มัชฌิมนิกาย (บาลีวันละคำ 4,140)
มัชฌิมนิกาย
หมวดที่รวมพระสูตรขนาดปานกลาง
…………..
พระไตรปิฎกมี 3 ส่วน คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก
พระสุตตันตปิฎกแบ่งเป็น 5 หมวด เรียกว่า “นิกาย” คือ –
(สะกดตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554)
(1) ทีฆนิกาย
(2) มัชฌิมนิกาย
(3) สังยุตนิกาย
(4) อังคุตรนิกาย
(5) ขุทกนิกาย
…………..
“มัชฌิมนิกาย” อ่านว่า มัด-ชิ-มะ-นิ-กาย
ประกอบด้วยคำว่า มัชฌิม + นิกาย
(๑) “มัชฌิม”
เขียนแบบบาลีเป็น “มชฺฌิม” อ่านว่า มัด-ชิ-มะ ศัพท์เดิมมาจาก มชฺฌ + อิม (อิ-มะ) ปัจจัย
(ก) “มชฺฌ” รากศัพท์มาจาก มชฺ (ธาตุ = บริสุทธิ์, สะอาด) + ฌ ปัจจัย
: มชฺ + ฌ = มชฺฌ แปลตามศัพท์ว่า “จุดที่หมดจด”
“มชฺฌ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) (นปุงสกลิงค์) ตรงกลาง, กลาง ๆ, สามัญ, มัธยม, สายกลาง (middle, medium, mediocre, secondary, moderate)
(2) (ปุงลิงค์) สะเอว (the waist)
(ข) มชฺฌ + อิม = มชฺฌิม ใช้เป็นคุณศัพท์ แปลตามศัพท์ว่า “-อันตั้งอยู่ในท่ามกลาง” หรือ “-อันเป็นไปในท่ามกลาง”
ความหมายนี้ใช้ในการเทียบเคียงคำซึ่งเป็นคู่กันกับความหมายว่า มากกว่านั้นหรือน้อยกว่านั้น ในกระบวน 3 คำ เช่น “เล็ก – กลาง – ใหญ่” (small – medium – big) หรือ “แรก – กลาง – หลัง” (first – middle – last)
“มชฺฌิม” เขียนแบบไทยเป็น “มัชฌิม” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มัชฌิม– : (คำวิเศษณ์) ปานกลาง. (ป. มชฺฌิม).”
(๒) “นิกาย”
บาลีอ่านว่า นิ-กา-ยะ แสดงรากศัพท์ตามนัยแห่งหนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) ดังนี้ –
(1) นิกาย ๑ รากศัพท์มาจาก นิ (คำนิบาต = เข้า, ลง) + จิ (ธาตุ = สะสม) + ย ปัจจัย, แปลง จิ เป็น กา
: นิ + จิ = นิจิ + ย = นิจิย > นิกาย (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ที่อันเขามุงบัง” หมายถึง เรือน, ที่พัก, ที่อยู่
(2) นิกาย ๒ รากศัพท์มาจาก นิ (คำนิบาต = ไม่มี, ออก) + จิ (ธาตุ = สะสม) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อิ ที่ จิ เป็น เอ, แปลง เอ เป็น อาย (จิ > เจ > จาย), แปลง จ เป็น ก
: นิ + จิ + ณ = นิจิณ > นิจิ > นิเจ > นิจาย > นิกาย (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “หมู่ที่สะสมส่วนย่อยทั้งหลายไว้โดยไม่ต่างกัน” ( = พวกที่ไม่ต่างกันมารวมอยู่ด้วยกัน) หมายถึง นิกาย, ฝูง, กลุ่ม, หมู่, คณะ, กอง
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “นิกาย” ว่า collection, assemblage, class, group (การรวบรวม, การประชุม, ชั้น, กลุ่ม, พวก, หมู่) ไม่มีคำแปลที่หมายถึง เรือน, ที่พัก, ที่อยู่ ดังที่หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ แสดงความหมายของ นิกาย ๑
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“นิกาย : (คำนาม) น. หมู่, พวก, หมวด, ใช้เกี่ยวกับศาสนา ในกรณีเช่นคณะนักบวชในศาสนาเดียวกัน ที่แยกออกไปเป็นพวก ๆ เช่น มหานิกาย ธรรมยุติกนิกาย นิกายโรมันคาทอลิก นิกายโปรเตสแตนต์; เรียกคัมภีร์พระสุตตันตปิฎกที่แยกออกเป็น ๕ หมวดใหญ่ คือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตนิกาย อังคุตรนิกาย ขุทกนิกาย. (ป., ส.).”
ขยายความแทรก :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “นิกาย” ไว้ดังนี้ –
…………..
นิกาย : พวก, หมวด, หมู่, ชุมนุม, กอง;
1. หมวดตอนใหญ่แห่งพุทธพจน์ในพระสุตตันตปิฎก ซึ่งแยกเป็น ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย และขุททกนิกาย;
2. คณะนักบวช หรือศาสนิกชนในศาสนาเดียวกันที่แยกเป็นพวกๆ; ในพระพุทธศาสนามีนิกายใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็นนิกายพุทธศาสนาในปัจจุบัน ๒ นิกาย คือ มหายาน หรือนิกายฝ่ายเหนือ (อุตรนิกาย) พวกหนึ่ง และ เถรวาท หรือนิกายฝ่ายใต้ (ทักษิณนิกาย) ที่บางทีเรียก หีนยาน พวกหนึ่ง;
ในประเทศไทยปัจจุบัน พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทด้วยกัน แยกออกเป็น ๒ นิกาย แต่เป็นเพียงนิกายสงฆ์ มิใช่ถึงกับเป็นนิกายพุทธศาสนา (คือแยกกันเฉพาะในหมู่นักบวช) ได้แก่ มหานิกาย และ ธรรมยุติกนิกาย ซึ่งบางทีเรียกเพียงเป็นคณะว่า คณะมหานิกาย และ คณะธรรมยุต
…………..
มชฺฌิม + นิกาย = มชฺฌิมนิกาย อ่านแบบบาลีว่า มัด-ชิ-มะ-นิ-กา-ยะ ใช้ในภาษาไทยเป็น “มัชฌิมนิกาย” อ่านว่า มัด-ชิ-มะ-นิ-กาย
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“มัชฌิมนิกาย : (คำนาม) ชื่อคัมภีร์นิกายที่ ๒ แห่งพระสุตตันตปิฎก แปลว่า หมวดปานกลาง รวบรวมพระสูตรขนาดปานกลางไว้ในหมวดนี้. (ป.).”
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่คำว่า “มัชฌิมนิกาย” บอกไว้ดังนี้ –
…………..
มัชฌิมนิกาย : นิกายที่สองแห่งพระสุตตันตปิฎก มีพระสูตรยาวปานกลาง ๑๕๒ สูตร; ดู ไตรปิฎก (เล่ม ๑๒ – ๑๔)
…………..
ที่คำว่า “ไตรปิฎก” พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ฯ บอกความหมายไว้ดังนี้ –
…………..
ไตรปิฎก : “ปิฎกสาม”; ปิฎก แปลตามศัพท์อย่างพื้นๆ ว่า กระจาดหรือตะกร้าอันเป็นภาชนะสำหรับใส่รวมของต่างๆ เข้าไว้ นำมาใช้ในความหมายว่า เป็นที่รวบรวมคำสอนในพระพุทธศาสนาที่จัดเป็นหมวดหมู่แล้ว โดยนัยนี้ ไตรปิฎก จึงแปลว่า “คัมภีร์ที่บรรจุพุทธพจน์ (และเรื่องราวชั้นเดิมของพระพุทธศาสนา) ๓ ชุด” หรือ “ประมวลแห่งคัมภีร์ที่รวบรวมพระธรรมวินัย ๓ หมวด” กล่าวคือ วินัยปิฎก สุตตันตปิฎก และ อภิธรรมปิฎก
… … …
…………..
ในส่วน “สุตตันตปิฎก” พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ฯ ขยายความไว้ดังนี้ –
…………..
ข. พระสุตตันตปิฎก ๒๕ เล่ม
๒. มัชฌิมนิกาย ๓ เล่ม
เล่ม ๑๒ มูลปัณณาสก์ บั้นต้น มีพระสูตรขนาดกลาง ๕๐ สูตร
เล่ม ๑๓ มัชฌิมปัณณาสก์ บั้นกลาง มีพระสูตรขนาดกลาง ๕๐ สูตร
เล่ม ๑๔ อุปริปัณณาสก์ บั้นปลาย มีพระสูตรขนาดกลาง ๕๒ สูตร
…………..
นี่คือเค้าโครงของ “มัชฌิมนิกาย” ในพระไตรปิฎกส่วนที่เป็นพระสุตตันตปิฎกหรือพระสูตร
รายละเอียดต่างๆ ของพระสูตรใน “มัชฌิมนิกาย” พึงศึกษาจากพระไตรปิฎกเล่ม 12-13-14 นั้นเทอญ
…………..
ดูก่อนภราดา!
: รู้จักพอก็ดี
: รู้จักดีก็พอ
#บาลีวันละคำ (4,140)
13-10-66
…………………………….
…………………………….