กาลปาวสานต์ – ผิดซ้ำซ้อน (บาลีวันละคำ 4,632)

กาลปาวสานต์ – ผิดซ้ำซ้อน
ผู้เขียนบาลีวันละคำได้อ่านโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่ง ท่านเขียนว่า “ยั่งยืนได้ชั่วนานกาลปาวสานต์”
จำได้ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยสะกดคำนี้เป็น “กาลปาวสาน”
ญาติมิตรท่านนี้มีความรู้ทางภาษาดีมาก ไม่ทราบว่าท่านสะกดอย่างนี้เพราะเห็นว่าถูกต้อง หรือท่านรู้ว่าคำที่ถูกต้องสะกดอย่างไร แต่ท่านจงใจสะกดอย่างนี้ด้วยเจตนาบางอย่าง
ภาษาไทยที่เอามาจากบาลีสันสกฤตที่สะกดใกล้เคียงกับคำนี้คือคำว่า “กัลปาวสาน” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กัลปาวสาน : (คำนาม) ที่สุดแห่งระยะเวลากัลป์หนึ่ง คือ ช่วงเวลา ๔,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์. (ส. กลฺป + อวสาน).”
“กัลปาวสาน” อ่านว่า กัน-ละ-ปา-วะ-สาน มาจากคำว่า กัลป + อวสาน
(๑) “กัลป”
บาลีเป็น “กปฺปฺ” อ่านว่า กับ-ปะ รากศัพท์มาจาก กปฺปฺ (ธาตุ = กำหนด) + อ (อะ) ปัจจัย
: กปฺปฺ + อ = กปฺป (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะอันเขากำหนดขึ้น”
“กปฺป” ในบาลีใช้ในความหมายหลายอย่าง คือ –
(1) เหมาะสม, สมควร, ถูกต้อง, เหมาะเจาะ (fitting, suitable, proper)
(2) จุดสีดำเล็กๆ (a small black dot)
(3) ทำเลศนัย (a making-up of a trick)
(4) คำสั่ง, คำสั่งสอน, กฎ, ข้อปฏิบัติ, มรรยาท (ordinance, precept, rule; practice, manner)
(5) เวลาที่แน่นอน (a fixed time); เวลาที่กำหนดไว้ชั่วกัปหนึ่ง (time with ref. to individual and cosmic life)
ในภาษาไทย คำนี้ใช้เป็น “กัป” (กับ) ตามบาลีก็มี ใช้อิงสันสกฤตเป็น “กัลป-” (กัน-ละ-ปะ-, มีคำอื่นมาสมาสท้าย) และ “กัลป์” (กัน) ก็มี
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กัป : (คำนาม) อายุของโลกตั้งแต่เมื่อพระพรหมสร้างเสร็จจนถึงเวลาที่ไฟประลัยกัลป์มาล้างโลก, บางทีใช้เข้าคู่กับคํา กัลป์ เช่น ชั่วกัปชั่วกัลป์ นานนับกัปกัลป์พุทธันดร. (ป. กปฺป; ส. กลฺป). (ดู กัลป-, กัลป์).”
บาลี “กัป” สันสกฤตเป็น “กลฺป”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“กลฺป : (คำวิเศษณ์) ละม้าย; like (but with a degree of inferiority); – (คำนาม) ศาสตร์หรือบุณยการย์; เวทางค์หนึ่งในจำนวนหก; หนึ่งทิวากับหนึ่งราตรีของพรหม, เวลามีกำหนด ๔,๓๒๑,๐๐๐,๐๐๐ สูรยนักษัตรสังวัตสรกาลบอกสถิติของโลก, และบอกอันตราลแห่งความประลัยของโลก; ความประลัยของโลก; บุณยศาสน์, พฤตติ์อันตราลงไว้โดยพระเวทเพื่ออำนวยผลอย่างหนึ่ง; สังคติ, ความสม; ความแล้วแต่ใจ, คติ, ศงกา; ความตั้งใจอย่างใดอย่างหนึ่ง; ต้นพฤกษ์ในสวรรค์; a Śāstra or sacred work; one of the six Vedangas; a day and night of Brahmā, a period of 4,321,000,000 solar-sidereal-years, measuring the duration of the world, and the interval of its annihilation; a destruction of the world; a sacred precept, practice prescribed by the Vedas for effecting certain consequences; propriety, fitness; optionality, alternative, doubt; any act of determination; one of the trees in Indra’s paradise.”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กัลป-, กัลป์ : (คำนาม) กัป, อายุของโลกตั้งแต่เมื่อพระพรหมสร้างเสร็จจนถึงเวลาที่ไฟประลัยกัลป์ล้างโลก ซึ่งได้แก่ช่วงเวลากลางวัน วันหนึ่งของพระพรหม คือ ๑,๐๐๐ มหายุค (เท่ากับ ๔,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์) เมื่อสิ้นกัลป์ พระอิศวรจะล้างโลกด้วยไฟประลัยกัลป์ โลกจะไร้สิ่งมีชีวิตและอยู่ในความมืดมนจนถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ แล้วพระพรหมก็จะสร้างโลกเป็นการขึ้นต้นกัลป์ใหม่ โลกจะถูกสร้างและถูกทำลายเช่นนี้สลับกันตลอดอายุของพระพรหม ทั้งนี้ตามคติของพราหมณ์, บางทีใช้เข้าคู่กับคํา กัป เช่น ชั่วกัปชั่วกัลป์ นานนับกัปกัลป์พุทธันดร. (ส.; ป. กปฺป).”
