บาลีวันละคำ

อานิสงส์แรง (บาลีวันละคำ 4,657)

อานิสงส์แรง

บาลีว่าอย่างไร

ผู้เขียนบาลีวันละคำได้สังเกตเห็นว่า เมื่อมีการเชิญชวนให้คนบริจาคทรัพย์ หรือร่วมกิจกรรมการบุญต่าง ๆ มักจะมีคำว่า “อานิสงส์แรง” อยู่ในคำโฆษณาเชิญชวนเสมอ เช่น บริจาคสร้างสิ่งนี้จะได้อานิสงส์แรง ทำบุญอย่างนั้นอย่างนี้จะมีอานิสงส์แรง เป็นต้น เป็นที่มาของคำถามว่า คำว่า “อานิสงส์แรง” บาลีว่าอย่างไร?

คำบาลีเท่าที่ระลึกได้ตอนนี้ คือ “มหานิสํส

มหานิสํส” อ่านว่า มะ-หา-นิ-สัง-สะ

ประกอบด้วยคำว่า มหา + อานิสงฺส

(๑) “มหา” 

อ่านว่า มะ-หา ในภาษาไทยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

มหา ๑ : (คำวิเศษณ์) ใหญ่, ยิ่งใหญ่, มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส บางทีก็ลดรูปเป็น มห เช่น มหรรณพ มหัทธนะ มหัศจรรย์.”

คำว่า “มหา” รูปคำเดิมในบาลีเป็น “มหนฺต” อ่านว่า มะ-หัน-ตะ รากศัพท์มาจาก มหฺ (ธาตุ = เจริญ) + อนฺต ปัจจัย

: มหฺ + อนฺต = มหนฺต แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ขยายตัว” มีความหมายว่า ยิ่งใหญ่, กว้างขวาง, โต; มาก; สำคัญ, เป็นที่นับถือ (great, extensive, big; much; important, venerable)

มหนฺต” เป็นคำเดียวกับที่ใช้ในภาษาไทยว่า “มหันต์

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

มหันต-, มหันต์ : (คำวิเศษณ์) ใหญ่, มาก, เช่น โทษมหันต์. (เมื่อเข้าสมาสกับศัพท์อื่น เป็น มห บ้าง มหา บ้าง เช่น มหัคฆภัณฑ์ คือ สิ่งของที่มีค่ามาก, มหาชน คือ ชนจำนวนมาก). (ป.).”

ในที่นี้ “มหนฺต” เข้าสมาสกับ “อานิสํส” เปลี่ยนรูปเป็น “มหา” 

(๒) “อานิสํส” 

อ่านว่า อา-นิ-สัง-สะ รากศัพท์มาจาก –

(1) อา (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + นิ (คำอุปสรรค = เข้า, ลง) + สํสฺ (ธาตุ = สรรเสริญ) + (อะ) ปัจจัย 

: อา + นิ + สํสฺ = อานิสํสฺ + = อานิสํส แปลตามศัพท์ว่า “คุณที่นำออกมาสรรเสริญได้อย่างดียิ่ง

(2) อานิ (ผลที่ได้รับ) + สนฺท (ธาตุ = ไหล, หลั่ง) + (อะ) ปัจจัย, แปลง นฺ ที่ สนฺท เป็นนิคหิต (สนฺทฺ > สํท), แปล ที่ สนฺทฺ เป็น (สนฺทฺ > สนฺส)

: อานิ + สนฺทฺ = อานิสนฺทฺ + = อานิสนฺท > อานิสํท > อานิสํส แปลตามศัพท์ว่า “คุณที่หลั่งผลออก” 

อานิสํส” (ปุงลิงค์) หมายถึง การสรรเสริญ คือสิ่งซึ่งเป็นที่น่ายกย่อง, กำไร, ความดี, ประโยชน์, ผลดี (praise i. e. that which is commendable, profit, merit, advantage, good result)

บาลี “อานิสงส์” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อานิสงส์” อ่านว่า อา-นิ-สง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อานิสงส์ : (คำนาม) ผลแห่งกุศลกรรม, ผลบุญ; ประโยชน์ เช่น อานิสงส์กฐิน. (ป. อานิสํส; ส. อานฺฤศํส, อานุศํส).”

: มหนฺต > มหา + อานิสํส = มหานิสํส แปลว่า “มีอานิสงส์มาก” ตรงกับคำไทยว่า “อานิสงส์แรง” ถ้าใช้ทับศัพท์ก็เป็น “มหานิสงส์” อ่านว่า มะ-หา-นิ-สง

ขยายความ :

เพื่อให้เข้าใจคำว่า “อานิสงส์” กว้างขวางขึ้น ขอนำคำอธิบายความหมายของ “อานิสงส์” ในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต มาเสนอไว้ในที่นี้ ดังนี้ –

…………..

