บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

จะว่ายทวนน้ำ หรือจะทำพอเป็นพิธี

จะว่ายทวนน้ำ หรือจะทำพอเป็นพิธี

……………………..

เมื่อวานไปงานศพ ได้รับเชิญให้ไปจุดธูปเทียนที่หน้าตู้พระธรรม

เดินไปถึง จนท.บอกว่า “กราบสามครั้งแล้วกดสวิตช์เลยครับ”

คือทั้งธูปและเทียนเป็นของปลอม แบบเปิดสวิตช์แล้วไฟติด ไม่ต้องจุด

นึกถึงคำว่า “ทำพอเป็นพิธี” ขึ้นมาทันที

จริงๆ สิ่งที่เหลืออยู่ของศาสนาพุทธทุกวันนี้มันก็แทบจะมีแค่พิธีกรรมแล้ว ตอนนี้เรายังลดทอนพิธีกรรมลงไปอีกเพื่อ “ความสะดวก”

สุดท้ายจะมีอะไรเหลือ

Pornkawin Sangsinchai

๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑

……………………..

การที่จะเข้าใจเรื่องแบบนี้และเกิด “อรรถรส” ตามมา ก็ต้องศึกษาเรียนรู้ว่าต้นเดิมของการกระทำเช่นนั้นมุ่งผลอะไร 

อย่างกรณีนี้-การจุดธูปเทียน-เจตนาเดิมจริงๆ ธูปคือต้องการกลิ่น เทียนคือต้องการแสงสว่าง 

พอเราจับหลักนี้ได้ ก็สามารถตัดสินได้ด้วยตัวเองว่าการกระทำ ณ ปัจจุบันนี้สนองเจตนาเดิมได้แค่ไหน หรือคลาดเคลื่อนจนไม่เหลือของเดิม 

แต่ที่สำคัญอยู่ตรงที่-ถ้าเรามีอำนาจกำหนดการปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ เราก็จะมีหลักในการกำหนด ไม่ใช่ตามสังคมหรือฝืนสังคมแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว 

อย่างกรณีงานสวดพระอภิธรรมนี่แหละ เดี๋ยวนี้หลายวัดตั้งตู้พระธรรมต่อจากโต๊ะหมู่บูชา แล้วพระสงฆ์นั่งต่อจากตู้พระธรรม มองไปก็จะเห็นว่าเรียงกันเป็น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 

ถ้าไม่รู้หลักเดิมก็อาจจะเห็นว่า-ก็ดีนี่ 

แต่คนที่รู้หลักเดิมจะไม่เห็นเช่นนั้น 

แบบแผนเดิมนั้นตู้พระธรรมตั้งตรงหน้าพระสงฆ์เพื่อให้พระสงฆ์เปิดพระธรรมสวด (หลักการเดียวกับพระเทศน์ต้องถือคัมภีร์ใบลาน) ไม่ใช่ตั้งเรียงเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ วัดที่ท่านรู้หลักและยึดหลักท่านจะตั้งตามแบบแผนเดิมเสมอ 

อีกนิดหนึ่ง สวดพระอภิธรรมแต่เดิมแท้นั้นท่านสวดกัน ๔ จบ เดี๋ยวนี้วัดต่างๆ วิ่งตามชาวบ้าน คือโดยมากสวดแค่ ๒ จบ เจ้าภาพอ้างว่าเวลามีน้อย จะต้องรีบไปทำธุระอื่น 

เมื่อเร็วๆ นี้เจ้าภาพรายหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า พระก็จะสวด ๒ จบเหมือนศพอื่นๆ แต่เจ้าภาพรายนี้เป็นคนเก่า ยึดหลักเดิม ขอให้สวด ๔ จบตามแบบแผนเดิม 

ทำเอาพระงง 

อันที่จริงพระไม่ควรงง เพราะการสวด ๔ จบเป็นของเดิมที่พระนั่นเองควรจะต้องรู้ดี แต่เพราะโอนอ่อนตามชาวบ้านจนเคย ไม่นึกว่าจะมาเจอของเดิมของจริงเข้าแบบนี้ 

นี่ก็แสดงว่า ในที่สุดแล้วไม่ว่าจะทำอะไรแบบใหม่หรือแบบเก่า สำคัญอยู่ที่รู้จริงหรือเปล่าว่าเจตนาจริงๆ คือทำอะไร 

เวลานี้คนส่วนมากไม่รู้ ทั้งไม่คิดอยากจะรู้ด้วย 

ชาวบ้านน่ะอ้างได้เต็มปากว่าไม่มีเวลาจะมานั่งเรียนรู้เรื่องพวกนี้ 

แต่ที่น่ากลัวก็คือ-เวลานี้แม้ชาววัดเองก็ไม่ใส่ใจที่จะศึกษาเรียนรู้หลักการเดิมแท้ของพระศาสนา

จึงได้แต่ลอยตามน้ำตามๆ กันไปเช่นนี้แล

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๒๔ เมษายน ๒๕๖๓

๑๕:๕๑

ช่วงวันเวลาที่คนไทยต้องร่วมกันให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและของโลก

………………………………

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *