พม่ารักไทย
————
อาทิตย์ อาคเนย์
จันทร์ ประจิม
อังคาร หรดี
……….
วันนี้วันอังคาร ผมเดินออกกำลังตอนเช้าบ่ายหน้าทางทิศหรดีอันเป็นทิศเทวดาอยู่ประจำวันตามตำรา “ทิศเทวดาผีหลวง” ที่เรียนมาจากหลวงลุงดีผู้ปกครองสมัยที่บวชเณร
ไม่ใช่เป็นพวกถือฤกษ์ยามไสยศาสตร์ แต่ถือเป็นเพียงตัวช่วยในกรณีที่ไม่มีเงื่อนไขบังคับเป็นอย่างอื่น
“เงื่อนไขบังคับเป็นอย่างอื่น” ก็อย่างเช่นหลวงพ่อที่วัดเรียกไปสนทนาธรรมแต่เช้าอันเป็นเวลาเดินออกกำลัง แบบนี้ไม่ว่าวันนั้นเทวดาอยู่ทิศไหนผมก็ไม่สน ต้องบ่ายหน้าไปทิศอีสานทิศเดียว เพราะวัดอยู่ทางทิศอีสานของบ้าน
วันนี้ปลอดโปร่งจากเงื่อนไขอย่างอื่น ผมก็เลยไปทางทิศหรดี
การเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ ดีหลายอย่าง เช่นได้ไปเห็นภูมิสถานบ้านเมืองทั่วถึง
ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือป้องกันนักเลงดักตีหัวได้ เพราะไม่รู้ว่าวันนี้คู่อริจะออกทิศไหน
แต่ไม่ประมาทดีที่สุด
—————–
สมัยยังรับราชการ ผมต้องตื่นแต่เช้ามืด แต่พอเกษียณแล้วก็ตื่นสายได้
ตอนนี้มีงานค้นคว้าวิชาการทางพระพุทธศาสนาเป็นการบ้านมากขึ้น ผมมักจะนอนดึก จึงทำให้ตื่นค่อนข้างสายบ่อยๆ กระทบไปถึงเวลาออกจากบ้านไปเดินออกกำลัง
เมื่อก่อนนี้เทียบนาฬิกาสองโมงเช้าผมมักจะกลับเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้สองโมงเช้ายังอยู่ข้างถนน ทำให้มีเรื่องเคารพธงชาติมาเล่าสู่กันฟังเป็นครั้งคราว
…………..
อย่างเช่น ๒ ครั้งตามลิงก์ข้างล่างนี้
…………..
วันนี้ก็เจออีก
เนื่องจากบริเวณที่ผมไปเดินออกกำลังมักอยู่ในรัศมีเขตเทศบาล จะออกไปนอกเขตบ้างก็เป็นครั้งคราว และเทศบาลเมืองราชบุรีเขามีระบบเสียงตามสายครอบคลุมพื้นที่ ระบบเสียงตามสายของเทศบาลเมืองราชบุรีกระจายเสียงตั้งแต่เวลา ๐๘:๐๐ เริ่มตั้งแต่เทียบเวลาเป็นต้นไป
เพราะฉะนั้นผมก็ต้องมีอันได้ฟังเพลงชาติและเคารพธงชาติแทบทุกเช้าไป
ที่ว่าวันนี้ก็เจออีก ก็คือ ใกล้สองโมงเช้าผมเดินอยู่ที่ถนนศรีสุริยวงศ์ เป็นช่วงที่คนเดินถนนมีน้อย แต่รถในถนนมีมาก
ข้างหน้าผมมีวัยรุ่นสองหนุ่มเดินนำไป
เสียงนาฬิกาตีครั้งที่ ๘ จบลงพร้อมกับเสียงโฆษกพูดตามมาว่า “เวลาแปดนาฬิกา”
พอเสียงเพลงชาติดังขึ้นผมก็หยุด ยืนตรง
สองหนุ่มข้างหน้าก็หยุดและยืนตรงเช่นเดียวกัน ระยะห่างจากผมไม่เกิน ๕ เมตร
พอเพลงชาติจบผมก็ออกเดินต่อ ก้าวเท้าเร็วจนแซงสองหนุ่มในขณะเดียวกับที่ได้ยินทั้งสองพูดคุยกันด้วยเสียงไม่เบานัก
ผมตัวเย็นวาบเมื่อจับสำเนียงถ้อยคำได้ชัดเจนว่า มันเป็นภาษาพม่า!!
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙
๑๕:๐๒
…………………………….