เราควรเรียนบาลีไปทำอะไร
เราควรเรียนบาลีไปทำอะไร
—————————–
ผมอ่านพบ “พระคาถากรึงงานให้สำเร็จ” ในหนังสือเล่มหนึ่ง บอกไว้ดังนี้ (ดูภาพประกอบ) –
…………..
พระคาถากรึงงานให้สำเร็จ
(ของานสำเร็จ)
คะเตสิก คะเตสิก คะเตสิก,
กรึงสะระณัง อะหังปิดหู อะหังปิดตา อะหังปิดใจ,
ชานามิ นะ ชานามิ,
ขอให้อยู่กับที่ อยู่ตรงนี้ อยู่ดีดี อยู่ด้วย,
นะโมพุทธายะ นะชาลีติ สิทธัตถะ ฯ
…………..
คาถานี้นักเล่นคาถาคงจะเอาไป “ใช้” ตามนี้กันเยอะ
แต่นักเรียนบาลีอ่านคาถานี้แล้วคงอึ้งไปตามๆ กัน
เหมือนคนเคยรู้จักกัน ไม่ได้เจอกันนานมาก พอมาเจอกันอีกที แต่งเนื้อแต่งตัวแปลกตาจนจำแทบไม่ได้
…………………
พระคาถาของแท้ มีข้อความที่ถูกต้องตามต้นฉบับ ดังนี้ (ดูภาพประกอบ) –
…………..
เขียนแบบบาลี :
ฆเฏสิ ฆเฏสิ กึการณา ฆเฏสิ อหํปิ ตํ ชานามิ ชานามิ.
เขียนแบบคำอ่าน :
ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงการะณา ฆะเฏสิ อะหังปิ ตัง ชานามิ ชานามิ.
ที่มา: คัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒ หน้า ๘๔
…………..
คาถานี้มีที่มาจากคัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๒ เรื่องพระจูฬปันถกเถระ เรื่องอย่างย่นย่อว่า มาณพคนหนึ่งไปเรียนวิชาที่เมืองตักสิลา แต่เป็นคนหัวทึบเรียนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง อาจารย์สอนคาถาให้บทหนึ่ง กลัวศิษย์จะลืมจึงสั่งว่า ให้หมั่นท่องทบทวนเสมอ กลับถึงบ้านเมืองจะได้เอาไว้ใช้เลี้ยงตัว มาณพเคารพคำอาจารย์สั่ง นึกได้ตอนไหนก็ท่องตอนนั้น
วันหนึ่งตื่นขึ้นมากลางดึก ก็ท่องคาถาดังๆ พอดีว่าขโมยกำลังจะงัดบ้าน ขโมยได้ยินคาถานั้นก็เผ่นหนีไป
จึงถือกันว่าคาถานี้เป็น “พระคาถากันขโมย”
……………………………….
……………………………….
คำแปลคาถากันขโมย
แปลเป็นไทยแบบยกศัพท์ :
ตฺวํ อันว่าท่าน ฆเฏสิ จงพยายาม
ตฺวํ อันว่าท่าน ฆเฏสิ จงพยายาม
ตฺวํ อันว่าท่าน ฆเฏสิ จงพยายาม กึการณา เพราะเหตุไร
อหํปิ แม้อันว่าข้าพเจ้า ชานามิ ย่อมรู้ ตํ การณํ ซึ่งเหตุนั้น
อหํ อันว่าข้าพเจ้า ชานามิ ย่อมรู้.
…………..
แปลเป็นไทยโดยอรรถ :
ท่านพยายามไปเถิด พยายามไปเถิด
เพราะเหตุไรท่านจึงพยายาม
แม้ข้าพเจ้าก็รู้เหตุนั้นอยู่ รู้อยู่
…………..
แปลเป็นภาษาชาวบ้าน :
พยายามไปเถอะพยายามเข้าไป
ข้ารู้ว่าแกพยายามจะทำอะไร
ข้ารู้นะ
…………..
อ่าน “พระคาถากรึงงานให้สำเร็จ” แล้วเทียบกับ “คาถากันขโมย” เราท่านคงจะพอได้คำตอบว่า ทำไมคำบาลีที่เป็นคาถาอาคมต่างๆ ก็ดี คำบาลีที่เอามาพูดกันในภาษาไทยก็ดี จึงมักจะแปลกประหลาดมหัศจรรย์ยิ่งนัก
เช่น –
“ฆเฏสิ” เป็น “คะเตสิก”
“กิงการะณา” เป็น “กรึงสะระณัง”
“อะหังปิ ตัง” เป็น “อะหังปิดตา” เป็นต้น
น่าเสียดายที่ “นักเรียนบาลี” ของเรายอมแพ้ “นักเล่นคาถา” กันหมดสิ้น
ถ้าอุปมากับการวิ่งแข่ง “ศรัทธา” ก็ทิ้งห่าง “ปัญญา” จนมองไม่เห็นฝุ่น
ควรจะถามกันว่า ในบ้านเมืองของเรานี้ เราควรเรียนบาลีไปทำอะไร?
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
๑๕:๒๘
……………………………….