บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

หลักการของกฐิน

กฐินมาแล้ว (๑)

กฐินมาแล้ว (๑)

———–

ใกล้จะออกพรรษา ใกล้จะถึงหน้ากฐิน

หาความรู้เรื่องกฐินกันไว้ก่อน

———–

ตอนที่ ๑ : กฐินสามัคคี

———–

ใครจะเป็นเจ้าภาพทอดกฐินวัดไหน มีธรรมเนียมอยู่ว่าต้องไปจองไว้ก่อน และประกาศให้คนทั้งหลายรับรู้

จะทำบุญถวายอะไรๆ จะเลี้ยงพระกันสักกี่คณะ จะถวายสังฆทานกันสักกี่ราย จะทอดผ้าป่ากันสักกี่กอง ก็ทำได้ทันที ไม่ต้องจอง 

แต่ทำไมจะทอดกฐินจึงต้องจองก่อน ?

เหตุผลก็คือ ทำบุญอย่างอื่นจะทำกันสักกี่รายก็ไม่มีข้อจำกัด ใครมาก่อนก็ทำก่อน ใครมาทีหลังก็ทำได้อีก จึงไม่จำเป็นจะต้องจอง

แต่กฐินเป็นพุทธบัญญัติ กำหนดไว้ว่าวัดหนึ่งปีหนึ่งทอดได้รายเดียว 

เมื่อรายหนึ่งทอดไปแล้ว สงฆ์วัดนั้นจะรับกฐินอีกไม่ได้

ถ้าทอดแล้วทอดอีกได้เหมือนกับทำบุญอย่างอื่นๆ จะต้องจองก่อนทำไม 

นี่คือเหตุผลที่เป็นข้อยืนยันว่า ทอดกฐิน วัดหนึ่งปีหนึ่งทอดได้รายเดียวเท่านั้น 

ทอดมากกว่าหนึ่งราย ผิดพุทธบัญญัติ ไม่เป็นกฐิน

หลักฐานอีกข้อหนึ่งก็คือ “กฐินสามัคคี”

“กฐินสามัคคี” คืออะไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?

กฐินสามัคคี ไม่ได้หมายความว่า มีคนหนึ่งคิดจะทอดกฐิน แล้วก็เลยไปเที่ยวชักชวนญาติมิตรมาสามัคคีร่วมกันเป็นเจ้าภาพ 

คงมีหลายท่านที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นอย่างนี้

เข้าใจอย่างนี้ ผิดครับ

และเรากำลังช่วยกันทำให้ผิดกลายเป็นถูก เพราะไม่ศึกษาให้เข้าใจ

ใครจองกฐินแล้วไปชักชวนญาติมิตรเป็นสายๆ มาร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน อย่างนั้นนับว่าเป็นความสามัคคีในหมู่คณะเดียวกัน ควรอนุโมทนา เพราะก็ยังคงเป็นเจ้าภาพเดียวตามหลักการของพระธรรมวินัย

แต่แบบนั้นไม่ใช่ “กฐินสามัคคี” ตามความหมายเดิม

ถือว่าเป็นความสามัคคีภายในคณะหนึ่งเดียวของตนเท่านั้น

กฐินสามัคคีตามความหมายที่แท้จริงมีสาเหตุมาจากมีคนต้องการจะทอดกฐินที่วัดเดียวกันหลายราย 

หมายความว่า แต่ละรายสามารถทอดไปรายเดียวได้สบายๆ อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาใครมาเป็นเจ้าภาพร่วม 

แต่เห็นใจรายอื่นๆ ที่มีศรัทธาต้องการจะทอดเหมือนกัน 

เพราะเมื่อรายหนึ่งทอดแล้ว รายอื่นๆ ก็หมดสิทธิ์ ทอดอีกไม่ได้ 

ทุกรายจึงพร้อมใจกันรวมตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกัน กลายเป็นเจ้าภาพรายเดียว

นี่คือเหตุผลที่ถูกต้องแท้จริงของคำว่า “กฐินสามัคคี”

เวลานี้เกิดภาพ “กฐินสามัคคี” ที่วิปริตผิดพลาดอย่างยิ่ง นั่นก็คือ ถึงวันทอดกฐินก็มีเจ้าภาพกฐินเป็นสิบเป็นร้อยคณะจัดเครื่องกฐินของแต่ละคณะขึ้นไปตั้งชุมนุมกันในศาลา พอได้เวลาก็ทำพิธีทอด แต่ละคณะก็ยกเครื่องกฐินของตนเข้าไปถวายพระ

แล้วก็เข้าใจกันว่านี่คือ “กฐินสามัคคี”

นี่คือการกระทำที่ผิดพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง

ขอย้ำว่า กฐินที่จะทอดวัดใดวัดหนึ่งมีได้คณะเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เป็นสิบเป็นร้อยคณะ

ถ้ามากับเป็นสิบเป็นร้อยคณะ ต้องรวมตัวกันให้เป็นคณะเดียว มีผ้ากฐินชุดเดียวเท่านั้น ไม่ใช่มีเป็นสิบเป็นร้อยไตรแล้วก็บอกกันว่าทุกไตรเป็นผ้ากฐิน

การรวมตัวกันได้ให้เหลือหนึ่งเดียวนั่นแหละคือความหมายที่ถูกต้องของ “กฐินสามัคคี”

การที่ยังแยกเป็นคณะๆ เข้าไปถวายนั่นเองเป็นการฟ้องอยู่แล้วในตัวว่า ยังสามัคคีกันไม่ได้ 

แบบนั้นจึงไม่ใช่ “กฐินสามัคคี”

เท่าที่เห็นมาในระยะหลังๆ นี่หลายวัดจัดกฐินสามัคคีแบบผิดๆ อย่างที่ว่ามานี้ ปีนี้ก็คงจะมีทำกันอย่างนั้นอีก อาศัยความไม่รู้ไม่เข้าใจของประชาชนเป็นที่ตั้ง 

เรื่องแบบนี้คณะสงฆ์ควรสั่งให้ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้วัดต่างๆ เหยียบย่ำพระธรรมวินัยกันแบบไม่รู้ไม่ชี้

แต่วิธีหนึ่งที่เราสามารถทำได้เลยตั้งแต่บัดนี้ก็คือ ศึกษาให้รู้ทัน

ถ้าพระท่านไม่ยอมศึกษาเรื่องของท่านเองให้เข้าใจแล้วปฏิบัติให้ถูก เราก็ต้องช่วยท่าน คือช่วยกันศึกษาให้เข้าใจ 

เมื่อเข้าใจแล้วก็จะได้ไม่ไปสนับสนุนท่านแบบผิดๆ

การไม่ไปสนับสนุนแบบผิดๆ นั่นเองเป็นการช่วยสนับสนุนให้พระไม่ปฏิบัติผิดพระธรรมวินัย

อย่าไปร่วม และอย่าไปอนุโมทนากับการทอดกฐินสามัคคีวิปริตแบบนั้นครับ

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๐ กันยายน ๒๕๕๘


…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *