ปรองดองที่ไม่ต้องลงทุน
ปรองดองที่ไม่ต้องลงทุน
————————
ปกติหลังวันพระผมไม่ได้ออกไปเดินออกกำลัง เพราะตื่นขึ้นมาก็สวดมนต์ตอนเช้า กว่าจะเสร็จก็สาย
แต่วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ สวดมนต์เสร็จแล้วเห็นว่ายังพอมีเวลาก็เลยออกไปเดิน
ปรองดองที่ไม่ต้องลงทุน
เดินออกกำลังตอนเช้าแต่ละเช้ารู้สึกเหมือนออกบิณฑบาตสมัยที่บวชอยู่ เพียงแต่สลับกัน
สมัยนั้นเดินออกไปรับอาหารบิณฑบาตจากญาติโยม
สมัยนี้เดินออกไปบำเพ็ญทานมัยบุญกิริยา และถือโอกาสอนุโมทนาบุญกับคนใส่บาตร
————
วันนี้ผมผ่านไปทางศาลแขวงราชบุรี เห็นประตูรั้วเปิดก็เดินเข้าไปดูข้างใน เห็นป้ายประกาศผมก็ถือโอกาสถ่ายรูปเอาไว้เป็น “วัตถุดิบ” เผื่อจะเป็นประโยชน์ในวันหน้า
กำลังแอบถ่ายรูปเพลินๆ ก็มีพระคุณเจ้า ๒ รูป เดินประคองบาตรเข้าประตูมา
ผมถอดหมวก ยืนตรง ประนมมือน้อมนมัสการดังที่ได้ปฏิบัติเช่นนี้มาเป็นอาจิณ
พระคุณเจ้าทำกิริยารับรู้บุญกิริยาของผม แล้วเดินทะลุออกประตูอีกด้านหนึ่ง ผมจึงสังเกตเห็นว่าเป็นทางลัดไม่ต้องอ้อมถนนไปด้านนอก
ถ่ายรูป อ่านประกาศอะไรต่อมิอะไรเสร็จ ผมก็เดินออกไปทางประตูเดียวกับที่พระคุณเจ้าเดินออกไป เห็นท่านอยู่ข้างหน้าไกลๆ กำลังหยุดรับบิณฑบาตจากญาติโยมรายหนึ่ง
พอผมเดินไปถึง โยมท่านนั้นก็ใส่บาตรเสร็จพอดี เธอขี่มอเตอร์ไซค์มา กำลังเตรียมจะออกรถ
“อนุโมทนาบุญด้วยครับ” ผมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงค่อนข้างดังเพื่อแข่งกับเสียงเครื่องรถ
มือขวาจับคันเร่ง บิดออกไปนิดหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ เธอปล่อยมือทั้งสองจากแฮนด์รถ ยกขึ้นประนมรับรู้การอนุโมทนาบุญของผมในทันทีนั้น ใบหน้าเอิบอิ่ม ดวงตาแจ่มใส
เราไม่รู้จักกัน ไม่เคยเห็นกันมาก่อน
ปัตตานุโมทนามัย-บุญสำเร็จด้วยการชื่นชมยินดีในความดีที่ผู้อื่นทำ-เป็นสิ่งเดียวที่เชื่อมน้ำใจของเราทั้งสองไว้ด้วยกัน
————
ผมบรรลุธรรมขึ้นในบัดนั้นเองว่า การปรองดองสามัคคีของคนในชาตินี่ ทำได้เพียงแค่เปิดหัวใจยอมรับในความดีของกันและกันเท่านั้น
ไม่ต้องใช้งบประมาณในการลงทุนอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว!!
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
…………………………….
…………………………….