คนเดี๋ยวนี้เขาไม่คิดเรื่องแบบนี้กันแล้วแหละลุง
คนเดี๋ยวนี้เขาไม่คิดเรื่องแบบนี้กันแล้วแหละลุง
————
เมื่อเช้า (๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑) ผมเดินออกกำลังจากบ้านลูกชายในซอยวัดหลวงพ่อโต บางพลี ไปทางถนนบางนา-ตราด ขึ้นสะพานข้ามถนนแล้วเดินไปทางตลาดกิ่งแก้ว ซื้อของที่ต้องการได้แล้วก็ขึ้นสะพานข้ามถนนตรงตลาดกิ่งแก้วข้ามกลับมา
สรุปว่าผมขึ้นสะพานข้ามไป-ข้ามกลับ ๒ เที่ยว
ที่บรรยายเรื่องขึ้นสะพานก็เพราะมีเหตุที่ควรคิดสู่กันฟัง
สะพานลอยคนเดินข้ามในกรุงเทพฯ เขากำหนดให้เดินชิดขวา คนเดินขึ้นก็ชิดขวาของตัวเอง คนเดินลงก็ชิดขวาของตัวเอง คือขวาของใครของมัน เดินบนสะพานก็เดินชิดขวา
ถ้าเทียบกับขับรถบนถนนในบ้านเราที่รถวิ่งสวนกัน ก็ตรงกันข้าม
คือเราขับชิดซ้าย ให้รถที่วิ่งสวนอยู่ทางขวาของเรา
ข้ามสะพานเดินชิดขวา ให้คนที่เดินสวนอยู่ทางซ้ายของเรา
เมื่อเช้า ตอนที่ผมข้ามสะพานกลับ ขาลงจากสะพาน ผมก็เดินชิดขวาตามกติกา ลงมาถึงครึ่งทาง ก็มีหนุ่มนายหนึ่งสวนขึ้นมา เขาเดินชิดซ้ายของเขา ซึ่งก็คือด้านเดียวกับที่ผมชิดขวาของผมลงไป
ก็ต้องประจันหน้ากันตรงขั้นบันได
วิธีแก้ปัญหา (แบบไทยๆ) ก็คือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลีกทาง
แต่ปัญหาคือใครควรจะเป็นฝ่ายหลีก
เห็นใครไม่เคารพกติกา-ไม่ว่าในที่ไหนๆ- ผมจะหงุดหงิดมาก
พูดเป็นสำนวนว่า “ลมออกหู”
ผมยืนนิ่ง แบบรับรู้ว่าใครกำลังทำอะไร
หนุ่มนั้นก็ยืนนิ่งเหมือนกัน แต่สีหน้าท่าทางบอกว่าไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ถึงยังไม่ได้พูดอะไร ผมก็เดาใจได้ว่าเขาอยากจะพูดว่า “ลุงมาขวางทางผมทำไม”
พอดีว่าวันนี้เป็นวันส่งอุโบสถ
เผื่อมีญาติมิตรกำลังงง ขออนุญาตแวะตรงนี้นิดหนึ่ง
ปกติผมถืออุโบสถศีล ๓ วัน (ถ้าใครยังงงว่า “อุโบสถศีล” คืออะไร ก็ขอให้ผ่านไปก่อน)
๑ ก่อนวันพระ ที่เราเรียกรู้กันว่า “วันโกน” ท่านเรียกว่า “วันรับ” (รับอุโบสถ) อุปมาเหมือนมีแขกมา เราออกไปรับแขกที่หน้าบ้าน
๒ วันพระ คือ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ (หรือ ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด) ท่านเรียกว่า “วันถือ” (ถืออุโบสถ) เหมือนแขกอยู่กับเรา เราก็ดูแลรับรอง
๓ รุ่งขึ้นหลังจากวันพระ ท่านเรียกว่า “วันส่ง” (ส่งอุโบสถ) เหมือนแขกจะกลับ เราออกไปส่งแขกที่หน้าบ้าน
เมื่อวาน-๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย-วันพระ วันถืออุโบสถ
วันนี้- ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ แรมค่ำ ๑ เดือนอ้าย-วันส่งอุโบสถ
ผมประคองอารมณ์ให้ใส ไม่มีความประสงค์จะก่อเหตุขุ่นข้องหมองใจกับเพื่อนร่วมโลกในวันบำเพ็ญบุญพิเศษของผม
ผมหยุดนิ่งมองหนุ่มนั้นชั่วอึดใจหนึ่ง แล้วชี้มือไปทางซ้าย
“ควรจะไปทางซ้าย” ผมพูดเบาๆ
ไม่รู้ว่าผมตั้งใจบอกหนุ่มนายนั้นหรือบอกตัวเอง
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทาง “ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น” ของเขา ผมก็รู้แน่ว่าผมควรบอกตัวเอง
ผมเบี่ยงตัวออกไปทางซ้าย ปล่อยให้หนุ่มนั่นเดินตรงทื่อขึ้นไปตามทางที่เขาตั้งใจเดิน
——————-
สังคมเรามีปัญหาก็เพราะคนแบบนี้-คนแบบที่ไม่เคารพกติกาสังคม
แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง สังคมเรามีปัญหาก็เพราะเรายอมให้แก่คนที่ไม่เคารพกติกาสังคม-ด้วย ใช่หรือไม่?
แค่ยอมกันบนสะพานลอย เพื่อให้เดินไปเดินมาได้สะดวก อาจไม่เป็นไร
แค่เหตุผลที่ยอม-เพราะปรารถนาจะรักษาอารมณ์ให้ผ่องใสในวันบำเพ็ญบุญกุศล ก็อาจไม่เป็นไร
แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่เคารพกติกาสังคมที่ใหญ่กว่านี้ มีผลดีผลเสียต่อชาติบ้านเมืองมากกว่านี้
และถ้ายอมกันด้วยเหตุผลที่สลับซับซ้อน เช่นเพื่อเอื้อผลประโยชน์ทับซ้อนให้แก่กันมากกว่านี้
สังคมเราจะเป็นอย่างไร
บ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร
หรือว่า-คนเดี๋ยวนี้เขาไม่คิดเรื่องแบบนี้กันแล้วแหละลุง
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๑
๑๑:๑๕