ภาษาไทยรักษาความเป็นชาติไทย
ภาษาไทยรักษาความเป็นชาติไทย
———————————
“ภาษา” เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม
วัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชาติบ้านเมือง
สังเกตเห็นว่าเด็กไทยรุ่นใหม่ขาดความสนใจในภาษาไทย-ภาษาของชาติตัวเอง
คนรุ่นใหม่ไม่ศึกษาคำเก่า
คำเก่าแสดงวิถีชีวิตอันเป็นวัฒนธรรมของชาติ
เมื่อสนใจภาษาของตัวเองน้อยลง ความซาบซึ้งในวัฒนธรรมของตัวเองก็น้อยลง
ความภูมิใจในวัฒนธรรมของตัวเองก็น้อยลง
และในที่สุด ความรักชาติบ้านเมืองก็น้อยลง
พร้อมกับที่ “กระแสสากล” มีแรงดูดมากขึ้น เด็กไทยทุกวันนี้จึงมีบุคลิกที่พร้อมจะทิ้งวัฒนธรรมของตัวเอง โลดแล่นออกไปสู่ความเป็นสากลโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน
รู้อยู่อย่างเดียวว่าเราจะต้องเป็น “สากล”
“ความเป็นสากล” นั้นเป็นภาพลวงตาแล้วก็ลวงใจ เพราะจับต้องไม่ได้จริง
ลองถามว่า-อย่างไรที่เรียกว่า “สากล” จะตอบว่าอย่างไร?
เช่น ต้องพูดต้องเขียนอย่างไรจึงจะเป็นภาษาสากล
แต่งตัวอย่างไรจึงจะเป็นเครื่องแต่งกายสากล
ต้องกินอะไรจึงจะถือว่าเป็นอาหารสากล
ต้องอาศัยในอาคารแบบไหนจึงจะเป็นบ้านเรือนสากล
และรวบยอด-ต้องใช้ชีวิตแบบไหนจึงจะถือว่าอยู่ในวัฒนธรรมสากล?
………………
พอจะหารูปแบบของ “สากล” เข้าจริงๆ เราก็ไปอิงอยู่กับวัฒนธรรมของชาติใดชาติหนึ่งนั่นเอง
เช่น พูดอังกฤษ แต่งตัวแบบฝรั่ง ใช้ปีคริสต์ศักราช ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นวัฒนธรรมฝรั่ง
แล้วก็อ้างกันว่านี่แหละคือ “สากล”
เหตุผลมีอย่างเดียวคือ-ที่ไหนๆ เขาก็ทำกันอย่างนี้
กลายเป็นว่า-อะไรที่คนทำกันมากๆ นั่นแหละคือ “สากล”
ทั้งๆ ที่ ผู้รู้ท่านก็เตือนอยู่ว่า
…………………………………
เสียงข้างมากบอกความนิยมได้
แต่บอกความถูกต้องไม่ได้
…………………………………
ภูมิหลังของตัวเองที่มีอยู่ ก็ไม่รู้ ก็เท่ากับไม่มี
ที่จะไปไขว่คว้าหาเอาข้างหน้า ก็ไม่ใช่ของตัว
แผ่นดินที่ตัวอาศัยอยู่มีค่าเพียงแค่ “ที่ซุกหัวนอนไปวันๆ”
ไม่มีความภูมิใจ ไม่มีอะไรผูกพัน
พร้อมที่จะทิ้งไปได้ทุกเวลา
………………
ผมไม่ได้บอกว่า เราต้องเปิบข้าวด้วยมือ ต้องกลับไปนุ่งโจงกระเบน ต้องใช้ฟืนติดเตาหุงข้าว ฯลฯ เพื่อรักษาวัฒนธรรมไทยของเราไว้
กรุณาเข้าใจเจตนา และอย่าตีรวนแบบนั้น
ความหมายของผมคือ หาจุดดีของเราให้เจอ แล้วรักษาและพัฒนาให้ดีงามยิ่งๆ ขึ้นไป
…………………………………
สมบัติไทยดีดีมีอยู่เยอะ
หาให้เจอะรู้ให้จริงทุกสิ่งสรรพ์
…………………………………
ทุกวันนี้เราทิ้งของเราหมดทุกอย่าง
การไม่ศึกษาเรียนรู้ นั่นคือการทิ้งจนถึงราก
เพราะเด็กไทยไม่เรียนภาษาไทยให้ถึงขนาด
“ถึงขนาด” คือเข้าถึงอรรถรสของภาษาไทยที่งามๆ เพราะๆ
ผลก็คือเขียนภาษาที่ถูกแบบแผนไม่ได้ เขียนภาษางามๆ เพราะๆ ไม่ได้ เขียนไม่เป็น
ภาษาทรามๆ ก็แพร่ระบาดทั่วไป จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ผมเคยพูดประชดว่า อีกหน่อยฝรั่งจะมาสอนภาษาไทยให้คนไทย
มีคนบอกว่า ฝรั่งสอนภาษาไทยให้คนไทย เดี๋ยวนี้มีแล้วจริงๆ
ถ้าเราไม่ภูมิใจในภาษาของเรา แต่มุ่งหน้าทะยานไปหาความเป็นสากล อีกไม่นานภาษาไทยจะมีฐานะเป็นเพียง “ภาษาของคนพื้นเมือง”
เมื่อภาษาหมด
ชาติก็หมด
ถ้ายังปล่อยกันไปแบบนี้ สักวันหนึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบ-รถน้ำมันหมดกลางทาง –
“กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง”
กลับไม่ได้ – เพราะไม่รู้ว่าบ้านเมืองของตัวเองอยู่ที่ไหน อะไรที่เป็นไทยๆ อยู่ที่ไหน เนื่องจากทิ้งไปหมดแล้ว
ไปไม่ถึง – “ความเป็นสากล” ที่วาดหวังไว้ก็ไปไม่ถึง เพราะไม่เก่งจริง ไม่แน่จริง เทียบกับเขาไม่ได้ แต่ที่สำคัญก็คือไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นของตัวเองที่จะเอาไปอวดเขาได้
………………
ฟังๆ ไป เหมือนกับจะถล่มกันเอง
ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นหรอกครับ แต่มีเจตนาที่จะชวนให้ฉุกคิด
ผมมีความเห็นว่า การจะรักษาชาติบ้านเมืองให้อยู่ยั้งยืนยง ต้องรักษาวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตของไทยไว้ให้ได้
ภาษา-เป็นสมบัติไทยที่สำคัญที่สุดที่จะประกาศยืนยันถึงความเป็นชาติไทย ดังที่หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล กล่าวไว้ว่า
…………………………………
ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้
ของไทยแน่นั่นหรือคือภาษา
…………………………………
ในภาษา มีวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตไทยอยู่พร้อมสรรพ-เพื่อการศึกษา เรียนรู้ ถ่ายทอด และสืบทอดต่อๆ กันไปไม่ให้เสื่อมสูญ
ภาษาบาลีรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ ฉันใด
ภาษาไทยก็รักษาความเป็นชาติไทยไว้ได้ ฉันนั้น
…………………………………………
หมายเหตุ:
ตัดตอนมาจากบทความเดิมชื่อ “คำให้การของลุงเพิก”
โพสต์ครั้งแรกเมื่อ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๒
…………………………………………
ภาพประกอบ: จาก google
…………………………………………
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๔
๑๘:๓๙