จงเรียกมันว่าความเสื่อม (1)
จงเรียกมันว่าความเสื่อม (10)
จงเรียกมันว่าความเสื่อม (10)
—————————-
ตอน-ท่าทีของเพื่อนแท้
เมื่อก่อน เวลาอ่านหนังสือผมจะถือดินสอไว้ด้วย ถ้าเจอคำที่สะกดผิดก็จะเอาดินสอกาเป็นวงรอบคำไว้ เป็นการเตือนสติตัวเองว่าอย่าเขียนผิดแบบนี้
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคำไหนเขียนผิดเขียนถูก?
ตรงนี้แหละครับสำคัญ วิธีที่ผมใช้ก็คือตั้งข้อสงสัยไว้ทุกคำที่ควรสงสัย
เช่นคำว่า “โรงเรียน”
อย่างนี้ไม่ใช่คำที่ควรสงสัย เพราะมันชัดอยู่แล้วว่าต้องสะกดแบบนี้
แต่ถ้า “เลียนแบบ” “แบบเรียน”
อย่างนี้น่าจะต้องสงสัยนิดๆ ว่าคำไหน “เลียน” คำไหน “เรียน”
แบบนี้ผมก็แก้ปัญหาด้วยการเปิดพจนานุกรมทบทวนความรู้
แต่ถ้าไปเจอคำศัพท์หรือคำแปลกๆ อย่างเช่น –
“บุคลากร” ค ควายกี่ตัว?
“อุตริมนุสธรรม” อุตริ ต เต่ากี่ตัว มนุสธรรม ส เสือกี่ตัว มนุสธรรม หรือ มนุษยธรรม?
แบบนี้ผมก็เปิดพจนานุกรมอีกนั่นแหละ แต่เป็นการเปิดเพื่อหาความรู้หรือเพิ่มเติมความรู้ว่าสะกดอย่างไรแน่และมีความหมายอย่างไร
ผมเข้าใจว่าคนสมัยนี้ไม่เปิดพจนานุกรมกันแล้ว หากแต่สะกดคำไปตามที่เคยหรือที่เข้าใจเอาเองว่าแบบนี้แหละถูกแล้ว
และเมื่อเขียนไปแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย ผิดถูกไม่หันหลังมามองอีก
ไม่น่าเชื่อว่า นักเขียนเฟซบุ๊กหลายๆ ท่านที่เขียนหนังสือน่าอ่านอย่างยิ่ง แต่สะกดคำบางคำ-หลายคำผิด ไม่ใช่ผิดเพราะเผลอ แต่ผิดเพราะเข้าใจว่าสะกดอย่างนั้นถูกต้องแล้ว
ยิ่งเป็นคำวัดๆ ด้วยแล้ว หายห่วง
นักเขียนท่านหนึ่งสะกดคำว่า “ปวารณา” เป็น “ปราวนา”
ไม่ใช่เผลอ แต่สะกดอย่างนี้ทุกครั้ง
“อิริยาบถ” สะกดเป็น “อิริยาบท” หรือไม่ก็ “อริยาบท”
“กิริยาอาการ” สะกดเป็น “กริยาอาการ” โดยไม่รับรู้ว่า “กิริยา” กับ “กริยา” ในภาษาไทยใช้ต่างกันอย่างไร
ต่างๆ นาๆ
ได้รับเงินเดือน ๆ ละ …
นี่แค่เรื่องสะกดการันต์
นอกจากนั้นยังมีสำนวนภาษา โครงสร้างของประโยค ประธาน กรรม กริยา และ หรือ จึง ก็ กับ แก่ แต่ ต่อ …
และนี่ก็เพียงเรื่องเดียว คือเรื่องภาษาและการใช้ภาษา
ถ้าขยายไปถึงเรื่องอื่นๆ เช่น ความคิดเห็นที่พลาด ความเข้าใจที่ผิด ตลอดจนการกระทำที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนต่างๆ ที่เราได้รู้ ได้เห็น ได้พบ ได้สัมผัส หรือได้เกี่ยวข้องในฐานะต่างๆ ก็จะมีเรื่องราวอีกเป็นอเนกอนันต์
คำถามคือ เราจะทำอย่างไรดี?
ทักท้วง ติงเตือน แนะนำ
หรือปล่อยไปตามบุญตามกรรม ถือว่าธุระไม่ใช่
———————-
ธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนเราคือ ไม่ชอบให้ใครมาชี้ข้อบกพร่อง
ถ้าใครมาบอกว่า คำนี้คุณเขียนผิด เรื่องนี้คุณเข้าใจผิด ฯลฯ คนส่วนใหญ่จะไม่พอใจ
ถ้าคนมาบอกมีสถานะต่ำกว่า ก็จะโต้กลับอย่างดุเดือด … เอ็งเป็นใคร อวดดีอย่างไรมาว่าข้า
ถ้าคนมาบอกมีสถานะสูงกว่า ก็จะฮึดฮัดขัดเคืองอยู่ในใจ หรือบ่นว่าลับหลัง … หนอย ถือว่าใหญ่กว่า ทำเป็น …
และธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนไทย คือ มักเกรงใจคนทำผิด
ลองสังเกตดูเถิด แม้แต่ชื่อ แม้แต่หน้า ก็ไม่กล้าเอามาเปิดเผย กลัวเขาจะเสียหาย ไม่ต้องว่าถึงขั้นที่จะไปชี้แนะบอกกล่าว
ยิ่งถ้าผู้ทำผิดพลาดบกพร่องเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วยแล้ว ยิ่งไม่กล้าแตะ
เวลานี้ คำหนึ่งที่มักมีผู้ยกขึ้นมาอ้างคือ “จับผิด” เช่น –
คนนี้ชอบจับผิด
อย่าเที่ยวไปจับผิดใครเขา
น่าประหลาดที่คนเดี๋ยวนี้ แยกไม่ออกระหว่าง “จับผิด” กับ “ชี้โทษ”
จับผิด (รนฺธคเวสก) คือเรื่องยังไม่ปรากฏ แต่ไปเที่ยวขุดคุ้ยข้อบกพร่องของเขาขึ้นมาพูดเพื่อให้เขาเสียหาย-เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
ชี้โทษ (วชฺชทสฺสี) คือข้อบกพร่องผิดพลาดปรากฏอยู่ตรงหน้าโต้งๆ ชัดๆ แต่เจ้าตัวไม่รู้ หรืออาจไม่ทันรู้ตัว เราบอกให้เขารู้ด้วยความปรารถนาดี-เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ควรรู้กาละ เทศะ จังหวะเวลา
เวลานี้คนเราแยกไม่ออกว่าอย่างไรจับผิด อย่างไรชี้โทษ
มองการชี้โทษเป็นการจับผิดไปหมด
พอใครอ้าปากจะชี้โทษ เป็นต้องถูกขนาบทันทีว่า-ไม่ควรไปเที่ยวจับผิดชาวบ้านเขา
ผสมกับธรรมชาติคนไทยเกรงใจคนทำผิดเข้าด้วย ก็พอดีกัน
เห็นใครทำผิด ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงติงเตือน
คนทำผิดก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นผิด
คนรู้ก็ไม่กล้าเตือน
ไม่อยากเตือน
ไม่อยากเปลืองตัว
หรือพออ้าปากจะเตือน ก็มีเสียงตวาด-มาเที่ยวจับผิดชาวบ้านอยู่ได้ ว่างมากงั้นรึ
คนทำผิด จึงยังคงทำผิดเรื่อยไปเพราะไม่รู้ ไม่มีใครเตือน
พอจะมีใครเตือน ก็ถูกสกัดด้วยคำว่า-เอาแต่จับผิดชาวบ้าน
เท่ากับช่วยกันปกป้องการทำผิดให้ดำรงอยู่และขยายตัวต่อไป
นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม
และพวกเรานี่แหละที่ร่วมมือกันทำให้มันเกิด
…………….
ผมเคยเขียนบาลีวันละคำแล้วลงท้ายว่า –
ดูก่อนภราดา!
: เพื่อนแท้ย่อมไม่ปล่อยให้เพื่อนลืมรูดซิปกางเกง
: แล้วเดินเป็นนักเลงไปทั่วบ้านทั่วเมือง
เวลานี้สังคมกำลังเป็นเหมือน-เพื่อนที่ปล่อยให้เพื่อนทำแบบนั้น
เราควรจะเรียกสภาพเช่นนี้ว่าอะไรดี
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
๑๒:๔๒
……………..
ตอน 11 นักฉวยโอกาสที่น่ารังเกียจ
……………..
ตอน 9 คุณสมบัติของผู้บริหารบ้านเมือง
……………..