นิก-ไค-หะ รากศัพท์มาจาก นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง) + คหฺ (ธาตุ = จับ, ถือ) + ณย ปัจจัย, ลบ ณฺ (ณฺย > ), ซ้อน คฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ (นิ + คฺ + คหฺ), กลับ หฺย (คือ หฺ ที่สุดธาตุ + จาก (ณฺ)- ปัจจัย) เป็น ยฺห 

: นิ + คฺ + คหฺ = นิคฺคหฺ + ณฺย = นิคฺคหณฺย > นิคฺคหฺย > นิคฺคยฺห แปลตามศัพท์ว่า “การข่ม” หมายถึง การควบคุม, การตำหนิ, การติเตียน, การกล่าวโทษ (control, rebuke, censure, blame)

นิคฺคยฺห” ในภาษาไทยตัดตัวสะกดออกตัวหนึ่ง ใช้เป็น “นิคัยห-” ถ้าอยู่ท้ายคำเขียนเป็น “นิคัยหะ

คำว่า “นิคัยหะ” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 

(๒) “วาที” 

รากศัพท์มาจาก วทฺ (ธาตุ = กล่าว, พูด, แสดงความเห็น) + ณี ปัจจัย, ลบ , ทีฆะต้นธาตุ “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (วทฺ > วาท)

: วทฺ + ณี = วทณี > วที > วาที (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้กล่าว” 

หมายถึง พูดถึง, กล่าว, สอน, พูดคุย; ถือทัศนะหรือลัทธิคำสอน; ถกเถียง (speaking of, saying, asserting, talking; professing, holding a view or doctrine; arguing)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายไว้ดังนี้ –

วาที : (คำนาม) ผู้พูด, ผู้กล่าว, ผู้ชี้แจง, ผู้โต้แย้ง; คนเล่นดนตรี. (ป., ส.).”

นิคฺคยฺห + วาที = นิคฺคยฺหวาที (นิก-ไค-หะ-วา-ที) แปลว่า “ผู้กล่าวตำหนิ” 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “นิคฺคยฺหวาที” ว่า one who speaks rebukingly, censuring, reproving, resenting (ผู้กล่าวตำหนิ, ติเตียน, ว่ากล่าว, ไม่เห็นด้วย, ไม่ชอบ) 

นิคฺคยฺหวาที” ใช้ในภาษาไทยเป็น “นิคัยหวาที

คำว่า “นิคัยหวาที” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 

ขยายความ :

คัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถาอธิบายขยายความคำว่า “นิคัยหวาที” ไว้ดังนี้ –

…………..

นิคฺคยฺหวาทินฺติ  

คำว่า นิคฺคยฺหวาทึ มีอธิบายดังนี้ –

เอกจฺโจ  หิ  สทฺธิวิหาริกาทีนํ  อสารุปฺปํ  วา  ขลิตํ  วา  ทิสฺวา  

อาจารย์บางท่านเห็นมารยาทอันมิบังควรก็ดี ความผิดพลาดก็ดี ของพวกศิษย์เช่นสัทธิวิหาริกเป็นต้นแล้ว คิดว่า —

อยํ  เม  มุโขทกทานาทีหิ  สกฺกจฺจํ  อุปฏฺฐหติ  

ศิษย์ผู้นี้ปรนนิบัติดูแลเราอย่างแข็งขัน ด้วยกิจวัตรมีให้น้ำล้างหน้าเป็นต้น

สเจ  ตํ  วกฺขามิ  

ถ้าเราจักว่ากล่าวเธอ 

น  มํ  อุปฏฐหิสฺสติ  

เธอจักไม่ปรนนิบัติดูแลเรา

เอวํ  เม  ปริหานิ  ภวิสฺสตีติ  

อย่างนี้ เราก็จักเสียผลประโยชน์

วตฺตุํ  อวิสหนฺโต  

คิดดังนี้ จึงไม่อาจจะว่ากล่าวตักเตือนได้

น  นิคฺคยฺหวาที  นาม  โหติ  

(อาจารย์ชนิดนี้) หาชื่อว่านิคัยหวาทีไม่

โส  อิมสฺมึ  สาสเน  กจวรํ  อากิรติ.  

อาจารย์ชนิดนั้นชื่อว่าเอาขยะมาทิ้งไว้ในพระศาสนานี้

โย  ปน  ตถารูปํ  วชฺชํ  ทิสฺวา  

ส่วนอาจารย์ใด เมื่อเห็นโทษผิดชนิดนั้นแล้ว

วชฺชานุรูปํ  

ตชฺเชนฺโต  ปณาเมนฺโต  

ทณฺฑกมฺมํ  กโรนฺโต  

วิหารา  นีหรนฺโต  

ว่ากล่าวตักเตือน (บ้าง)

ลงทัณฑกรรม (บ้าง)

ขับออกจากสำนัก (บ้าง)

ตามควรแก่โทษผิด

สิกฺขาเปติ.  

(การลงโทษทั้งปวงนั้น) ก็คืออบรมสั่งสอน

อยํ  นิคฺคยฺหวาที  นาม  

อาจารย์ชนิดนี้ชื่อว่านิคัยหวาที

เสยฺยถาปิ  สมฺมาสมฺพุทฺโธ.

มีครุวนาดุจองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าฉะนั้น 

…………..

ที่มา: ราธเถรวัตถุ ธัมมปทัฏฐกถา ภาค 4 หน้า 4

…………..

ดูก่อนภราดา!

ครูบาอาจารย์ที่น่ากลัว คือ –

: ไม่ปล่อยผลประโยชน์ส่วนตัว

: แต่ปล่อยให้ศิษย์ประพฤติชั่วอยู่ในพระศาสนา

#บาลีวันละคำ (4,804)

7-8-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้