บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

บทความเรื่อง จงเรียกมันว่าความเสื่อม

จงเรียกมันว่าความเสื่อม (9)

————————-

ตอน-คุณสมบัติของผู้บริหารบ้านเมือง

ผมอาจเป็นคนล้าสมัยที่ยังคิดอยู่ว่า นายกรัฐมนตรีของเมืองไทยก็คือคนที่ทำงานแทนพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นจึงควรมีคุณสมบัติเหมือนที่พระเจ้าแผ่นดินทรงมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือทศพิธราชธรรม ซึ่งแปลให้เข้าสมัยว่า คุณธรรมหรือคุณสมบัติของนักบริหาร/นักปกครอง

ผมว่าบ้านเมืองเราผิดพลาดอย่างร้ายแรงตรงที่-เอาอำนาจของพระเจ้าดินมา แต่ไม่ได้เอาคุณธรรมของพระเจ้าแผ่นดินมาด้วย

คนที่จะเป็นพระเจ้าดินตามหลักเดิมของท่านนั้น จะต้องได้รับการอบรมพร่ำสอนมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คือเตรียมตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินมาตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์ ฝึกหัด อบรม บ่มเพาะกันเรื่อยมาจนแน่ใจว่าพร้อมแล้วจึงจะได้ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วจึงจะทำงานเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนได้อย่างเต็มที่และเป็นอย่างดี

เมื่อเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วยังต้องปฏิบัติตามแบบแผนจารีตของพระเจ้าแผ่นดินอีกเล่า เช่นต้องมีกิจจานุกิจ คือแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง

ที่จำได้แม่นๆ ก็เช่น “เช้าทรงบาตร ค่ำทรงธรรม”

พูดภาษาชาวบ้านก็คือ เช้าใส่บาตร ค่ำฟังเทศน์

จะปฏิบัติได้มากน้อยแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่มีแบบแผนให้ปฏิบัติ จะทำอะไรตามอัธยาศัยหรือนิสัยส่วนตัวไปเสียทุกอย่างย่อมไม่ได้

พูดง่ายๆ ว่า คนที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินได้ต้องผ่านหลักสูตร คือมีหลักสูตรสำหรับการเป็นพระเจ้าแผ่นดินกำหนดไว้ชัดเจน จะเรียนจะผ่านได้มากน้อยแค่ไหน เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่มีหลักสูตรแน่นอนชัดเจน

แต่เมื่อเปลี่ยนระบบ กลายเป็นว่าคนที่เข้ามาทำงานของพระเจ้าแผ่นดินนั้นไม่เคยได้เตรียมตัวมาแต่เด็กเพื่อจะมาทำงานของพระเจ้าแผ่นดินแต่อย่างใดทั้งสิ้น

กลายเป็นคนที่มาจากไหนก็ได้ ขอให้รู้วิธีได้อำนาจก็พอแล้ว เช่นรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะชนะการเลือกตั้ง และพลิกแพลงอย่างไรจึงจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี

คุณธรรม ศีลธรรม ไม่ใช่สิ่งจำเป็น

ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมา ใครเคยได้ยินได้เห็นว่ามีนายกรัฐมนตรีกี่คนที่ใส่บาตรทุกเช้า ฟังเทศน์ทุกค่ำ?

แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ไม่ได้ทำกันแล้ว

ผมไม่ได้เรียกร้องให้กลับไปหาระบบเดิม

เพราะอำนาจที่ได้มาแล้วก็เหมือนอ้อยที่เข้าปากช้าง

แต่ผมเชื่อว่า คุณธรรมหรือคุณสมบัติของพระเจ้าแผ่นดินเป็นสิ่งที่สามารถฝึกอบรมบ่มเพาะกันได้

ถ้าเราไม่คิดจะทำเรื่องนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ

เราก็จะมีนายกรัฐมนตรีที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง คนแล้วคนเล่า

จะหาคนที่เป็นแบบอย่างที่ดีของผู้คนในบ้านเมืองไม่ได้เลย

และถ้าผู้คนพากันยอมรับว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้แหละ เพราะมันเป็นธรรมดาของโลก

ในโลกนี้ พระเจ้าแผ่นดินที่ดีก็มี พระเจ้าแผ่นดินที่เลวก็มี เห็นกันอยู่มาตั้งแต่โบราณกาล ทำไมจะต้องไปเกณฑ์ให้ดีไปเสียทั้งหมด

คนที่ได้เข้ามาครองอำนาจในเมืองไทยหรือแม้แต่ในโลกนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี

ในอดีตกาลมันก็เป็นอย่างนี้

ในอนาคตมันก็ต้องเป็นอย่างนี้

จะต้องไปคิดแก้ไขอะไรให้ลำบากเล่า

คุณธรรม จริยธรรมของนักปกครองอะไรที่ว่านั่น สมัยนี้เขาเลิกพูดกันแล้ว คุณยังจะมามัวละเมอเพ้อฝันอยู่อีกหรือ

คนที่เขาฉลาดกว่าคุณ เขายังไม่คิดเลย

รักษาชีวิตให้รอดไปได้วันๆ นั่นแหละประเสริฐที่สุด

ฯลฯ

ฯลฯ

ฝ่ายท่านจำพวกที่ใกล้จะบรรลุก็คงอยากจะบอกว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรดำรงคงมั่นอยู่ได้ตลอดกาล มีเจริญแล้วก็มีเสื่อม อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราไม่ควรฝืนโลก ประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียว พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปล่อยวาง

ฯลฯ

ฯลฯ

ถ้าผู้คนในสังคมพากันคิดแบบนี้

พากันทอดธุระแบบนี้ไปหมด

ก็ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าจะเรียกว่าอะไรดี

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

๑๕:๕๗

————–

ภาพประกอบจาก google

……………..

ตอน 10 ท่าทีของเพื่อนแท้

https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/1534716069955458

……………..

ตอน 8 ความโง่ของคนฉลาด

https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/1528639600563105

……………..

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *