เมื่อผมไปชมพระเมรุมาศ
เมื่อผมไปชมพระเมรุมาศ
———————–
ตอน ๑ : เทวดามีจริง
เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผมมีโอกาสไปชมพระเมรุมาศที่ทุ่งพระเมรุ-โดยไม่ได้ตั้งใจไว้ก่อน
ขออนุญาตยิงกระสุนวิถีโค้ง
เรื่องก็คือ-พี่ชายคนโตของผมมีลูก ๓ คน +
เครื่องหมาย + หมายความว่ามีมากกว่า ๓ คน เพราะสมัยหนุ่มๆ พี่ชายผมเป็นนักผจญภัยอยู่พอสมควร
ลูกสาวคนหนึ่งของพี่ชายผม ออกเรือนเมื่อตอนพ่อของเธอ-คือพี่ชายผม-ตายแล้ว แม่ของเธอ-คือพี่สะใภ้ผม-ก็เลยยกให้ผมเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง
ผมก็เลยมีสถานะเหมือนผู้ใหญ่ในตระกูลอยู่ในเวลานี้
ลูกหลานญาติมิตรมีกิจการกิจกรรมอะไรกันที่ไหน ไม่ว่าร้อนหรือเย็น เรื่องก็มักจะมาถึงผมอยู่เนืองๆ
ลูกสาวของพี่ชายแต่งงานแล้วก็ไปทำไร่ไถนาอยู่กับครอบครัวสามี มีลูก ๒ คน คนโตเป็นผู้ชาย ส่งเสียเล่าเรียนจนได้เข้าเรียนที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรียนจบและมีกำหนดเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
พ่อแม่เขา-ซึ่งก็คือหลานสาวหลานเขยผม-ก็บังคับผมว่า อาต้องไปงานรับพระราชทานปริญญาบัตรด้วย
หลานๆ ทั้งหลายจะเข้าเรียนที่ไหนเมื่อไร เรื่องก็มักจะมาถึงผมด้วยเสมอ อันที่จริงต้องพูดว่า-มาถึงอาจารย์ผู้หญิงที่บ้านผมจึงจะถูก เพราะท่านเป็นครู แล้วก็เป็นครูแนะแนวด้วย เพราะฉะนั้นลูกหลานแต่ละคนจะได้รับคำแนะนำตั้งแต่เข้าเรียนประถมมัธยมเป็นต้นไปว่าควรจะเรียนนั่นนี่โน่น นอกจากแนะแนวด้วยการแนะนำแล้ว ท่านยังสอดส่องติดตามผลด้วย รวมทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลด้านเงินทองให้ตามสมควร
ลูกหลานเรียนจบระดับปริญญา ผมก็ดีใจเป็นธรรมดา แต่อาจารย์ผู้หญิงที่บ้านท่านออกจะดีใจเป็นพิเศษ เป็นธุระปะปังหารถราพาหนะให้ ชักชวนญาติพี่น้องไปร่วมแสดงความยินดีกัน-แบบ บ้านนอกเข้ากรุง
อันที่จริงผมกับ มก. หรือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีภูมิหลังกันอยู่บ้าง
อาจารย์ผู้หญิงที่บ้านท่านเป็นศิษย์เก่า มก. จบปริญญาโท ศึกษาศาสตร์ สาขาแนะแนวการศึกษา ตอนนั้นผมเป็นเรือโท กำลังจะถูกย้ายไปอยู่นราธิวาส อาจารย์ผู้หญิงเป็นครูอยู่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ลาไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ มก. ลูกๆ ก็ยังเล็ก จึงค่อนข้างอุตลุดพอสมควรทีเดียว แต่เราก็ผ่านช่วงเวลาวิกฤตมาได้ด้วยดี
อีกหลายปีต่อมา ผมได้รับเชิญจากคณะมนุษยศาสตร์ มก. ให้ไปสอนวิชาภาษาบาลีให้แก่นักศึกษาระดับ ป.เอก อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
ไปงานรับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อวานนี้ (๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) จึงมีความรู้สึกคล้ายได้กลับไปเยี่ยมบ้านญาติ
พอทำกิจกรรมต่างๆ มีถ่ายรูปเป็นต้นเสร็จหมดแล้วในช่วงเวลาก่อนเที่ยง ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าถ้าจะรออยู่จนถึงเวลาที่องค์ประธานเสด็จฯ คือ ๑๖ นาฬิกาหรือ ๔ โมงเย็น ก็จะเป็นการทรมานคนแก่เกินไป จึงพร้อมใจกันเดินทางกลับ
ระหว่างนั่งมาในรถ มีผู้เสนอญัตติว่า ยังพอมีเวลา สมควรจะได้ไปเยี่ยมชมพระเมรุมาศ
คนขับรถให้ข้อมูลในฐานะผู้ชำนาญการว่า ในรัศมีท้องสนามหลวงออกมาโดยรอบ รถจะติดมหากาฬ และน่าจะมีปัญหาเรื่องที่จอดรถด้วย
พวกเราตกลงใจว่าจะไปผจญภัย แบบ-ไปตายเอาดาบหน้า
ผมพูดปลอบใจทุกคนว่า ควรจะไป ถ้าไม่สะดวกเราค่อยหันหัวกลับ แต่ถ้าเทวดาท่านรู้ว่าเรากำลังตั้งใจไปชมพระบารมี ท่านคงจะมีเมตตาอำนวยความสะดวกให้ตามสมควร
พอไปถึงแยกพระปิ่นเกล้า มองไปลิบๆ เห็นปริมาณรถที่กำลังกระดืบๆ ขึ้นสะพาน เราก็ยอมรับว่าข้อมูลของผู้ชำนาญการนั้นถูกต้อง
แต่ก็ยังแข็งใจทำใจดีสู้เสือ กระดืบตามเขาไป
ในระหว่างนั้นก็มีการเสนอญัตติหลายประเด็นเกี่ยวกับที่จอดรถและวิธีที่เข้าไปให้ถึงสนามหลวง
พอรถของเรากำลังจะเข้าช่องขึ้นสะพาน ทุกคนก็ลงมติว่า หาที่จอดรถฝั่งนี้ แล้วหาทางข้ามเรือไปฝั่งโน้นน่าจะดีกว่า
พอดีกับที่คนขับเบี่ยงรถออกซ้ายสุดได้ทัน
ผ่านป้ายวัดดาวดึงษาราม เลี้ยวขวาเข้าใต้สะพาน ผ่านป้ายโรงเรียนมัธยมวัดดุสิตาราม
ขณะนั้นเองผมก็ตัดสินใจโดยกะทันหัน โทรถึง “พรรคพวก” ในกองเรือเล็ก อธิบายสถานการณ์ให้ฟัง บอกว่าจะขอไปตั้งหลักที่นั่นแล้วค่อยคิดอ่านกันต่อไป จะขัดข้องหรือไม่
พรรคพวกบอกว่า อยู่ที่ทำงานพอดี เข้ามาเลย
กองเรือเล็ก สังกัดกรมการขนส่งทหารเรือ มีสถานที่ตั้งอยู่เชิงสะพานอรุณอมรินทร์ คนละฟากคลองกับโรงพยาบาลศิริราช
พอเลี้ยวซ้ายตั้งหลักไปทางสะพานอรุณอมรินทร์ได้ ไม่ขึ้นสะพาน เบี่ยงออกทางซ้าย ก็ถึงกองเรือเล็ก
พรรพวกอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดียิ่ง ด้วยการขมึงตาใส่ผมว่า ทำไมเพิ่งบอกเอาเดี๋ยวนี้ ดีนะที่ยังไม่ได้ออกไปไหน
ว่าแล้วก็จัดแจงให้จอดรถไว้ที่นั่น แล้วจัดเรือเล็กไปส่งคณะบ้านนอกเข้ากรุงที่ท่าราชนาวีสโมสร จากตรงนั้นก็เดินไปสนามหลวงได้สะดวก กำหนดนัดแนะกันว่าเมื่อชมพระเมรุมาศเสร็จแล้วให้แจ้งมา จะได้ให้เรือไปรับกลับ
ระหว่างชมพระเมรุมาศ พรรคพวกก็โทรมาถามว่า ต้องการจะชมเรือพระราชพิธีด้วยหรือไม่ จะได้เตรียมอำนวยความสะดวกไว้ให้
ผมปรึกษากันแล้ว เห็นว่าจะรบกวนเกินฐานะแขกบ้านนอกไปหน่อย ก็เลยได้แต่บอกขอบคุณ
ชมพระเมรุมาศแล้วกลับมากินข้าวกลางวันที่ราชนาวีสโมสร ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง พรรคพวกก็ส่งเรือไปรับกลับมาที่กองเรือเล็ก แล้วเราก็เดินทางกลับราชบุรีโดยสวัสดิภาพ
ขอบันทึกความขอบคุณ “พรรคพวก” ทหารเรือของผม-ที่กรุณาให้ไปรบกวนโดยไม่ได้ตั้งใจไว้ ณ ที่นี้
สาธุ สมฺพหุลา ญาตี = มีพรรคพวกมากย่อมได้รับความสะดวกด้วยประการฉะนี้
พอรถออกจากกองเรือเล็ก ใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นลอยๆ ว่า เทวดามีจริง
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
:
…………………………….
……………………………