ไอ้ไม้ – ผู้สร้างประวัติศาสตร์ของรุ่น
ไอ้ไม้ – ผู้สร้างประวัติศาสตร์ของรุ่น
——————————–
ผมจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม อำเภอปากท่อ เมื่อปี ๒๔๙๙
เด็กที่จบชั้น ป.๔ รุ่นนั้นผมจำไม่ได้แล้วว่ามีกี่คน แต่น่าจะประมาณ ๒๕+
ครูประจำชั้น ป.๔ ของพวกเราคือครูเที่ยง อันที่จริงครูเที่ยงสอนพวกเรามาตั้งแต่ ป.๑ เพียงแต่บางช่วงเวลาก็มีครูคนอื่นมาสอนแทนบ้าง
เพื่อนรุ่นนั้นที่เป็นแกนนำก็มีไอ้อ่วม ไอ้แน่ ไอ้เป้ว ไอ้ประสงค์ ไอ้ทองเจือ ไอ้วิชัย ไอ้ลม ไอ้เหล่ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ “ไอ้ไม้”
อนาคตของกลุ่มแกนนำที่ปรากฏในเวลาต่อมา ก็คือ –
ไอ้อ่วม ไปเปิดอู่ซ่อมรถที่อุตรดิตถ์
ไอ้แน่ ไปเปิดค่ายมวยอยู่ทางอุบลฯ
ไอ้เป้ว ไปเป็นชาวประมงอยู่มหาชัย
ไอ้ประสงค์ เป็นทหารเกณฑ์แล้วสมัครต่อ อยู่เหล่าเสนารักษ์ แล้วลาออกมาเปิดร้านขายยา
ไอ้ทองเจือ ซึ่งกว้างขวางที่สุดในรุ่น ไปทำกิจการขายผักผลไม้ดองอยู่พิษณุโลก ตอนหลังลงมาอยู่นครปฐม
ไอ้วิชัย คนนี้เป็นหัวหน้าห้อง เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑
ไอ้ลม เราออกเสียงเรียกมันอย่างนี้ ชื่อจริงคือ อารมณ์ เป็นแชมป์วิ่งเปี้ยวของโรงเรียน ยึดอาชีพพิธีกรงานการกุศลทั่วไป
ไอ้เหล่ จำชื่อจริงไม่ได้ มันตาเหล่ เราก็เลยเรียกมันว่าไอ่เหล่ ออกโรงเรียนก็รับมรดกทำนาตามบรรพบุรุษ
แล้วก็ผม-ที่เพื่อนเรียกว่าไอ้ย้อย-ก็อย่างที่รู้ เอาดีทางพระ สึกออกมาเป็นอนุศาสนาจารย์ทหารเรือ
ส่วนไอ้ไม้ ไม่มีใครรู้แน่ว่าประกอบอาชีพอะไรเพราะมันร่อนเร่ไปทั่วราชอาณาจักร บางคนพูดติดตลกว่า เป็นเอเย่นต์ขายยาบ้า (ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง)
คำว่า “ไม้” ที่เป็นชื่อไอ้ไม้นี้คือไม้ที่เป็นต้นไม้ดอกไม้ไทยๆ นี่แหละ ไม่ใช่ ไมค์ ค การันต์ที่มาจากคำฝรั่ง ภาษาอังกฤษกับพวกเรานักเรียน ป.๔ รุ่นนั้นอยู่กันคนละโลก
ไอ้ไม้สร้างประวัติศาสตร์หลายอย่างให้รุ่นของเรา เช่น อายุมากกว่าเพื่อน รูปร่างใหญ่กว่าเพื่อน และหล่อกว่าเพื่อนทุกคน
ไอ้ไม้ทำสถิติอยู่ที่โหล่ตอนจบ ป.๔
แต่ที่สุดยอดคือไอ้ไม้เป็นคู่กัดหรือคู่กรรมคู่เวรกับครูเที่ยงมาโดยตลอด
——————–
ถ้าเอาศีล ๕ เป็นไม้บรรทัด ไอ้ไม้ก็หักไม้บรรทัดเหี้ยนเตียน
เริ่มต้นที่ศีลข้อ ๑ ไอ้ไม้เป็นหัวโจกในการยิงนกตกปลาล่าแมลง
เป็นคนทำบาปขึ้นอย่างยิ่ง
เมื่อเป็นหนุ่มใหญ่ออกท่องโลก มีคนเคยได้ยินแว่วๆ ว่าไอ้ไม้เคยฆ่าคนด้วย (ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน)
……..
ศีลข้อ ๒ ไอ้ไม้ขโมยทุกอย่างที่ขวางหน้า โดนตีหน้าชั้นและหน้าเสาธงเป็นประจำ-จากสาเหตุนี้
แต่ไอ้ไม้มีจรรยาบรรณอย่างหนึ่ง ไม่ขโมยของเพื่อนร่วมชั้น และไม่ขโมยของวัด
อ้อ รวมทั้งของครูเที่ยงอีกคนหนึ่ง
นอกนั้นไอ้ไม้ฟาดเรียบ-ถ้าใครเผลอ
……..
ศีลข้อ ๓ ข้ามไปก่อน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
ศีลข้อ ๔ อันนี้จะว่าเป็นพื้นฐานของไอ้ไม้ก็คงไม่ผิด กระบวนการกะล่อนปล้อนปลิ้นเพื่อเอาตัวรอด ไอ้ไม้นับว่าเป็นที่ ๑ อยู่เหนือคำว่า “โกหกเป็นไฟแลบ” หลายชั้น
แต่กับพวกเดียวกัน ไอ้ไม้ไม่เคยโกหกเพื่อนในระดับที่ทำให้เดือดร้อนหรือเสียหาย
——————–
ศีลข้อ ๓ ของไอ้ไม้มาเด่นชัดเอาเมื่อพวกเราออกจากโรงเรียนแล้วไม่กี่ปี
ในรุ่นเราไอ้ไม้อายุมากกว่าเพื่อน และอาศัยที่ตัวใหญ่ จึงเป็นหนุ่มเร็วกว่าเพื่อน
ไอ้ไม้สร้างประวัติศาสตร์มีเมียก่อนเพื่อนทุกคน และไม่ใช่มีคนเดียว สมัยโน้นสังคมไทยไม่นิยมการหย่าร้าง ไอ้ไม้จึงมีเมียคนแรกแล้วก็มีคนที่ ๒ ที่ ๓ ต่อไปอีกโดยที่-ก็ไม่ได้ทิ้งขว้างคนแรกหรือคนก่อน เพียงแต่ไปๆ มาๆ แบบคนหลายบ้าน
ในจำนวนเมียทั้งหลายของไอ้ไม้ มีอยู่คนหนึ่งที่ไอ้ไม้ขอให้ครูเที่ยงเป็นเถ้าแก่สู่ขอตามประเพณีเป็นอันดี
อยู่กินกันจนมีลูกสาวคนหนึ่ง แล้วไอ้ไม้ก็-อย่างว่า ออกจากบ้านนี้ไปมีบ้านใหม่ ปล่อยให้เมียเลี้ยงลูกไปคนเดียว
ครูเที่ยงต้องคอยอุปการะด้วยความสงสาร
แน่นอน-ระคนด้วยความแค้นไอ้ไม้
ลืมบอกไปว่าไอ้ไม้สร้างประวัติศาสตร์สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ เป็นคนแรกและคนเดียวของรุ่นที่ติดคุก-เรื่องอะไรไม่อยากบอก เดาเอาก็แล้วกัน
พอไอ้ทองเจือส่งข่าวว่าไอ้ไม้ติดคุก พวกเราก็ชวนกันไปเยี่ยมทันที
ไอ้ไม้บอกว่า
“พวกมึงมาช้าไป ครูเที่ยงมาเยี่ยมกูก่อนใครทั้งหมด”
ครูเที่ยงส่งข้าวส่งน้ำเป็นประจำระหว่างที่ไอ้ไม้อยู่ในคุก พยายามใช้ความเป็นครูติดต่อช่วยเหลือต่างๆ เท่าที่จะทำได้
ต้องใช้เวลาต่อมาอีกนานปี พวกเราจึงเข้าใจได้ว่าทำไมครูเที่ยงจึงเป็นห่วงเป็นไยไอ้ไม้ถึงเพียงนี้
……………………………….
ลูกศิษย์คนไหนอ่อนด้อยที่สุด
ครูจะเป็นห่วงมากที่สุด
……………………………….