(๒) “อวสาน”
บาลีอ่านว่า อะ-วะ-สา-นะ รากศัพท์มาจาก อว (คำอุปสรรค = ลง) + สา (ธาตุ = จบ, สิ้นสุด) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น “อน” (อะ-นะ)
: อว + สา = อวสา + ยุ > อน = อวสาน (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “การสิ้นสุดลง” หมายถึง การจบลง; การสิ้นสุด, การจบเสร็จ, การลงเอย (stopping ceasing; end, finish, conclusion)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อวสาน : จบ, สิ้นสุด; การสิ้นสุด, ที่สุด. (ป., ส.).”
“อวสาน” มักมีผู้เขียนผิดเป็น “อวสานต์”
“อวสานต์” ที่เขียนผิดนี้ อาจแยกศัพท์เป็น อวสา = จบ + อันต = ที่สุด = อวสานต์ (ขอย้ำว่าเขียนผิด ไม่มีศัพท์เช่นนี้) = ที่สุดของจบ > เวลาของการจบนั้นสิ้นสุดลงแล้ว ต่อจากนี้ไปจะเป็นเวลาของการไม่จบ > ดำเนินต่อไป > ยังไม่จบ
เพราะฉะนั้น โปรดทราบว่า “อวสาน” ไม่ต้องมี ต์ การันต์
กปฺป + อวสาน = กปฺปาวสาน > กัลปาวสาน
…………..
คำว่า “กาล” บาลีอ่านว่า กา-ละ รากศัพท์มาจาก กลฺ (ธาตุ = นับ, คำนวณ, สิ้นไป) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ก-(ลฺ) เป็น อา (กลฺ > กาล)
: กลฺ + ณ = กลณ > กล > กาล (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องนับประมาณอายุเป็นต้น” “ถูกนับว่าล่วงไปเท่านี้แล้ว” “ยังอายุของเหล่าสัตว์ให้สิ้นไป” หมายถึง เวลา, คราว, ครั้ง, หน
“กาล” ที่หมายถึง “เวลา” (time) ในภาษาบาลียังใช้ในความหมายที่ชี้ชัดอีกด้วย คือ :
1 เวลาที่กำหนดไว้, เวลานัดหมาย, เวลาตายตัว (appointed time, date, fixed time)
2 เวลาที่เหมาะสม, เวลาที่สมควร, เวลาที่ดี, โอกาส (suitable time, proper time, good time, opportunity)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กาล ๑, กาล– : (คำนาม) เวลา, คราว, ครั้ง, หน. (ป., ส.).”
…………..
จะเห็นได้ว่า:
– ไม่มีคำว่า “กาล” อยู่ในส่วนไหนของคำว่า “กัลปาวสาน”
– “กัลป” กับ “กาล” เป็นคนละคำกันโดยสิ้นเชิง
– ไม่มีหลักไวยากรณ์ให้ยืดเสียง “กัลป” เป็น “กาลป” แล้วมีความหมายเหมือน “กาล” ไปด้วย
– ผู้สะกดเป็น “กาลปาวสาน” จินตนาการคำว่า “กาล” ขึ้นมาเอง
– คำว่า “กัลปาวสาน” เป็นคำที่ยุติรู้กันเป็นสามัญแล้วว่าสะกดอย่างนี้ และไม่ได้มีข้อยกเว้นว่า “ใช้ว่า กาลปาวสาน ก็มี” จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนรูปให้เป็นอย่างอื่น
– และถ้าสะกดเป็น “กาลปาวสานต์” ก็ยิ่งผิดซ้ำซ้อน ผิดซ้ำสอง
กล่าวคือ –
“กัลป” ไปแผลงเป็น “กาลป” ผิดไปหนึ่งแล้ว
“กัลปาวสาน” ไปสะกดเป็น “กาลปาวสานต์” ใส่ ต การันต์เข้าไป ผิดซ้ำเข้าไปอีกหนึ่ง
ถ้าใช้สำนวนครูพูดกับนักเรียนก็ต้องบอกว่า ใครสั่งสอนให้สะกดแบบนี้ ไปเอาตัวอย่างมาจากพจนานุกรมเล่มไหน
…………..
ถ้าผู้สะกดแบบนี้บอกว่า ที่อธิบายมานั้นข้าพเจ้ารู้และเข้าใจแล้วทั้งหมด เข้าใจมานานแล้วด้วย ไม่ใช่เพิ่งเข้าใจเพราะท่านอธิบาย แต่คำว่า “กาลปาวสานต์” เป็นคนละคำกับ “กัลปาวสาน” เป็นคำที่ข้าพเจ้าคิดขึ้นเอง จึงไม่ต้องเอาคำในพจนานุกรมมาเทียบถูกผิด ข้าพเจ้าพอใจคำว่า “กาลปาวสานต์” จะขอใช้คำนี้ เขียนแบบนี้ สะกดแบบนี้ เพราะข้าพเจ้าชอบแบบนี้ ใครจะทำไม?
ผู้เขียนบาลีวันละคำก็คงต้องบอกว่า-ถ้ากระนั้นก็เชิญตามอัธยาศัยเถิด ข้าพเจ้าขอลาท่านไป ณ บัดนี้
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ประทีปที่จุดขึ้นไว้เรืองโรจน์
: มีประโยชน์เฉพาะคนที่มีดวงตา
#บาลีวันละคำ (4,632)
16-2-68
…………………………….
…………………………….
