ออกเป็นกฎหมายได้..ก็เรียบร้อย
ออกเป็นกฎหมายได้..ก็เรียบร้อย
———————————-
ความหมายของ “นิติรัฐ” ที่ชาววัดยังไร้เดียงสา
ถ้ามีใครพูดว่า ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบนิติรัฐ เชื่อว่าคนส่วนมากจะไม่เข้าใจ นิติรัฐคืออะไร อะไรคือนิติรัฐ
นิติรัฐก็คือ –
รัฐบาลจะทำอะไร ต้องออกเป็นกฎหมาย
รัฐบาลจะให้ใครทำอะไร ต้องออกเป็นกฎหมาย
รัฐบาลจะห้ามใครทำอะไร ต้องออกเป็นกฎหมาย
ตลอดจนจะให้อะไรมีสถานะเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร ก็ต้องออกเป็นกฎหมาย
และเมื่อออกเป็นกฎหมายแล้ว ใคร-โดยเฉพาะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ-จะปฏิเสธมิได้ คือจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ จะฝ่าฝืนก็ไม่ได้
ถ้าไม่เห็นด้วย จะโวยวายก็ได้ เช่น บ๊ะ..ทำงี้ได้ไง แบบนี้ไม่ยุติธรรมนี่หว่า ทำแบบนี้ก็แย่สิ … ฯลฯ
แต่จะไม่มีผลอะไรในทางปฏิบัติ คือเรื่องนั้นก็ยังคงต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้อยู่นั่นเอง
กฎหมายลบล้างเจตนาก็ได้ เชื่อหรือไม่
หญิงคนหนึ่งมีศรัทธาถวายที่ดินแปลงหนึ่งให้เป็นของวัด ทำพิธีถวายเป็นอย่างดี มีสงฆ์มารับมอบ มีญาติพี่น้องและชาวบ้านมาร่วมอนุโมทนาในพิธี เจ้าของที่ดินประเคนโฉนดที่ดินให้ประธานสงฆ์ พระสงฆ์สวดชยันโต อนุโมทนา เสร็จพิธี
ต่อมา หญิงคนนั้นตายลง ลูกผู้รับมรดกมาขอโฉนดคืน อ้างว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นมรดกตกเป็นของลูก เหตุผลสำคัญมีข้อเดียวคือ ยังไม่ได้จดทะเบียนโอนให้เป็นของวัด-ตามกฎหมาย
เป็นความกัน ๓ ศาล
วัดแพ้ทั้ง ๓ ศาล
ที่ดิน-ซึ่งเจ้าของที่ดินเมื่อยังมีชีวิตอยู่มีเจตนาถวายวัดและทำพิธีถวายไปเรียบร้อยแล้ว-ตกเป็นของลูกผู้รับมรดกมาจนทุกวันนี้
นี่คืออำนาจของกฎหมาย
คำว่า “กฎหมาย” ที่ว่านี้ไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่เรียกว่า “พระราชบัญญัติ” เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง ฯลฯ บรรดาที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐ รวมอยู่ในคำว่า “กฎหมาย” ทั้งสิ้น
และประเทศไทยเราปกครองกันด้วยระบบกฎหมายเช่นนี้แหละ-เรียกเป็นภาษาวิชาการว่า “นิติรัฐ”
…………………
ผมเชื่อว่า เรื่องนิติรัฐและอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของนิติรัฐนี้ชาววัดยังไม่กระดิกหู และยังไร้เดียงสาอย่างยิ่ง-กราบขอประทานอภัยที่ใช้คำนี้ เพราะต้องการให้กระทบใจ
ชาววัดยังหลงละเมออยู่ว่า เมืองไทยมีชาวพุทธตั้ง ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ชาวพุทธเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ มีวัดตั้งเท่านี้ มีพระตั้งเท่านั้น ใครจะกล้ามาทำอะไรกับพระพุทธศาสนาได้ พระพุทธศาสนาของเรายังมั่นคงแข็งแรง อยู่คู่ประเทศไทยไปตลอดกาลนานเทอญ
จนกว่าจะถึง-อยู่มาวันหนึ่ง มีกฎหมายออกมาว่า –
พื้นที่ตำบลนี้อำเภอนี้ห้ามสร้างวัด
วัดที่ตั้งอยู่ในตำบลนี้อำเภอนี้ให้สิ้นสภาพวัด
ห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปบิณฑบาตในเขตพื้นที่ที่กำหนด
วัดในเขตตำบลนี้อำเภอนี้ห้ามมีพระภิกษุสามเณรรวมกันเกินวัดละ ๔ รูป
ประชาชนที่มีอายุไม่ถึง ๖๐ ปี ห้ามบวช
ห้ามทำกิจกรรมทางพุทธศาสนาที่มีเสียงดังเกินรัศมีเขตวัด
ฯลฯ
ถึงตอนนั้น ประเทศไทยก็คงออกกฎหมายให้ศาสนา X (ซึ่งไม่ใช่พระพุทธศาสนา) เป็นศาสนาประจำชาติไปเรียบร้อยแล้ว-ตามหลักการของระบอบนิติรัฐ-ทุกอย่างต้องออกเป็นกฎหมาย
เรื่องที่ว่านี่ไม่ได้เกิดขึ้นวันนี้พรุ่งนี้หรอกครับ แต่มันจะค่อยๆ เป็นไปเงียบๆ อาศัยเวลาซุ่มซ่อนยาวนาน
และที่สำคัญที่สุดก็คือ-อาศัยความไม่กระดิกหูและความไร้เดียงสาเรื่องนิติรัฐอย่างที่ชาววัดกำลังเป็นอยู่นี่แหละครับเป็นปุ๋ยอย่างดียิ่ง
ถึงตอนนั้น บรรดาเจ้าของทัศนะที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่สนับสนุนให้บัญญัตินั่นนี่โน่นของศาสนาพุทธเป็นกฎหมายก็คงไม่อยู่ได้เห็นผลงานของท่านแล้ว แต่ลูกหลานของเราในอนาคตเขาจะได้เห็น
ทุกอย่างเป็นอนิจจัง
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปล่อยวาง
…….
ภาวนากันเข้าไว้นะครับ-คาถาบทนี้ศักดิ์สิทธิ์ดีนักแล
…………………
บรรดาหน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างร้าน ตลอดจนเอกชนทั้งหลายทั้งปวง ที่มีหน้าที่ทางกฎหมาย ทำธุรกิจธุรกรรมเกี่ยวกับกฎหมาย หากินกับกฎหมาย หรือมีความรู้เรื่องกฎหมาย ถ้าจะกรุณาช่วยกันปลุกชาววัดให้ตื่นขึ้นมารับรู้และเห็นความสำคัญของระบอบนิติรัฐ ให้ตระหนกและตระหนักในอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายตั้งแต่บัดนี้ไป ก็จะเป็นการช่วยกันปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาได้อีกทางหนึ่ง
แต่ถ้าคิดว่าธุระไม่ใช่ พระพุทธศาสนาไม่ใช่ของกูคนเดียว
ก็เตรียมตัวบอกลากันตั้งแต่บัดนี้ได้เลย
ลาก่อนนะครับผม
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕
๑๑:๔๐
………………………………………
ออกเป็นกฎหมายได้..ก็เรียบร้อย
……………………………………..