บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้

ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้

——————————-

เมื่อมีการกล่าวถึงการกระทำที่บ่งบอกว่าเป็นการรุกราน เบียดเบียน ทำลายพระพุทธศาสนา ก็จะต้องมีท่านจำพวกหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า 

“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง”

เมื่อพูดดังนี้แล้ว ก็ดูประหนึ่งว่าท่านผู้พูดได้แสดงหลักความจริงอันประเสริฐที่เพิ่งถูกค้นพบ-ในขณะที่คนอื่นๆ ล้วนแต่ยังโง่ๆ เซ่อๆ อยู่ทั้งนั้น

ความจริง คำพูดนั้น-ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง-เป็นคำที่ยังพูดไม่หมดเปลือก 

ถ้าไม่คิดให้ดี ก็เป็นคำพูดที่ก่อให้เกิดความประมาทได้

ผมขออนุญาตช่วยคิดนะครับ 

…………………

แนวคิดเบื้องหลังคำพูดนี้เข้าใจว่าเกิดมาจากการอ่านสัทธรรมปฏิรูปกสูตร 

สัทธรรมปฏิรูปกสูตร อยู่ในคัมภีร์สังยุตตนิกาย นิทานวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕

อรรถกถาที่อธิบายพระสูตรนี้คือ สารัตถปกาสินี ภาค ๒ หน้า ๓๑๘-๓๒๔

ถ้าอ่านในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ก็อยู่เล่ม ๒๖ หน้า ๖๓๐-๖๓๘

ผมไม่ยกตัวพระสูตรมา แต่ปักป้ายบอกทางไว้ให้

ขอให้มีอุตสาหะตามไปศึกษากันหน่อยนะครับ อย่าเอาแต่นั่งแสดงโวหารคมคายอย่างเดียว

…………………

ไม่มีใครทำลายหลักสัจธรรมอันเป็นคำสอนในพระพุทธศาสนาได้ เพราะสัจธรรมเป็นของประจำโลก

พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ เพียงแต่พระองค์ทรงค้นพบแล้วนำมาตรัสบอกชาวโลก

ค้นพบสิ่งที่มีอยู่แล้ว เหมือนนักวิทยาศาสตร์ค้นพบกฎต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์

เมื่อสิ่งนั้นเป็นสัจธรรมประจำโลก ก็เป็นธรรมดาที่มันจะต้องคงอยู่ประจำโลก ไม่มีใครไปทำลายมันได้ ตราบเท่าที่โลกยังคงมีอยู่

พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

สัจธรรมประจำโลกที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนาจึงไม่มีใครไปทำลายได้ ตราบเท่าที่ยังมีผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง

ผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ได้ชื่อว่า “ชาวพุทธ” 

ถ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าชาวพุทธ ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ และไม่ปฏิบัติตามหลักคำสอนให้ถูกต้อง หลักคำสอนที่ถูกต้องก็ไม่ปรากฏ 

อย่างนี้แหละที่เรียกว่าชาวพุทธทำลายพระพุทธศาสนา คือทำให้หลักคำสอนที่ถูกต้องไม่ปรากฏ 

ที่ว่ามานี้เป็นส่วนที่เป็นหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

แต่ในพระพุทธศาสนาไม่ได้มีแต่หลักคำสอนอย่างเดียว 

ยังมีตัวบุคคล 

สถานที่ 

วัตถุ 

ประเพณีพิธีการต่างๆ 

อันเป็นองค์ประกอบ รวมเรียกว่า “พระพุทธศาสนา” 

ที่เอามาพูดกันว่า“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง” นั้นหมายเฉพาะส่วนที่เป็นหลักคำสอนอันเป็นสัจธรรมประจำโลกเท่านั้น

แต่องค์ประกอบอื่นๆ ของพระพุทธศาสนา คนอื่นสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น

ทำลายวัด ทำลายพระสงฆ์ ทำลายเจดีย์วิหาร

และทำลายกิจกรรม เช่นการแสดงธรรม การปฏิบัติศาสนพิธี การบวช การตั้งโรงเรียน การสอนพระพุทธศาสนา ฯลฯ 

สิ่งเหล่านี้ ใครไม่ชอบ ใครไม่ต้องการให้มี เขาสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น และเคยมีการทำลายมาแล้วด้วย

เพราะฉะนั้น ต้องแยกให้ถูกว่าส่วนไหนทำลายได้ ส่วนไหนทำลายไม่ได้

อย่าหลับตาพูดคลุมไปว่า-ไม่มีใครสามารถทำลายพระพุทธศาสนาได้ 

ไม่มีองค์กรและกิจกรรมดังกล่าวนั้น

หลักสัจธรรมจะไปแสดงตัวที่ไหน

มองไปที่ผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่เต็มบ้านเต็มเมือง จะรู้หรือไม่ว่า-นี่ไงพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนาอยู่ในใจในวิถีชีวิตของคน

แต่คนต้องอยู่ในบ้านเมือง 

และพระพุทธศาสนา-เฉพาะส่วนที่ตัวหลักธรรมคำสอน-นั้น ไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจคนได้โดยอัตโนมัติ

แต่ต้องมีการบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม

การบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม เป็นกระบวนการทางสังคม

ไม่ใช่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ในบ้านใครบ้านมัน ก็เกิดขึ้นได้เอง

สังคมเอื้ออำนวย จึงทำได้

ถ้าสังคมไม่เอื้ออำนวย ก็ทำไม่ได้

ทำไมในอเมริกาจึงมีวัดพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้เป็นอันมาก 

แต่ทำไมในซาอุดิอาระเบียจึงไม่มีใครไปสร้างวัดพระพุทธศาสนา 

ถ้าอยู่มาวันหนึ่ง ผู้ได้อำนาจรัฐในเมืองไทยใช้นโยบายเหมือนผู้ได้อำนาจรัฐในซาอุดิอาระเบีย พระพุทธศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยได้หรือไม่

เป็นความจริง-ที่ชาวพุทธจะต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบถูกต้องตามพระธรรมวินัย เราจึงจะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ 

แต่ถ้าผู้ได้อำนาจรัฐเป็นมิจฉาทิฐิ ต่อให้ชาวพุทธเคร่งครัดในพระธรรมวินัยขนาดไหน ก็อยู่ไม่ได้

จะฝันหวานขอเพียงให้พระพุทธศาสนาอยู่ในใจคนก็พอแล้ว ผู้บริหารบ้านเมืองจะทำอะไรกับบ้านเมือง เชิญตามสบายเถิด -ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง- ก็ขอให้ลองศึกษาบ้านเมืองที่เคยมีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองดูเถิด

……………….

พระพุทธศาสนานั้นไม่มีกองกำลังติดอาวุธไว้ป้องกันตนเอง ไม่ต้องกล่าวไปถึงว่าจะมีไว้ทำร้ายใคร 

พระพุทธศาสนาไปอยู่ที่ไหน ก็อาศัยผู้บริหารปกครองบ้านเมืองนั้นทำหน้าที่ “อารักขา” 

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองเป็นสัมมาทิฐิ พระพุทธศาสนาก็อยู่ได้ 

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองไม่เอาใจใส่ ไม่เห็นความสำคัญ หรือถ้าถึงขั้นเป็นมิจฉาทิฐิ คอยขัดขวาง กีดกัน กลั่นแกล้ง พระพุทธศาสนาก็อยู่ไม่ได้ ไปไม่รอด

……………….

เวลาพูดเรื่องใครจะทำลายพระพุทธศาสนา จึงต้องแยกส่วนให้ถูก อย่าสักแต่ว่าหลับตาพูดตามกันไป 

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒

๑๐:๓๔

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *