อัตนัย-ปรนัย (บาลีวันละคำ 1,199)
อัตนัย-ปรนัย
อ่านว่า อัด-ตะ-ไน / ปะ-ระ-ไน
ประกอบด้วยคำว่า อัต, ปร, นัย
(๑) “อัต”
บาลีเป็น “อตฺต” (อัด-ตะ) มาจากรากศัพท์ดังนี้ :
(1) อตฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไปต่อเนื่อง) + ต ปัจจัย
: อตฺ + ต = อตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
๑) “ผู้ทำให้ชีวิตดำเนินต่อเนื่องไปได้” (คือเมื่ออัตตายังมีอยู่ ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปได้)
๒) “ผู้ถึงทุกข์ต่อเนื่อง” (คือเมื่อยังมีอัตตา ก็มีทุกข์เข้ามาอย่างไม่รู้จบ)
๓) “ผู้เป็นไปเพื่ออาพาธต่อเนื่อง” (คือเมื่อยังมีอัตตา ก็ยังต้องเจ็บป่วย ถูกบีบคั้นด้วยโรคภัยไม่รู้จบ)
(2) อทฺ (ธาตุ = กิน) + ต ปัจจัย, แปลง ท เป็น ต
: อทฺ + ต = อทต > อตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
๑) “ผู้เสวยสุขและทุกข์” (คือต้องพบทั้งสุขและทุกข์ควบคู่กันไป จะเลือกเสวยแต่สุขอย่างเดียวหาได้ไม่)
๒) “ผู้ถูกกิน” (คือถูกความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายมันกินเอา)
(3) อา (แทนศัพท์ว่า “อาหิต” = ตั้งลง, หยั่งลง) + ธา (ธาตุ = ทรงไว้) + ต ปัจจัย, ลบ อา ที่ อา (อา > อ)และ อา ที่ ธา (ธา > ธ) , แปลง ธฺ เป็น ตฺ
: อา + ธา = อาธา + ต = อาธาต > อธาต > อธต > อตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เป็นที่ตั้งแห่งความถือตัวว่าเป็นเรา” (เพราะมีอัตตา จึงมีการยึดถือว่าตัวกูของกู)
“อตฺต” เรามักคุ้นในรูป “อตฺตา” ซึ่งเป็นรูปที่แจกด้วยวิภัตติที่หนึ่ง (อตฺต เป็นรูปคำเดิม อตฺตา เป็นรูปคำที่แจกวิภัตติ)
“อตฺตา” แปลตามที่เข้าใจกันคือ “ตัวตน” (self, soul) หมายถึง ตัว, ตน, ตัวตน, ร่างกาย, จิตใจ
อตฺตา ในภาษาไทยเขียนเป็น “อัตตา” ในที่นี้ใช้เป็น “อัตต” และเพราะสมาสกับคำอื่นจึงตัด ต ออกตัวหนึ่งตามหลักนิยมในคำไทย จึงเป็น “อัต-”
(๒) “ปร”
บาลีอ่านว่า ปะ-ระ รากศัพท์มาจาก ป (แทนศัพท์ว่า “เบียดเบียน”) + รมฺ (ธาตุ = ยินดี) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ และ มฺ ที่สุดธาตุ
: ป + รมฺ = ปรมฺ + กฺวิ = ปรมกฺวิ > ปรม > ปร แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ยินดีในการเบียดเบียน” ความหมายเดิมคือ “ปรปักษ์” ซึ่งหมายถึงผู้ที่อยู่อีกข้างหนึ่ง หรืออยู่คนละข้างกัน ซึ่งตามปกติย่อมพอใจที่จะเบียดเบียนคือทำร้ายกัน
จากความหมายเดิมนี้ “ปร” จึงหมายถึง อีกข้างหนึ่ง, โพ้น; เหนือ, อีกอันหนึ่ง, อื่นอีก, อื่น (on the further side of, beyond; over, another, other)
(๓) “นย”
บาลีอ่านว่า นะ-ยะ รากศัพท์มาจาก นี (ธาตุ = นำไป, รู้) + อ ปัจจัย, แผลง อี ที่ นี เป็น เอ, แปลง เอ เป็น อย
: นี > เน > นย + อ = นย แปลตามศัพท์ว่า (1) “การเป็นไป” (2) “อุบายเป็นเครื่องแนะนำ” (3) “วิธีที่พึงแนะนำ” (4) “วิธีเป็นเหตุให้รู้” หมายถึง หนทาง, วิธีการ, แผน, วิธี (way, method, plan, manner)
“นย” ในภาษาไทยใช้ว่า “นัย” (ไน) พจน.54 บอกความหมายไว้ดังนี้ –
(1) เค้าความที่ส่อให้เข้าใจเอาเอง
(2) ข้อสําคัญ เช่น นัยแห่งเรื่องนี้
(3) ความ, ความหมาย, เช่น หลายนัย
(4) แนว, ทาง, เช่น ตีความได้หลายนัย
(5) แง่ เช่น อีกนัยหนึ่ง
การผสมคำและความหมายในภาษาไทย :
(1) อัต + นัย = อัตนัย แปลตามศัพท์ว่า “(คำตอบ) ที่เป็นแนวความคิดของตนเอง” = คำตอบเป็นข้อความของผู้ตอบเอง
(2) ปร + นัย = ปรนัย แปลตามศัพท์ว่า “(คำตอบ) ที่เป็นแนวความคิดของคนอื่น” = คำตอบเป็นข้อความของคนอื่น (คือผู้ถามหรือผู้ออกข้อสอบ) ตอบไว้ให้เลือก
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
(1) อัตนัย : (คำวิเศษณ์) ที่เปิดโอกาสให้แสดงความรู้หรือความคิดเห็นส่วนตัวได้, เรียกการสอบแบบที่ให้ผู้ตอบบรรยายแสดงความรู้หรือแสดงความคิดเห็นของตนเองว่า การสอบแบบอัตนัย, คู่กับ ปรนัย, จิตวิสัย ก็ว่า. (อ. subjective).
(2) ปรนัย : (คำวิเศษณ์) วัตถุวิสัย; เรียกการสอบแบบที่ผู้สอบมักไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นส่วนตัว เป็นคําถามที่ต้องการคําตอบตายตัว ว่า การสอบแบบปรนัย, คู่กับ อัตนัย.
ข้อสังเกตฝากถึง พจน.42 – 54 :
๑ พจน.42 :
ที่คำว่า “อัตนัย” คำนิยามมีวงเล็บ (อ. subjective) ไว้ด้วย
ที่คำว่า “ปรนัย” ก็ควรจะมีวงเล็บ (อ. objective) ไว้ด้วย แต่ไม่มี
๒ พจน.54 :
ซึ่งปรับปรุงมาจาก พจน.42 ก็ยังคงความลักลั่นนี้ไว้เหมือนเดิม
ชีวิตเหมือนข้อสอบ –
: ไม่มีความรู้ ยากที่จะทำข้อสอบ
: ไม่มีความรู้สึกผิดชอบ ยากที่จะทำความดี
————
(ได้แรงบันดาลใจจาก –อัตนัย ปรนัย– โพสต์ของ Saiporn Jaemkham เมื่อวานนี้)
10-9-58