ไอ้ไม้เป็นคนหากินไกล ไปอยู่จังหวัดไหนก็เที่ยวไปมีเมียที่จังหวัดนั้นทั่วไปหมด
หลังๆ มานี่ ไอ้ทองเจือซึ่งทำหน้าที่ศูนย์รวมข่าวของรุ่นได้บอกกล่าวให้เพื่อนรู้ว่า-ไอ้ไม้ก้าวหน้าลามไปถึงเมียชาวบ้านด้วย
ล่าสุดไอ้ไม้ไปอยู่ภาคเหนือ ไปยุ่งกับเมียของชาวบ้านเข้า ผัวเขาตามล่าจนต้องหนีไปอยู่ภาคใต้
พวกเราได้แต่ส่ายหน้า ปรารภกันว่า แบบนี้ไอ้ไม้คงไม่ได้ตายดี
——————–
โรงเรียนวัดหนองกระทุ่มอยู่ในอุปการะของพระครูขันตยาภิรัต (ป๋อง ธมฺมโชโต) ซึ่งชาวบ้านเรียกท่านว่า “หลวงปู่” – พระสงฆ์ผู้มากด้วยบารมี เป็นเทพเจ้า และ “ศาลฎีกา” ของชาวหนองกระทุ่ม
พอหลวงปู่มรณภาพ พวกเรา ป.๔ รุ่น ๒๔๙๙ ก็ตกลงกันว่าเราจะมาเจอกันประจำปีที่วัดหนองกระทุ่มในวันมรณภาพของหลวงปู่-เป็นอย่างที่สมัยนี้เรียกกันว่า มีตติ้ง (meeting)
งานมีตติ้งนี้ไอ้ไม้เป็นสมาชิกที่ดี มาร่วมด้วยช่วยกันทุกปี ปกติทำบุญเลี้ยงพระเสร็จเราก็จะชวนกันไปหาอะไรกินอร่อยๆ กัน คุยกันถึงความหลังและรับรู้ความเป็นไปของกันและกัน
——————–
เรื่องมาเริ่มเข้มข้นเอาตอนครูเที่ยงเกษียณแล้วได้ไม่กี่ปี
พวกเราจบกันมาได้ไม่นาน ครูเที่ยงก็ย้ายจากโรงเรียนวัดหนองกระทุ่มไปอยู่แผนกศึกษาธิการจังหวัดโดยการสนับสนุนของผู้ที่เคารพนับถือท่านหนึ่ง และปฏิบัติงานทางธุรการการศึกษาจนเกษียณอายุ
พอเกษียณได้ไม่นานครูเที่ยงก็มีปัญหาเกี่ยวกับตาเสื่อมทั้งสองข้าง
ไอ้ไม้เป็นคนสุดท้ายที่รับทราบข่าวว่าครูเที่ยงมีปัญหาเกี่ยวกับสายตา
“ฮึ” ไอ้ไม้อุทานออกมาคำเดียว แล้วก็ไม่พูดอะไร ได้แต่ตะแคงหูฟังเพื่อนๆ คุยกันถึงครูเที่ยง
ได้ความว่า ตาของครูเที่ยงกำลังมีปัญหาหนัก หมอบอกว่าเกิดจากกระจกตาเสื่อม มีแนวโน้มที่จะมองไม่เห็นยิ่งขึ้นทุกวัน อาจจะถึงกับตาบอดได้ ไม่มีวิธีรักษาให้ดีขึ้น เว้นไว้แต่จะผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาใหม่ ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีผู้บริจาคดวงตาให้จึงจะทำได้
——————–
มีตติ้งในปีต่อมานั่นเองที่เกิดเรื่อง
ปีนั้นพวกเรามากันคับคั่ง เลี้ยงพระประจำปีเสร็จพวกเราก็อพยพกันไปที่ร้านเจ้าประจำ เป็นร้านดีที่สุดเท่าที่มีในชนบท ไอ้ทองเจือมาหลังเพื่อน ตามไปที่ร้าน บอกว่าแวะไปเยี่ยมครูเที่ยงจึงมาช้า
ไอ้ทองเจือเล่าว่า ตอนนี้อาการของครูเที่ยงคือมองหน้าคนไม่เป็นหน้าคนแล้ว เห็นแต่เป็นวงกลม ต้องฟังเสียงจึงรู้ว่าเป็นใคร
“ฮึ” ไอ้ไม้อุทานคำเดิม แล้วก็เงียบไป
พวกเรากินดื่มกันแต่พอประมาณ ระหว่างนั้นไม่มีใครทันสังเกตว่าไอ้ไม้หายไปไหน
จนเย็นมากแล้ว กำลังคิดจะแยกย้ายกันนั่นเอง ไอ้ไม้ก็กลับมา หนีบเหล้ามา ๒ ขวด พร้อมกับแกล้ม ๒-๓ อย่าง
ไอ้ไม้กระแทกขวดเหล้าลงบนโต๊ะแล้วพูดเสียงดัง
“วันนี้กูจะเมาถวายหลวงปู่”
ผมไม่เคยเห็นไอ้ไม้กินเหล้า พวกเราทุกคนรู้กันดีว่าไอ้ไม้ไม่เคยกินเหล้า ไอ้ไม้อาจจะละเมิดศีลทุกข้อ ทำความเลวอื่นๆ อีกสารพัด แต่พวกเรายืนยันได้ว่าไอ้ไม้ไม่ใช่ไอ้ขี้เมา นี่เป็นเรื่องประหลาดมาก
