บาลีวันละคำ

สวาหาย (บาลีวันละคำ 4,846)

สวาหาย

แต่อย่าให้ปัญญาหาย

อ่านตามที่ได้ยินมาว่า สะ-หฺวา-หาย

สวาหาย” เป็นภาษาอะไร?

คำที่ใกล้เคียงกับ “สวาหาย” มากที่สุดที่พบในพจนานุกรมคือ “สวาหะ

ขอยกข้อความจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มาให้ดูเต็ม ๆ ตามต้นฉบับดังนี้ –

…………..

สวาหะ [สะหฺวาหะ] คำกล่าวเมื่อจบการเสกเป่า. (ส. สฺวาหา).

…………..

คำในวงเล็บ [สะหฺวาหะ] บอกคำอ่าน คือคำว่า “สวาหะ” อ่านว่า สะ-หฺวา-หะ

โปรดสังเกตว่า ปกติพจนานุกรมฯ จะบอกชนิดของคำไว้ด้วย เช่น –

. หมายถึง คำนาม

. หมายถึง คำกริยา

. หมายถึง คำวิเศษณ์

แต่คำว่า “สวาหะ” พจนานุกรมฯ ไม่ได้บอกชนิดของคำไว้ จึงไม่อาจรู้ได้ว่า “สวาหะ” เป็นคำนาม หรือคำกริยา หรือคำวิเศษณ์ หรือคำชนิดไหนในภาษาไทย

พจนานุกรมฯ บอกไว้ในวงเล็บข้างท้ายว่า (ส. สฺวาหา) หมายความว่า คำว่า “สวาหะ” นี้ สันสกฤตเป็น “สฺวาหา”

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “สฺวาหา” 2 คำ บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

(1) สฺวาหา : (คำนาม) อาหุดีหรือพลิทานอันบุทคลพึงบูชาแด่เทพดาทั่วไป; นามชายาของอัคนิ; an oblation or offering made to all gods indiscriminately; the name of the wife of Agni.

(2) สฺวาหา : (คำนาม) อุทาร (หรืออุทคาร) อันใช้เปล่งในการบูชาอหุดีแด่เทพดา; an exclamation used in offering oblations to the gods.

ดูตามคำนิยามของ สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน “สฺวาหา” เป็นคำอุทานที่เปล่งออกมาในการทำพิธีบูชาเทวดา (คำว่า “อาหุดี” ในคำนิยาม พจนานุกรมฯ บอกความหมายว่า การเซ่นสรวง)

จึงพอสรุปได้ว่า “สวาหะ” เป็นคำอุทานในพิธีบูชาเทวดา พอไปกันได้กับคำนิยามของพจนานุกรมฯ ที่ว่า “สวาหะ” คือ คำกล่าวเมื่อจบการเสกเป่า

แล้ว “สวาหะ” จะแปลตามถ้อยคำว่ากระไรดี?

บาลีมีคำว่า “อห” (อะ-หะ) เป็นคำจำพวกที่ภาษาไวยากรณ์เรียกว่า “อัพยยศัพท์” (อ่านว่า อับ-พฺยะ-สับ) คู่กับคำว่า “อโห” 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “อหอโห” ว่า exclamation of surprise, consternation, pain etc. “ch! alas! woe!” (คำอุทานแสดงความประหลาดใจ, ความกลัว, ความเจ็บปวด ฯลฯ “โอ้โฮ! อนิจจา! กรรม!”)

อห” กับ “อโห” มีความหมายเหมือนกัน นักเรียนบาลีบ้านเราคุ้นกับ “อโห” แต่ไม่คุ้นกับ “อห” ที่เป็นคำคู่กัน

อโห” นักเรียนบาลีท่องจำคำแปลว่า “อโห = โอ” 

ดังนั้น “อห” ก็จึงแปลว่า “โอ

โอ” ในภาษาไทยคำนี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้เป็น “โอ ๔” บอกไว้ดังนี้ –

โอ ๔ : (คำอุทาน) คำที่เปล่งออกมาแสดงอาการว่านึกอะไรขึ้นมาได้ หรือแสดงว่าสลดใจเป็นต้น.”

ถ้า “สวาหะ” มาจากคำบาลีว่า “อห” อันเป็นคำอุทานเหมือน “อโห” คำว่า “สวา-” ที่อยู่ข้างหน้า ก็น่าจะมาจาก “สุ” เป็นศัพท์จำพวกนิบาตที่นักเรียนบาลีท่องจำคำแปลว่า “สุ = ดี, งาม, ง่าย

: สุ (ดี, งาม, ง่าย) + อห (โอ

แปลง อุ ที่ สุ เป็น โอ : สุ = โส 

แปลง โอ เป็น อว : โส = สว 

แล้วทำ สว ให้เป็น สฺว (มีจุดใต้ สฺ) : สว = สฺว 

ทีฆะ อะ ที่ -(ห) เป็น อา : อห = อาห 

: สุ + อห = สุห > โสห > สวห > สฺวห > สฺวาห อ่านตามเสียงบาลีว่า ซัว-หะ (ไม่ใช่ สะ-วา-หะ หรือ สะ-หฺวา-หะ)

สฺวาห” แปลโดยประสงค์ หรือลากเข้าความว่า โอ! ดีจังเลย โอ! งามจังเลย โอ! ง่ายจังเลย 

สรุปความหมายแบบรวบหัวรวบหางว่า อะไรก็ตามที่เสกเป่า หรือท่องบ่น หรือตั้งความปรารถนามานั้น ขอให้สำเร็จสมประสงค์เถิด

คำเตือน : รากศัพท์และคำแปลที่แสดงมานี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบาลีวันละคำ นักเรียนบาลีหรือผู้รู้ท่านอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย

นักเรียนบาลีหรือผู้รู้ท่านใดรู้ที่มาที่ถูกต้องของคำว่า “สวาหะ” ถ้าจะกรุณาแบ่งปันความรู้นั้นมา ณ ที่นี้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

สวาหะ” นั่นเอง ถูกนักเลงเล่นคาถาอาคมลากเสียงแปลงคำให้เข้ากับภาษาไทย กลายเป็น “สวาหาย” แล้วลากความหมายตามประสงค์ว่า สรรพเคราะห์เสนียดจัญไรและสิ่งอันไม่พึงประสงค์ทั้งปวงจง “หาย” หมดไปเทอญ

เพื่อยืนยันความหมายนี้ โปรดอ่านข้อความในภาพประกอบนั้นเถิด

หมายเหตุ : ที่นำภาพนี้มาประกอบบาลีวันละคำวันนี้ ผู้เขียนบาลีวันละคำไม่ได้มีเจตนาจะส่งเสริมหรือคัดค้านการกระทำหรือความเชื่อตามที่ปรากฏในภาพ 

เพียงแต่เห็นคำว่า “สวาหาย” แล้วระลึกถึงสมัยที่เป็นสามเณรเคยหลงเพลินไปกับการเล่นคาถาอาคม เคยท่องคำว่า “สวาหะ” แล้วเติมต่อไปว่า “สวะหาย” 

สวาหะสวะหาย” คล้องจองกันพอดี

แล้วก็นึกไปถึงคาถาอาคมต่าง ๆ ที่นักเลงเล่นคาถาอาคมใส่คำไทยประสมเข้าไปกับคำบาลี เช่น – นะอุด โมอัด พุทปัด ธาปิด ยะสนิท ปิดด้วยนะโมพุทธายะ และอะไรอื่น ๆ อีกมาก

พอได้มาเรียนบาลีเข้า ความรู้บาลีก็ค่อย ๆ ลอกความนิยมคาถาอาคมออกไปทีละเล็กทีละน้อย ค่อย ๆ มีปัญญาประสมลงไปในศรัทธา จนทุกวันนี้เห็นคาถาอาคมของนักเล่นคาถาแล้ว แทนที่จะนึกถึงความขลัง กลับเห็นแต่ความขำ

พอมาเจอคำว่า “สวาหาย” ในภาพจากโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่ง เห็นว่าพอจะอาศัยเป็นสะพานถ่ายทอดความรู้บาลีได้บ้าง ก็จึงหยิบฉวยมาเขียนเป็นบาลีวันละคำ

…………..

ดูก่อนภราดา!

: จะเข้าป่าท่องคาถากันช้างไล่

: ขึ้นต้นไม้อีกด้วยช่วยคาถา

: ได้แกงดีน่าซดรสโอชา

: เติมน้ำปลาอีกด้วยช่วยน้ำแกง

(กลอนบทนี้มาจากมุขปาฐะ 

แต่ละคนที่ยกมาอ้างจะไม่ตรงกันเลย

และไม่สามารถบอกได้ว่าต้นฉบับจริง ๆ ว่าอย่างไร)

#บาลีวันละคำ (4,846)

18-9-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้