บาลีวันละคำ

ชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ (บาลีวันละคำ 4,848)

ชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์

พระนามของสมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์หนึ่ง

อ่านว่า ชิน-นะ-วอน-วิ-สุด-เท-วา-ระ-ยะ-วง (วิสุทธิ อ่านว่า วิ-สุด) 

หรือ ชิน-นะ-วอน-วิ-สุด-ทิ-เท-วา-ระ-ยะ-วง (วิสุทธิ อ่านว่า วิ-สุด-ทิ) 

แยกศัพท์เท่าที่แยกได้เป็น ชิน + วร + วิสุทธิ + เทว + อารย + วงศ์

(๑) “ชิน

บาลีอ่านว่า ชิ-นะ รากศัพท์มาจาก ชิ (ธาตุ = ชนะ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)

: ชิ + ยุ > อน = ชิน แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้ชนะ” (2) “ผู้ชนะบาปอกุศลธรรม” หมายถึง พิชิต, มีชัย (conquering, victorious) 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ระบุไว้ว่า often of the Buddha, “Victor” (มักใช้เป็นพระคุณนามของพระพุทธเจ้า มีความหมายว่า “พระผู้มีชัย”)

(๒) “วร” 

บาลีอ่านว่า วะ-ระ รากศัพท์มาจาก วรฺ (ธาต = ปรารถนา) + (อะ) ปัจจัย

: วรฺ + = วร แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะอันบุคคลปรารถนา” เป็นคำวิเศษณ์ แปลว่า ประเสริฐ, วิเศษ, เลิศ, อริยะ (excellent, splendid, best, noble) เป็นคำนาม (ปุงลิงค์; นปุงสกลิงค์) แปลว่า ความปรารถนา, พร, ความกรุณา (wish, boon, favour)

ในภาษาไทย “วร” คงใช้เป็น “วร” ก็มี แปลง เป็น ตามหลักนิยมของไทยเป็น “พร” ก็มี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “วร” และ “พร” บอกไว้ว่า – 

(1) วร– [วะระ-, วอระ-] : (คำนาม) พร; ของขวัญ. (คำวิเศษณ์) ยอดเยี่ยม, ประเสริฐ, เลิศ. (ป., ส.).

(2) พร [พอน] : (คำนาม) คำแสดงความปรารถนาให้ประสบสิ่งที่เป็นสิริมงคล เช่น ให้พร ถวายพระพร, สิ่งที่ขอเลือกเอาตามประสงค์ เช่น ขอพร. (ป. วร).

(๓) “วิสุทธิ

เขียนแบบบาลีเป็น “วิสุทฺธิ” (มีจุดใต้ ทฺ) อ่านว่า วิ-สุด-ทิ ประกอบด้วย วิ + สุทฺธิ 

(ก) “วิ” เป็นคำที่ในภาษาไวยากรณ์เรียกว่า “คำอุปสรรค” มีความหมายว่า พิเศษ, แจ้ง, ต่าง

(ข) “สุทฺธิ” (สุด-ทิ) รากศัพท์มาจาก สุธฺ (ธาตุ = สะอาด) + ติ ปัจจัย, แปลง ติ เป็น ทฺธิ, ลบ ธฺ ที่สุดธาตุ (สุธฺ > สุ)

: สุธฺ > สุ + ติ > ทฺธิ = สุทฺธิ แปลตามศัพท์ว่า “ความสะอาด” หมายถึง ความบริสุทธิ์, การทำให้บริสุทธิ์, ความแท้จริง, คุณลักษณะที่เชื่อได้แน่นอน (purity, purification, genuineness, sterling quality)

วิ + สุทฺธิ = วิสุทฺธิ แปลตามศัพท์ว่า “สภาวะเป็นเหตุหมดจดจากราคมลทินเป็นต้นแห่งสัตวโลก” (เมื่อภาวะนี้เกิดขึ้น สัตวโลกก็สะอาดปราศจากความสกปรกอันเกิดจากกิเลสมีราคะเป็นต้น) 

วิสุทฺธิ” หมายถึง ความหมดจด, ความสวยสดงดงาม, ความเลอเลิศ; ความบริสุทธิ์ (เชิงจริยนิยม), ความศักดิ์สิทธิ์, การทำให้เป็นที่เคารพสักการะ; ความดี, ความถูกต้อง (brightness, splendour, excellency; [ethically] purity, holiness, sanctification; virtue, rectitude)

ในภาษาไทย คำนี้ใช้ว่า “วิสุทธ์” “วิสุทธิ์” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

วิสุทธ์, วิสุทธิ์ : (คำวิเศษณ์) สะอาด, ใส, ขาว, หมดจด, บริสุทธิ์, หมดมลทิน. (ป.; ส. วิศุทฺธ, วิศุทฺธิ).”

