บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ใส่บาตรให้ถูกวิธี

ใส่บาตรให้ถูกวิธี

—————–

ชาวพุทธเรานิยมใส่บาตรทุกเช้า หลายคนทำเป็นกิจวัตร ขาดไม่ได้ และเชื่ออย่างมั่นใจว่า เรากำลังทำบุญอันเป็นความดีในพระพุทธศาสนา

แต่เชื่อว่ามีชาวพุทธส่วนน้อยเท่านั้นที่เคยสอบสวนสืบค้นอย่างจริงจังและถึงที่สุดว่า เรามีเหตุผลอะไรที่ศรัทธาในการทำบุญใส่บาตร

ที่นิยมอ้างกันมากก็คือ-เป็นการอุทิศส่วนบุญไปให้ท่านผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ใส่บาตรให้พ่อ ใส่บาตรให้แม่

อีกส่วนหนึ่งเข้าใจว่า การใส่บาตร (ภาษามาตรฐานท่านให้เรียก “ตักบาตร”) เป็นการทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเพื่อให้ตนเองไปเกิดในภพภูมิที่ดีและไม่อดอยากยากจนในชาติหน้า 

ความเข้าใจเช่นนี้อิงหลักที่ว่า –

ทาน ทำให้รวย 

ศีล ทำให้สวย 

ภาวนา ทำให้มีสติปัญญาดี

——————

ถามว่า ผู้รอรับทานก็มีอยู่มากมาย ขอทาน คนจน หรือแม้แต่หมาแมวที่ไม่มีเจ้าของ ตลอดจนนกหนูปูปีก สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ มีอยู่เป็นอเนกอนันต์ ทำบุญกับพวกเหล่านั้นไม่ได้บุญหรือ ทำไมเล่าจะต้องทำบุญโดยการใส่บาตรให้ภิกษุสามเณร

พอถามอย่างนี้ก็ต้องหาหลักอิงที่หนักแน่นยิ่งขึ้น เช่นอ้างทักขิณาวิภังคสูตร ที่แสดงไว้ว่า –

ให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานได้บุญร้อยเท่า 

ให้ทานแก่คนธรรมดาได้บุญพันเท่า 

ถวายทานแก่พระสงฆ์ได้บุญแสนเท่า …

ไปจนถึง-ทำบุญกับพระพุทธเจ้าได้บุญนับไม่ถ้วน

หมายความว่า คนเราก็ต้องเลือกทำบุญกับแหล่งที่จะอำนวยให้ได้ผลมากที่สุด-เป็นธรรมดา

ตรงนี้อาจจะอ้างสังฆคุณมายืนยันได้ด้วย คือบทที่ว่า อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺส = พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า

ตามดูต่อไปอีกว่า ทำไมท่านจึงว่าพระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า 

คำตอบก็อยู่ในบทสังฆคุณนั่นเอง คือ เพราะพระสงฆ์เป็นผู้ –

สุปฏิปนฺโน ปฏิบัติดี 

อุชุปฏิปนฺโน ปฏิบัติตรง 

ญายปฏิปนฺโน ปฏิบัติควร 

สามีจิปฏิปนฺโน ปฏิบัติชอบ

เป็นอันได้หลักยืนยันว่า ใส่บาตรให้พระสงฆ์สามเณร จะได้บุญมากก็ต้องเป็นพระสงฆ์สามเณรที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติควร ปฏิบัติชอบ

ตั้งเป็นหลักใหญ่ได้ว่า จะอุปถัมภ์บำรุง หรือควักกระเป๋าทุ่มเทให้พระสงฆ์สามเณรรูปไหน วัดไหน สำนักไหน ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่า พระสงฆ์สามเณรรูปนั้น วัดนั้น สำนักนั้นเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติควร ปฏิบัติชอบหรือเปล่า

ถึงตรงนี้คงมีคนอยากพูดว่า มัวแต่ไปตรวจสอบก็ไม่ต้องได้ทำบุญกันพอดี 

แล้วอีกประการหนึ่ง ใครจะไปตรวจสอบได้ว่าพระเณรที่เราเห็นท่านออกบิณฑบาตทุกเช้า รูปไหนปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติควร ปฏิบัติชอบหรือเปล่า

ตรงนี้แหละคือช่องโหว่ของสังคมไทย 

และเป็นช่องโหว่ขนาดมหึมาด้วย

หมายความว่าอย่างไร?

ก็หมายความว่า – คนที่เก่งทางการตลาดย่อมจะตีโจทย์ออกแล้วว่า สังคมไทยเลื่อมใสง่าย ศรัทธาง่าย เพราะฉะนั้น ทำอะไรก็ได้ให้ออกมาดูดี น่าเลื่อมใส 

ง่ายๆ เท่านี้เอง 

ทำอะไรก็ได้ให้ออกมาดูดี น่าเลื่อมใส ก็จะสามารถทำให้คนไทยเทกระเป๋าออกมาถวายได้อย่างไม่อั้น

——————

คราวนี้ลองถอยกลับมาดูว่า มีเหตุผลอะไรท่านจึงใช้การปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติควร ปฏิบัติชอบ เป็นมาตรฐานในการตัดสินพระสงฆ์สามเณรว่าเป็นเนื้อนาบุญหรือไม่เป็น

ถามอีกอย่างหนึ่งว่า มีเหตุผลอะไรท่านจึงบอกว่า ทำบุญกับพระสงฆ์ได้บุญมากกว่าให้ทานแก่คนธรรมดา

ตรงนี้ต้องตามไปดูกำเนิดของพระสงฆ์

ว่าย่อๆ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่แสดงหนทางปฏิบัติไปสู่ความพ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของพระศาสนาทรงชี้ทางไว้ว่า การปฏิบัติไปสู่ความพ้นทุกข์จะได้ผลดีต้องออกจากเรือนไปสู่ความเป็นผู้ไม่มีบ้านเรือน มีหลักมีเกณฑ์ในการครองชีวิตอีกแบบหนึ่งต่างจากผู้ครองเรือน

คำแนะนำนี้มีตัวพระพุทธเจ้าเองเป็นบทพิสูจน์ และต่อมาก็มีพระสงฆ์สาวกทั้งหลายเป็นพยานยืนยัน

พระสงฆ์สาวกทั้งหลาย แต่เดิมก็คือชาวบ้านธรรมดาเหมือนเราท่านนี่เอง ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวที่ไหน เป็นชาวบ้านที่ฟังคำสอนแล้วเกิดศรัทธา 

แล้วออกบวช 

แล้วปฏิบัติตาม 

แล้วบรรลุธรรม 

ที่ยังไม่บรรลุก็พยายามปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติควร ปฏิบัติชอบเพื่อบรรลุในโอกาสต่อไป 

นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่มีเพศสมณะเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา

ฝ่ายชาวบ้านที่มีศรัทธา แต่ยังไม่พร้อมที่จะออกบวช เมื่อได้เห็นพวกที่พร้อมกว่าได้ออกบวชไปแล้ว ก็มีแก่ใจสนับสนุนด้วยปัจจัยต่างๆ เพื่อให้ผู้ออกบวชมีความสะดวกในการครองชีพ จะได้มุ่งปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติควร ปฏิบัติชอบเพื่อบรรลุธรรมต่อไป

นี่คือเหตุผลต้นเดิมที่ชาวพุทธมีศรัทธาในการใส่บาตร-คือในการอุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์สามเณร อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา

และที่ว่าถวายทานแก่พระสงฆ์ได้บุญมากกว่าให้ทานแก่สัตว์ แก่คนธรรมดา ก็ด้วยเหตุผลข้อนี้แหละ

คือเหตุผลที่ว่า-เป็นการสนับสนุนให้คนดำเนินไปสู่ความพ้นทุกข์

ถึงตัวเองจะยังไปไม่ได้ แต่ก็สนับสนุนคนที่เขาไปได้

ถามว่า ทุกวันนี้มีใครได้คิดไปให้ถึงเหตุผลต้นเดิมตรงนี้กันบ้าง?

นอกจากใส่บาตรทุกเช้าแล้ว การอุปถัมภ์บำรุงในรูปแบบอื่นๆ ทุกอย่าง สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างกุฏิ บริจาคที่ ตั้งทุนมูลนิธิ บำรุงการศึกษาพระปริยัติธรรม บวชเณร บวชพระ ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ฯลฯ ก็ล้วนแต่มีรากเหง้าเค้าเดิมมาจากการสนับสนุนให้คนดำเนินไปสู่ความพ้นทุกข์ทั้งสิ้น

เราได้คิดสาวไปให้ถึงเหตุต้นเค้าที่แท้จริงของการมีศรัทธากันบ้างหรือเปล่า

เมื่อทำกันนานเข้าจนกลายเป็นวัฒนธรรม ประเพณี เป็นค่านิยม เราก็เลยลืมกันไปว่าเหตุผลที่แท้จริงของการกระทำเช่นนั้นคืออะไร 

กลายเป็นทำตามประเพณี หนักเข้าก็เลยเป็น “ความเชื่อ” คือศรัทธาล้วนๆ ไม่ได้มองไปที่เหตุผลที่แท้จริงของการกระทำเช่นนั้น 

และในที่สุดก็ถึงขั้น-ไม่ต้องการคำอธิบายหรือเหตุผลใดๆ 

ใครจะพูดจะชี้แจงก็ไม่อยากฟัง (ซ้ำชักจะรำคาญเอาด้วย)

ขอเพียงแค่ให้ได้ทำ เท่านั้นพอ 

และมีเป็นอันมากที่อ้างเหตุผลเพียงว่า ทำแล้วสบายใจ ก็พอแล้ว ขอแค่นั้น 

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓

๑๑:๑๑

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *