หาวิธีใช้ไฮเทคช่วยรักษาพระธรรมวินัย
หาวิธีใช้ไฮเทคช่วยรักษาพระธรรมวินัย
————————————
ผมเคยเสนอแนวคิดว่า เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับความประพฤติของพระภิกษุสามเณร ขอให้เราถอยมาตั้งหลักกันที่-ลงมือแสวงความรู้เกี่ยวกับประเด็นปัญหานั้นๆ ก่อน
ปัญหาเกี่ยวกับความประพฤติของพระภิกษุสามเณร ก็หาความรู้ในหลักพระธรรมวินัย
ต้องตั้งหลักกันที่-พระธรรมวินัยเป็นตัวตัดสินความเป็นภิกษุสามเณร ไม่ใช่เอาความเห็นความเข้าใจของเราเองเป็นที่ตั้ง
พวกเราเวลานี้หลงทางกันตรงนี้-คือ อยากเห็นสังคมมีพระภิกษุสามเณรที่ดี แต่ไม่สนใจหรือไม่รับรู้ว่า หลักพระธรรมวินัยอันเป็นตัวชี้วัดความเป็นพระภิกษุสามเณรทีดีมีอยู่อย่างไร และท่านประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยมากน้อยแค่ไหน
เห็นพระทำอะไร ถ้าถูกใจเรา เราก็ชื่นชมศรัทธา
เห็นพระทำอะไรไม่ถูกใจเรา เราก็ตำหนิติเตียน
ทั้งนี้โดยไม่รับรู้ว่าเรื่องนั้นกรณีนั้นหลักพระธรรมวินัยว่าไว้อย่างไร
ถ้าอยากเห็นสังคมไทยมีพระภิกษุสามเณรที่ดี ก็ต้องหาวิธีให้ท่านรักษาพระธรรมวินัยหรือวิถีชีวิตสงฆ์ไว้ให้ได้ก่อนเป็นเบื้องต้น โดยเราชาวบ้านช่วยกันศึกษาหาความรู้ในเรื่องนั้นๆ ไว้ในระดับที่พอมองออกบอกถูกว่าในวิถีชีวิตสงฆ์ อะไรบ้างที่ “ห้ามทำ” และอะไรบ้างที่ “ต้องทำ”
ข้อที่สำคัญมากๆ ก็คือ ชาวบ้านอย่าทำหรือสนับสนุนการกระทำที่ทำให้พระภิกษุสามเณรละเมิดพระธรรมวินัยเสียเอง –
เช่นเอาสตางค์ใส่บาตรเวลาพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตเป็นต้น ซึ่งเวลานี้ชาวบ้านทำกันทั่วไปหมด
เรื่องนี้ผมเคยเสนอแนะทางออกไว้แล้ว
………………………………….
ถวายเงินให้ถูกวิธี
………………………………….
อีกทางหนึ่งที่ควรทำก็คือ ช่วยกันคิดหาวิธีการที่จะเกื้อกูลให้พระภิกษุสามเณรท่านรักษาพระธรรมวินัยได้สะดวกขึ้น พร้อมๆ ไปกับให้ท่านมีโอกาสทำประโยชน์ตนและประโยชน์พระศาสนาควบคู่กันไปได้อย่างเต็มที่
ตัวอย่างเช่นที่ผมเคยเสนอว่า-ให้ช่วยกันคิดค้นระบบ “บัตรปวารณา” ให้พระภิกษุสามเณรพกติดตัว
เวลาจะใช้เงินก็ให้ท่านใช้บัตรปวารณารูดแทน
“บัตรปวารณา” รูดได้เฉพาะรายการที่กำหนดไว้ เช่น ค่าพาหนะ ค่าภัตตาหารเป็นต้น รูดนอกรายการที่กำหนดไม่ได้
วิธีนี้จะช่วยสนับสนุนกรอบขอบเขตให้เห็นชัดขึ้นว่า จ่ายค่าอะไรเป็นความจำเป็นของพระ จ่ายค่าอะไรไม่ใช่วิถีชีวิตของสงฆ์
เป็นการสนับสนุนให้พระดำรงดำรงอยู่ในวิถีชีวิตสงฆ์ได้อย่างสะดวก
กำหนดระบบบัญชีเงินของสงฆ์ขึ้นมา
ใครอยากถวายเงินให้พระ ก็ถวายผ่านบัญชีเงินของสงฆ์
จากบัญชีสงฆ์ โอนไปเข้า “บัตรปวารณา”
พระก็ไม่ต้องรับเงิน ไม่ต้องจับเงิน แต่สามารถจ่ายค่าสิ่งที่จำเป็นในวิถีชีวิตสงฆ์ได้อย่างสะดวก
อะไรที่ไม่ใช่วิถีชีวิตสงฆ์ ก็เป็นการบังคับไปในตัวว่าจ่ายไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ เป็นการเตือนสติไปในตัวว่าท่านกำลังอยู่ในวิถีชีวิตสงฆ์นะ
ผมเชื่อว่าไฮเทคในปัจจุบันนี้สามารถคิดทำระบบนี้ขึ้นมาใช้ได้
ใครที่บอกว่ารักพระศาสนา ห่วงพระศาสนา จะกำจัดอลัชชีให้หมดไปจากพระศาสนา ลองหันมาใช้วิธีนี้ดูบ้างสิครับ
ลองหันมาใช้วิธี-ช่วยกันคิดหาวิธีการให้พระปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องอ้างว่าโลกเปลี่ยนไป สภาพสังคมเปลี่ยนไป พระปฏิบัติพระธรรมวินัยไม่ได้ ไม่สะดวก
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องปรับความเข้าใจให้ถูกต้องว่า “วิถีชีวิตสงฆ์” คืออะไร นั่นคือพระภิกษุสามเณรเองก็ต้องพยายาม “ออกจากเรือนไปสู่ความเป็นผู้ไม่มีเรือน” (อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา) จริงๆ
ทั้งนี้โดยยึดหลักจากกระสวนประโยคในบาลีที่ว่า “ยเถว มยํ … เอวเมวิเม” แปลสั้นๆ ว่า “พระทำอย่างนี้ก็เหมือนชาวบ้าน” อันเป็นคำที่ชาวบ้านสมัยพุทธกาลวิพากษ์วิจารณ์พระที่ประพฤตินอกกรอบ
ผมเชื่อว่า ไฮเทคในปัจจุบันนี้สามารถคิดทำระบบที่เกื้อกูลให้พระปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างคล่องตัวขึ้นมาใช้ได้จริงๆ
ถ้าผู้บริหารการพระศาสนาไม่มีความคิด
(ซึ่งก็ไม่มีจริงๆ เพราะท่านเฉยทุกเรื่อง)
เราชาวบ้านก็ต้องช่วยกันคิดแทน
ใครที่รักและห่วงพระศาสนา ช่วยกันคิดหาวิธีช่วยพระหน่อยนะครับ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
๑๓:๔๙
…………………………….
…………………………….