(๔) “เทว” 

อ่านว่า เท-วะ รากศัพท์มาจาก ทิวฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง, เล่น, สนุก, เพลิดเพลิน) + ปัจจัย, แผลง อิ ที่ ทิ-(วฺ) เป็น เอ (ทิวฺ > เทว

: ทิวฺ + = ทิว > เทว (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ของตน” (2) “ผู้เพลิดเพลินด้วยเบญจกามคุณ” 

ความหมายของ “เทว” ที่มักเข้าใจกัน คือหมายถึง เทพเจ้า, เทวดา 

แต่ความจริง “เทว” ในบาลียังมีความหมายอีกหลายอย่าง 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “เทว” ไว้ดังนี้ –

(1) good etc. (สิ่งที่ดี และอื่นๆ)

(2) a god, a deity, a divine being (เทวดา, เทพเจ้า, เทพ)

(3) the sky, rain-cloud, rainy sky, rain-god (ท้องฟ้า, เมฆฝน, ท้องฟ้ามีฝน, เทพแห่งฝน) 

(๕) “อารย” 

บาลีเป็น “อริย” อ่านว่า อะ-ริ-ยะ รากศัพท์มาจาก –

(1) อรห = “ผู้ฆ่าข้าศึกคือกิเลส”, แปลง ที่ และ เป็น อิย

: (อร + อห = ) อรห : อห > อิย : อร + อิย = อริย แปลเท่ากับคำว่า “อรห” คือ “ผู้ฆ่าข้าศึกคือกิเลส

(2) อรฺ (ธาตุ = ถึง, บรรลุ) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺ, ลง อิ อาคม

: อรฺ + อิ = อริ + ณฺย > = อริย แปลว่า “ผู้บรรลุธรรมคือมรรคและผล

(3) อารก = “ผู้ไกลจากกิเลส”, แปลง อารก เป็น อริย แปลเท่ากับคำว่า “อารก” คือ “ผู้ไกลจากกิเลส

(4) อรฺ (ธาตุ = ถึง, บรรลุ) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺ, ลง อิ อาคม [เหมือน (2)] แปลว่า “ผู้อันชาวโลกพึงเข้าถึง

(5) อริย = “ผลอันประเสริฐ” + ปัจจัย, ลบ  

: อริย + = อริยณ > อริย แปลว่า “ผู้ยังชาวโลกให้ได้รับผลอันประเสริฐ

สรุปว่า “อริย” แปลว่า –

(1) ผู้ฆ่าข้าศึกคือกิเลส

(2) ผู้บรรลุธรรมคือมรรคและผล

(3) ผู้ไกลจากกิเลส

(4) ผู้อันชาวโลกพึงเข้าไปใกล้

(5) ผู้ยังชาวโลกให้ได้รับผลอันประเสริฐ

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ ประมวลความหมายของ “อริย” ไว้ดังนี้ –

๑ ทางเชื้อชาติ: หมายถึง ชาติอารยัน (racial: Aryan)

๒ ทางสังคม: หมายถึง ผู้ดี, เด่น, อริยชาติ, สกุลสูง (social: noble, distinguished, of high birth)

๓ ทางจริยศาสตร์: หมายถึง ถูกต้อง, ดี, ดีเลิศ (ethical: right, good, ideal)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อริย-, อริยะ : (คำนาม) ในพระพุทธศาสนา เรียกบุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีโสดาปัตติมรรคเป็นต้น ว่า พระอริยะ หรือ พระอริยบุคคล. (คำวิเศษณ์) เป็นของพระอริยะ, เป็นชาติอริยะ; เจริญ, เด่น, ประเสริฐ.”

บาลี “อริย” สันสกฤตเป็น “อารฺย” ในภาษาไทยใช้เป็น “อารย” “อารยะ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อารย-, อารยะ : (คำวิเศษณ์) เจริญ. (ส.; ป. อริย).”

(๖) “วงศ์” 

บาลีเป็น “วํส” อ่านว่า วัง-สะ รากศัพท์มาจาก –

(1) วนฺ (ธาตุ = คบหา) + ปัจจัย, แปลง นฺ (ที่ (ว)-นฺ เป็นนิคหิต (วนฺ > วํ)

: วนฺ + = วนส > วํส แปลตามศัพท์ว่า “เชื้อสายที่แผ่ออกไป” (คือเมื่อ “คบหา” กันต่อๆ ไป คนที่รู้จักกันก็ขยายตัวเพิ่มขึ้น)

(2) วสฺ (ธาตุ = อยู่) + ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุ (วสฺ > วํส)

: วสฺ + = วส > วํส แปลตามศัพท์ว่า “อยู่รวมกัน

วํส” ในบาลีใช้ในความหมายว่า –

(1) ไม้ไผ่ (a bamboo)

(2) เชื้อชาติ, เชื้อสาย, วงศ์ตระกูล (race, lineage, family)

(3) ประเพณี, ขนบธรรมเนียมที่สืบต่อกันมา, ทางปฏิบัติที่เป็นมา, ชื่อเสียง (tradition, hereditary custom, usage, reputation) 

(4) ราชวงศ์ (dynasty)

(5) ขลุ่ยไม้ไผ่, ขลุ่ยผิว (a bamboo flute, fife)

(6) กีฬาชนิดหนึ่งซึ่งอุปกรณ์การเล่นทำด้วยไม้ไผ่ (a certain game)

ในที่นี้ “วํส” มีความหมายตามข้อ (2) และ (3)

บาลี “วํส” สันสกฤตเป็น “วํศ” ภาษาไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “วงศ” เขียนเป็น “วงศ์” และแผลงเป็น “พงศ์” ด้วย

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

วงศ-, วงศ์ : (คำนาม) เชื้อสาย, เหล่ากอ, ตระกูล. (ส. วํศ; ป. วํส).”

การประสมคำ :

ชิน + วร = ชินวร แปลว่า “พระชินเจ้าผู้ประเสริฐ” เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธเจ้า

ชินวร” เป็นคำสมาสที่เรียกในภาษาไวยากรณ์ว่า “วิเสสนุตตรบท” คือคำนาม (ชิน) อยู่หน้า คำขยาย (วร) อยู่หลัง

เป็นที่รู้กันในหมู่คนไทยที่รู้หลักภาษาบาลีว่า ในภาษาบาลี คำขยายหรือที่เรียกเป็นคำศัพท์ว่า “คำวิเศษณ์” (ไวยากรณ์บาลีเรียก “วิเสสนะ”) ต้องอยู่ข้างหน้าคำที่ถูกขยาย (ภาษาไวยากรณ์บาลีเรียกว่า “วิเสสนบุพบท” = บทที่มีคำขยายอยู่หน้า) เช่นคำว่า “วร” ที่กำลังพูดถึงในที่นี้เป็นคำวิเศษณ์ ก็อยู่ข้างหน้าคำนามที่ถูกขยาย เช่น – 

วรชายา = ภรรยาที่ประเสริฐ

วรดนู = หญิงที่ประเสริฐ คือหญิงงาม

วรปัญญ์ = ผู้มีปัญญาเลิศ

วราวุธ = อาวุธอย่างประเสริฐ

แต่หลักที่คนส่วนมากไม่ทราบก็คือ คำขยายในภาษาบาลีที่อยู่หลังคำที่ถูกขยาย (ตรงกันข้ามกับที่เข้าใจกัน) ก็มี โดยเฉพาะคำว่า “วร” ที่อยู่หลังคำที่ถูกขยายก็อย่างเช่น –

ชินวร = พระชินเจ้าผู้ประเสริฐ เป็นคำที่ใช้เรียกพระพุทธเจ้า (the noble victor) คำนี้คือที่เราใช้ในภาษาไทยและอ่านว่า ชิน-นะ-วอน

ธมฺมวร = ธรรมอันประเสริฐ (the best norm) 

นครวร = อริยนคร (the noble city) 

รตนวร = แก้วอันเลิศ (the best of gems) 

ราชวร = พระราชาที่มีพระนามกระเดื่อง (famous king) 

ลักษณะเช่นนี้ภาษาไวยากรณ์บาลีเรียกว่า “วิเสสนุตรบท” = บทที่มีคำขยายอยู่หลัง โดยเฉพาะบทที่มีคำว่า “วร” เป็นคำขยายอยู่หลังเช่นนี้จะพบได้ทั่วไปในคัมภีร์บาลี 

วิสุทฺธิ + เทว = วิสุทฺธิเทว (วิ-สุด-ทิ-เท-วะ) แปลตามศัพท์ว่า “เทวดาโดยความหมดจด

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “วิสุทฺธิเทว” ว่า gods by sanctification (เทวดาที่เป็นได้โดยการทำตนให้เป็นที่เคารพสักการะ หรือทำตนให้เป็นผู้บริสุทธิ์)

เทว” ภาษาไทย แผลง เป็น  

วิสุทฺธิเทว > วิสุทธิเทพ เป็น 1 ในเทพ 3

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [82] แสดงเรื่อง “เทพ 3” ไว้ดังนี้ –

เทพ 3 : (เทพเจ้า, เทวดา — Deva: gods; divine beings)

1. สมมติเทพ (เทวดาโดยสมมติ ได้แก่ พระราชา พระเทวี และพระราชกุมาร — Sammati-deva: gods by convention)

2. อุปปัตติเทพ (เทวดาโดยกำเนิด ได้แก่ เทวดาในกามาวจรสวรรค์ และพรหมทั้งหลายเป็นต้น — Upapatti-deva: gods by rebirth)

3. วิสุทธิเทพ (เทวดาโดยความบริสุทธิ์ ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย — Visuddhi-deva: gods by purification)

ในที่นี้ “วิสุทธิเทพ” คงตามรูปบาลีเดิมเป็น “วิสุทธิเทว” 

อารย + วงศ์ = อารยวงศ์ แปลว่า “วงศ์แห่งผู้เจริญ” หรือ “วงศ์แห่งพระอริยะ” 

ชินวร + วิสุทธิเทว + อารยวงศ์ = ชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ (ชิน-นะ-วอน-วิ-สุด-เท-วา-ระ-ยะ-วง, ชิน-นะ-วอน-วิ-สุด-ทิ-เท-วา-ระ-ยะ-วง) แปลว่า “วงศ์แห่งผู้เจริญคือพระชินวรผู้เป็นวิสุทธิเทพ” 

หมายเหตุ: คำแปลนี้เป็นเพียงนัยหนึ่งตามทัศนะของผู้เขียนบาลีวันละคำเท่านั้น อาจไม่ตรงกับคำแปลที่เป็นทางการ (ถ้ามี)

ขยายความ :

เนื่องในวโรกาสปีพุทธศักราช 2568 เป็นอภิลักขิตสมัย 100 ปีวันสวรรคตแห่งพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ 100 ปีวันเสด็จขึ้นทรงราชย์แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาเลื่อนพระอิสริยยศเฉลิมพระนามพระอัฐิพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็น “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์” ตามความตอนหนึ่งในพระบรมราชโองการประกาศสถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ดังนี้ 

…………..

บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัย ๑๐๐ ปีวันสวรรคตแห่งพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ ๑๐๐ ปีวันเสด็จขึ้นทรงราชย์แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการสืบสนองพระบรมราชปณิธานในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเสด็จสถิตที่พระฐานะไทวภราดรมหาราชาภินิษกรมณาจารย์ พระราชกรรมวาจาจารย์ในสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช พระบรมอัยกาธิราชในรัชกาลปัจจุบันทั้งสองพระองค์ นับเนื่องโดยตรงถึงพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นธรรมทายาท ตามพระราชสถานะอนุศิษย์ ด้วยเหตุที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ สมควรจักสถาปนาพระอิสริยยศพระอัฐิพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบูรพาจารย์ทางธรรมในรัชกาลปัจจุบัน เพื่อเป็นที่เฉลิมพระราชศรัทธา

จึงมีพระบรมราชโองการโปรดสถาปนาพระอิสริยยศทางพระบรมราชวงศ์และทางพระสมณฐานันดรศักดิ์ เฉลิมพระนามพระอัฐิ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ขืนเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ เสด็จสถิตที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ มหาเจษฏานุพงศสิริวัฒน ภัทรผลพูลสวัสดิขัตติยพรหมจารี สังฆราชาธิบดีศรีสมณุตมปริณายก ตรีปิฎกกลาโกศล มงคลธรรมเจดีย์ คัมภีรญาณยุตสุตสุนทร ไทวภราดรมหาราชาภินิษกรมณาจารย์ ศุภศีลศานติ๋มหาอนาคาริยรัตน พุทธศาสนบริษัทนิปัตยคารวสถาน มโหฬารเมตตาขันตยาไศรย ศรีรัตนตรัยสรณคุณารักษ์ อุกฤษฎศักดิสกลสงฆปาโมกขคณิศราธิบดี มหาสถาวีรวโรดมบรมบพิตร

…………..

https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/79744.pdf

…………..

ดูก่อนภราดา!

: น้ำซึมซับเข้าในผิวใบปทุมมิได้ฉันใด

: โลกธรรมก็ทำให้บัณฑิตหวั่นไหวมิได้ฉันนั้น

#บาลีวันละคำ (4,848)

20-9-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้