นานา (บาลีวันละคำ 4,803)

นานา
ไม่ใช่ นา ๆ
ผู้เขียนบาลีวันละคำอ่านโพสต์ของ “ดอกเตอร์” ท่านหนึ่ง ท่านเขียนคำว่า “สังเกต” เป็น “สังเกตุ” (มีสระอุใต้ ต) และเขียนคำว่า “นานา” เป็น “นา ๆ” ก็เกิดความรู้สึกคล้ายกับที่ภาษาธรรมท่านเรียกว่า “ธรรมสังเวช”
คำว่า “ธรรมสังเวช” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายว่า “ความสังเวชโดยธรรม เมื่อเห็นความแตกดับของสังขาร”
ผู้เขียนบาลีวันละคำไม่ได้เห็นความแตกดับของสังขาร แต่เห็นความแตกดับของภาษาไทย อันเกิดเพราะการไม่ใส่ใจและการไม่เห็นความสำคัญของภาษาอันเป็นสมบัติวัฒนธรรมของชาติ
“นานา” อ่านตรงตัวว่า นา-นา เป็นภาษาบาลี เป็นคำจำพวก “นิบาต” ลักษณะเฉพาะของนิบาตคือ คงรูป ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย
“นานา” แปลตามศัพท์ว่า “อย่างนั้นอย่างนี้” (so and so) คือ ต่าง ๆ, หลายอย่าง, ปนกันหลายอย่าง, ทุกชนิด (different, divers, various, motley; variously, differently)
บาลี “นานา” สันสกฤตก็เป็น “นานา”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
“นานา : (คำวิเศษณ์) มาก, หลาย, ต่าง ๆ; ทวีหรือทวีคูณ; many, various; double or two-fold.”
อภิปรายขยายความ :
คัมภีร์มหานิทเทส พระไตรปิฎกเล่ม 29 ข้อ 521 ไขความไว้ว่า “นานา” มีความหมายเท่ากับ วิวิธํ, อญฺโญญฺญํ, ปุถุ, น เอกํ
คำไขความของ “นานา” ขยายความได้ดังนี้ –
(1) วิวิธํ (วิ-วิ-ทัง) = หลายอย่าง, ต่างประการ, ปนกัน (divers, manifold, mixed)
(2) อญฺโญญฺญํ (อัน-โยน-ยัง) = แปลตามตัวว่า “อื่นและอื่น” หมายถึง ซึ่งกันและกัน, ต่อกันและกัน, เกี่ยวทั้งสองฝ่าย, ตอบแทนซึ่งกันและกัน (one another, each other, mutually, reciprocally)
(3) ปุถุ (ปุ-ถุ) = มากมาย, หลายอย่าง, ต่างๆ (numerous, various, several, more, many, most)
(4) น เอกํ (นะ เอ-กัง) = แปลตามตัวว่า “ไม่ใช่หนึ่ง” หมายถึง มาก, ต่างๆ กัน; นับไม่ได้, คำนวณไม่ได้ (“not one”, many, various; countless, numberless)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“นานา : (คำวิเศษณ์) ต่าง ๆ. (ป.).”
เพราะ “นานา” หมายถึง “ต่าง ๆ” ในภาษาไทยจึงนิยมพูดควบกันเป็น “ต่าง ๆ นานา”
และอาจเป็นเพราะคำว่า “ต่าง ๆ” เราใช้ไม่ยมก คำว่า “นานา” ที่พูดควบกันจึงมักมีคนเผลอไปเขียนเป็น “นา ๆ” คือใช้ไม้ยมกเช่นเดียวกับ “ต่าง ๆ” และเขียนเป็น “ต่าง ๆ นา ๆ” โดยไม่เฉลียวใจว่าเขียนผิด
ผิดตรงไหน
ผิดตรงที่ในบาลีไม่มีไม้ยมก
“นานา” คือ นา + นา
ไม่ใช่ นา + ๆ
ดังนั้น คำนี้จึงเขียนเป็น “นา ๆ” ไม่ได้ แต่ต้องเขียนเป็น “นานา”
ทำไมจึงมักมีผู้เขียนคำนี้เป็น “นา ๆ” คือ นา + ไม้ยมก?
ตอบได้ว่า เพราะใช้แนวเทียบผิด กล่าวคือ ในภาษาไทยมีคำจำพวกหนึ่งที่เราพูดซ้ำกัน 2 ครั้ง เช่น “ค่ำค่ำ” “เช้าเช้า” “เบาเบา” “แรงแรง” “เร็วเร็ว” “ช้าช้า” “เบื่อเบื่ออยากอยาก”
คำจำพวกนี้เวลาเขียน เราใช้ไม้ยมกแทนคำที่ 2 คือเขียนคำแรกแล้วใช้ไม้ยมกตามหลัง เป็น “ค่ำ ๆ” “เช้า ๆ” “เบา ๆ” “แรง ๆ” “เร็ว ๆ” “ช้า ๆ” “เบื่อ ๆ อยาก ๆ”
ไม้ยมกนั้นเดิมก็คือเลข ๒ ไทย ทำหน้าที่บังคับให้อ่านคำแรก 2 ครั้ง เช่นเขียนว่า “ค่ำ ๒” เราไม่อ่านว่า “ค่ำ-สอง” แต่อ่านว่า “ค่ำ-ค่ำ”
เราเข้าใจอย่างนี้กันทั่วไปจนเป็นหลักการอย่างหนึ่ง ดังนั้น พอมาได้ยินคำว่า นา-นา เราก็ใช้หลักการเดิมเป็นแนวเทียบ เขียนเป็น “นา ๆ” เพราะไม่เข้าใจหรือไม่ทันได้นึกว่าคำนี้ไม่ใช่คำไทย แต่เป็นคำบาลี และคำเดิมในบาลีไม่มีไม้ยมก แต่เขียนเป็น นา + นา = นานา ดังนั้น คำนี้จึงเขียนเป็น “นา ๆ” ไม่ได้ แต่ต้องเขียนเป็น “นานา”
เราส่วนมากมักอ้างว่าเป็นเพราะความเคยชินกับวิธีเขียนคำไทย จึงทำให้เขียนคำนี้ผิด
วิธีแก้ไขก็คือ เปิดใจรับรู้ภาษาบาลี และยอมรับหลักการในภาษาบาลีจนเป็นความเคยชิน
ขอให้ลองเทียบกับคำว่า “ฟอร์ด” ซึ่งเรานิยมอ่านออกเสียงว่า ฝอด
เราเขียนคำไทยว่า กอด ขอด จอด …
พอมาถึง “ฟอร์ด” ทำไมเราไม่เขียนเป็น “ฝอด” เหมือนคำไทยที่เราเคยชิน?
ก็เพราะใจเราเปิดรับข้อมูลว่า คำนี้เป็นภาษาอังกฤษ สะกดว่า Ford และถอดเป็นอักษรไทยว่า “ฟอร์ด” แต่นิยมอ่านออกเสียงว่า ฝอด
เมื่อเปิดใจรับเช่นนี้ เราก็จึงไม่เขียนเป็น “ฝอด” ตามเสียงอ่าน แต่เขียนเป็น “ฟอร์ด” ตามรูปคำเดิมในภาษาอังกฤษ
ที่ว่ามานี้มีอุปมาฉันใด
การเขียนคำว่า “นานา” ก็มีอุปไมยฉันนั้น
อย่าเทียบกับคำไทย เช่น “ต่าง ๆ”
แต่จงเปิดใจว่า “นานา” เป็นคำบาลี
และคำบาลีไม่มีไม้ยมก
เมื่อเปิดใจรับรู้ดังนี้ เราก็จะเขียนไม่ผิด
และไม่ต้องอ้างอีกต่อไปว่า-เขียนผิดเพราะความเคยชิน
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เขียนภาษาไทยผิดไม่ใช่ปัญหามากมาย
: เห็นว่าเขียนผิดไม่เสียหาย-นั่นต่างหากคือปัญหา
#บาลีวันละคำ (4,803)
6-8-68
.…………………………….
…………………………….