“แล้วก็ไหว้ครูเที่ยงอีกคนหนึ่งด้วย” เสียงไอ้ไม้พูดต่อ “ใครกลับก่อนไม่ใช่ลูกศิษย์ครูเที่ยงโว้ย”
วางเหล้า วางกับแกล้ม แล้วไอ้ไม้ก็บรรจงวางห่อผ้าขาวม้าอีกห่อหนึ่งอย่างทะนุถนอม
ไอ้แน่พยายามแหวกผ้าขาวม้า
“อย่าซน ไอ้เสือแน่” ไอ้ไม้ปรามเบาๆ “เดี๋ยวมันโป้งป้างออกมามันจะเอิกเกริกเบิกพระเนตร”
ไอ้ไม้กินเหล้าเหมือนคนอดอยากมาแรมปี พวกเรามองมันด้วยความประหลาดใจ
พอตะวันชิงพลบ ไอ้ไม้ก็เมาได้ที่
“วันนี้กูเมาถวายหลวงปู่โว้ย”
ไอ้ไม้ดึงวัตถุที่อยู่ในห่อผ้าขาวม้าออกมา พวกเราจึงได้เห็นว่ามันเป็นปืนพกกระบอกเขื่อง ไม่ทันจะเห็นว่าเป็นปืนอะไร ไอ้ไม้ก็จับมันชี้ขึ้นฟ้าแล้วเหนี่ยวไก ๓ นัดซ้อน
ไม่ต้องบรรยายว่าชาวบ้านแตกตื่นกันขนาดไหน
แต่นั่นยังไม่น่าตกใจเท่ากับไอ้ไม้เดินเซไปที่วงเหล้าอีกวงหนึ่งที่อยู่นอกร้าน
“มีไรข้องใจเปล่าพี่ พี่เป็นนักเลงปากท่อเปล่า นักเลงปากท่อไม่ต้องรอคำที่สอง”
ไอ้อ่วมเผ่นตามไปพร้อมๆ กับไอ้แน่ แต่ไม่ทันเสียแล้ว ไอ้ไม้ล้มโต๊ะของพวกนั้น แล้วทันใดนั้นก็เกิดการชุลมุนฝุ่นตลบแบบในหนังเรื่องเชน-เสือตะวันตก
มีเสียงปืนดังขึ้นอีก ๓ นัด
พอฝุ่นจาง-ตามบรรยากาศในตะเลงพ่าย-เราก็ไม่เห็นหนุ่มๆ ที่นั่งโต๊ะนั้นสักคน
เห็นแต่ไอ้ไม้นอนเอามือกุมท้อง เลือดทะลัก
ทุกคนตกตะลึง ผมก็ตกใจ แต่พอเห็นอาการของไอ้ไม้ ผมก็ได้สติ บอกให้ช่วยกันหามไอ้ไม้ใส่รถไอ้ทองเจือ บึ่งเข้าโรงพยาบาลในตัวเมือง
ถึงห้องฉุกเฉิน อาการของไอ้ไม้หนักมากแล้ว แต่มันยังมีสติ จับมือผมซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด พูดเสียงขาดเป็นห้วงๆ
“ถ้ากูตาย …
มึงเอาตากู …
ไปให้หมอใส่ …
ให้ครูเที่ยงด้วยนะ”
———————
วันที่ชีวิตไอ้ไม้ดับ
เป็นวันที่ตาครูเที่ยงสว่างทั้งสองข้าง
ไอ้ไม้สร้างประวัติศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง คือตายเป็นคนแรกของรุ่น
เราเคยปรารภกันว่า วิถีชีวิตแบบไอ้ไม้คงไม่ได้ตายดี
ความตายของไอ้ไม้ หลายคนก็มองอย่างนั้น
แต่พวกเราที่รู้เบื้องหลัง-ยากที่ใครจะบอกได้ว่ามันตายดีหรือตายไม่ดี
ครูเที่ยงมีชีวิตมองเห็นโลกสดใสต่อมาอีกจนอายุเกือบ ๙๐ จึงถึงแก่กรรม เป็นครูคนหนึ่งของพวกเราที่อายุยืน
น่าประหลาดที่ผมและพวกเรา-ป.๔ รุ่น ๒๔๙๙ โรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม-หลายๆ คนรู้สึกตรงกันว่า เหมือนไอ้ไม้เพิ่งตายไปเมื่อตอนที่ครูเที่ยงตายนี่เอง
เวลานี้ใครไปที่วัดหนองกระทุ่มแล้วถามถึงไอ้ไม้ อาจจะไม่มีใครรู้จัก
แต่พวกเรา-ป.๔ รุ่น ๒๔๙๙ โรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม-ไม่เคยลืมไอ้ไม้ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ของรุ่นเลย
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๗ มกราคม ๒๕๖๑
๑๐:๓๑
หมายเหตุ: ตั้งใจจะโพสต์วันครู แต่มีข้อขัดข้องจึงช้าไปวันหนึ่ง ถ้าไอ้ไม้ได้อ่าน มันคงไม่ว่าอะไร