อานิสงส์ : ผลดีหรือผลที่น่าปรารถนาน่าพอใจ อันสืบเนื่องหรือพลอยได้ จากกรรมดี, ผลงอกเงยแห่งบุญกุศล, คุณ, ข้อดี, ผลที่เป็นกำไร, ผลได้พิเศษ; “อานิสงส์” มีความหมายต่างจาก “ผล” ที่เรียกชื่ออย่างอื่น โดยขอบเขตที่กว้างหรือแคบกว่ากัน หรือโดยตรงโดยอ้อม เช่น ทำกรรมดีโดยคิดต่อคนอื่นด้วยเมตตาแล้วเกิดผลดี คือ มีจิตใจแช่มชื่นสบาย ผ่อนคลาย เลือดลมเดินดี มีสุขภาพ ตลอดถึงว่าถ้าตายด้วยจิตอย่างนั้น ก็ไปเกิดดี นี้เป็นวิบาก พร้อมกันนั้นก็มีผลพ่วงอื่น ๆ เช่น หน้าตาผ่องใส เป็นที่รักใคร่ชอบใจของคนอื่น  อย่างนี้เป็นอานิสงส์ แต่ถ้าทำกรรมไม่ดีโดยคิดต่อคนอื่นด้วยโทสะแล้วเกิดผลร้ายต่อตนเองที่ตรงข้ามกับข้างต้น จนถึงไปเกิดในทุคติ ก็เป็นวิบาก และในฝ่ายร้ายนี้ไม่มีอานิสงส์ (วิบาก เป็นผลโดยตรง และเป็นได้ทั้งข้างดีและข้างร้าย ส่วนอานิสงส์ หมายถึงผลพ่วงพลอยหรืองอกเงยในด้านดีอย่างเดียว ถ้าเป็นผลพลอยด้านร้าย ก็อยู่ในคำว่านิสสันท์), อนึ่ง วิบาก ใช้เฉพาะกับผลของกรรมเท่านั้น แต่อานิสงส์ หมายถึงคุณ ข้อดี หรือผลได้พิเศษในเรื่องราวทั่วไปด้วย เช่น อานิสงส์ของการบริโภคอาหาร อานิสงส์ของธรรมข้อนั้น ๆ จีวรที่เป็นอานิสงส์ของกฐิน, โดยทั่วไป อานิสงส์ มีความหมายตรงข้ามกับ อาทีนพ ซึ่งแปลว่า โทษ ข้อเสีย ข้อด้อย จุดอ่อน หรือผลร้าย เช่นในคำว่า กามาทีนพ (โทษของกาม) และเนกขัมมานิสงส์ (คุณหรือผลดีในเนกขัมมะ).

…………..

ช่วยกันสะกดให้ถูก :

นิสงส์” ผิด

นิสงค์” ผิด

“อานิสงค์” ผิด

นิสงฆ์” ผิด

อานิสงฆ์” ผิด

—————-

อานิสงส์” ถูก

—————-

แถม :

ทำอะไรจึงเกิด “มหานิสํส” หรือ “อานิสงส์แรง” ขอนำข้อความที่ท่านแสดงไว้ในพระไตรปิฎกมาเสนอไว้ในที่นี้เพื่อเป็นการศึกษา ดังนี้ –

…………..

อิติ  สีลํ  อิติ  สมาธิ  อิติ  ปญฺญา 

ศีลมีอยู่ด้วยประการฉะนี้

สมาธิมีอยู่ด้วยประการฉะนี้

ปัญญามีอยู่ด้วยการฉะนี้

สีลปริภาวิโต  สมาธิ  มหปฺผโล  โหติ  มหานิสํโส  

สมาธิอันศีลอบรมแล้วมีผลมาก มีอานิสงส์มาก

สมาธิปริภาวิตา  ปญฺญา  มหปฺผลา  โหติ  มหานิสํสา  

ปัญญาอันสมาธิอบรมแล้วมีผลมาก มีอานิสงส์มาก

ปญฺญาปริภาวิตํ  จิตฺตํ  สมฺมเทว  อาสเวหิ  วิมุจฺจติ  

จิตอันปัญญาอบรมแล้วย่อมหลุดพ้นด้วยดีโดยแท้จากอาสวะทั้งหลาย

เสยฺยถีทํ  กามาสวา  ภวาสวา  อวิชฺชาสวาติ  ฯ

กล่าวคือ จากกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ดังนี้.

ที่มา: มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 10 ข้อ 75

…………..

อานาปานสตึ  ราหุล  ภาวนํ  ภาเวหิ  อานาปานสติ  ราหุล  ภาวิตา  พหุลีกตา  มหปฺผลา  โหติ  มหานิสํสา  ฯ

ดูก่อนราหุล เธอจงเจริญอานาปานสติภาวนาเถิด เพราะอานาปานสติที่บุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก

ที่มา: มหาราหุโลวาทสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม 13 ข้อ 146

…………..

ผู้โฆษณาเชิญชวนให้ใครทำอะไรโดยอ้างว่าทำแล้ว “อานิสงส์แรง” ก็ดี

ผู้ฟังผู้อ่านคำโฆษณาที่อ้างว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้มี “อานิสงส์แรง” ก็ดี

พึงระลึกถึงคำบาลีอันเป็นพระพุทธพจน์ดังที่ยกมานี้เป็นอนุสติ เพื่อเป็นแนวทางในการหาคำตอบที่ถูกต้องว่า เพราะเหตุไรเมื่อทำอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจึงมีอานิสงส์แรง

จะได้ไม่พูดเพียงเพื่อล่อใจคนให้ควักกระเป๋า

และจะได้ไม่ทำเพียงเพื่ออยากได้สิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ห้ามคนโกหกไม่ได้

: แต่รู้ทันคำโกหกได้

#บาลีวันละคำ (4,657)

13-3-68 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *