บาลีวันละคำ

สัมฤทธิศก (บาลีวันละคำ 4,631)

สัมฤทธิศก

ช่วยกันอย่าตกภาษาไทย

อ่านว่า สำ-ริด-ทิ-สก

ประกอบด้วยคำว่า สัมฤทธิ + ศก

(๑) “สัมฤทธิ” 

เป็นรูปคำสันสกฤต บาลีเป็น “สมิทฺธิ” อ่านว่า สะ-มิด-ทิ ประกอบด้วย สํ + อิทฺธิ

(ก) “สํ” อ่านว่า สัง เป็นคำอุปสรรค ตำราบาลีไวยากรณ์ไทยแปลว่า “พร้อม, กับ, ดี” หมายถึง พร้อมกัน, ร่วมกัน (together)

(ข) “อิทฺธิ” อ่านว่า อิด-ทิ รากศัพท์มาจาก อิธฺ (ธาตุ = เจริญ) + อิ ปัจจัย, ซ้อน ทฺ หลัง อิ– ต้นธาตุ

: อิธ > (อิ + + ธฺ) > อิทฺธ + อิ = อิทฺธิ แปลตามศัพท์ว่า “เหตุเป็นเครื่องเจริญ

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความเห็นไว้ว่า –

…………..

There is no single word in English for Iddhi, as the idea is unknown in Europe. The main sense seems to be ʻ potency ʼ.

ไม่มีคำในภาษาอังกฤษที่ให้ความหมายของคำว่า อิทฺธิ ได้ชัดเจนแม้สักคำเดียว, ความคิดเช่นนี้ไม่เป็นที่รู้จักในยุโรป. ความหมายหลักดูเหมือนจะเป็น potency อานุภาพหรืออำนาจ

…………..

อิทฺธิ” ในภาษาบาลี โดยเฉพาะที่สรุปได้จากคัมภีร์ มีความหมายดังนี้ –

(1) ความสมบูรณ์พรั่งพร้อมสมกับตำแหน่งฐานะ

(2) ความสามารถทำสิ่งใด ๆ ได้ตามที่ผู้อยู่ในฐานะนั้น ๆ จะพึงทำได้

(3) ความสามารถเหนือวิสัยสามัญอันเกิดจากการอบรมจิตถึงระดับ เช่น หูทิพย์ ตาทิพย์ เหาะได้ (โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยใด ๆ)

(4) การฝึกฝนอบรมให้มีคุณธรรมอันจะสามารถทำสิ่งใด ๆ ให้สำเร็จได้ตามปรารถนา

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อิทธิ : (คำนาม) ฤทธิ์, อำนาจศักดิ์สิทธิ์; ความเจริญ, ความสำเร็จ, ความงอกงาม”

สํ + อิทฺธิ แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น (สํ > สม)

: สํ > สม + อิทฺธิ = สมิทฺธิ แปลตามศัพท์ว่า “ความสำเร็จพร้อมกัน” หมายถึง ความสำเร็จ, ความรุ่งเรือง (success, prosperity)

บาลี “สมิทฺธิ” สันสกฤตเป็น “สมฺฤทฺธิ

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

(สะกดตามต้นฉบับ)

สมฺฤทฺธิ : (คำนาม) แผลงเปน – ‘สัมฤทธิ,’ วรรธนะ; บุณโยทัย; อาธิปัตย์; อำนาจ; increase; prosperity; sway; power.”

สมิทฺธิ > สมฺฤทฺธิ ภาษาไทยใช้ตามสันสกฤตเป็น “สัมฤทธิ

ถ้าต้องการให้อ่านว่า สำ-ริด เขียน “สัมฤทธิ์” (การันต์ที่ -ธิ)

ถ้ามีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย เขียน “สัมฤทธิ-” (ไม่ต้องใส่การันต์ที่ -ธิ)อ่านว่า สำ-ริด-ทิ-

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

สัมฤทธิ-, สัมฤทธิ์ : (คำนาม) ความสําเร็จ ในคําว่า สัมฤทธิผล; โลหะเจือชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ประกอบด้วยทองแดงกับดีบุก, ทองสัมฤทธิ์ หรือ ทองบรอนซ์ ก็เรียก, โบราณเขียนว่า สำริด. (ส. สมฺฤทฺธิ; ป. สมิทฺธิ).”

(๒) “ศก” 

บทวิทยุรายการ “รู้ รัก ภาษาไทย” ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 และ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 มีข้อความสรุปได้ว่า –

คำว่า “ศก” มาจากคำภาษาสันสกฤตว่า “ศก” (สะ-กะ) เป็นชื่อราชวงศ์ที่มีอำนาจปกครองอินเดียโบราณทางตอนเหนือระหว่างพุทธศตวรรษที่ 7 ถึงพุทธศตวรรษที่ 9 อาณาจักรของราชวงศ์ศกะ ปัจจุบันอยู่ในแคว้นคุชราษฏร์ พระราชาพระองค์หนึ่งในราชวงศ์นี้ทรงพระนามว่าพระเจ้าศาลิวาหนะ (สา-ลิ-วา-หะ-นะ) เป็นผู้ริเริ่มนำชื่อราชวงศ์ คือ ศกะ มาใช้เป็นชื่อเรียกปี และเกิดคำว่า “ศกราช” (สะ-กะ-รา-ชะ) แปลว่า “พระราชาแห่งราชวงศ์ศกะ

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “ศก” บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

ศก : (คำนาม) อธิราช; วิเศษวรรณ, ผู้สันตติของศกหรือศาลิวาหน; ประเทศ; นิวาสิน; กาล, วิศิษฏกาล; a sovereign; a particular caste, the descendants of Śaka and Śālivāhana; a country; the inhabitants; an era.”

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ศก” ในความหมายนี้เป็น “ศก ๒” บอกไว้ดังนี้ – 

…………..

ศก ๒ : (คำนาม)

(๑) ระบบการคำนวณนับเวลาเรียงลำดับกันเป็นปี ๆ โดยถือเอาเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ดังในคำว่า รัตนโกสินทรศก ซึ่งถือเอาปีเริ่มสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เป็นจุดเริ่มต้น, บางทีก็ใช้เป็นคำย่อของศักราช เช่น พุทธศก คริสต์ศก (ส.).

(๒) คำเรียกปีหนึ่ง ๆ ของจุลศักราช เพื่อให้ทราบว่าเป็นปีที่ลงท้ายด้วย ๑ ๒ … หรือ ๐ เช่น ถ้าลงท้ายด้วย ๑ เรียกว่า เอกศก ลงท้ายด้วย ๒ เรียกว่า โทศก … ลงท้ายด้วย ๐ เรียกว่า สัมฤทธิศก (ส.).

(๓) ปี เช่น ศกนี้ ศกหน้า วันเถลิงศก. (ส.).

…………..

สัมฤทธิ + ศก = สัมฤทธิศก (สำ-ริด-ทิ-สก) แปลว่า “ปีสำเร็จ” หมายถึง ปีที่ครบรอบ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “สัมฤทธิศก” ไว้ดังนี้ – 

สัมฤทธิศก : (คำนาม) เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๐ เช่น ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๓๕๐, ปีสำเร็จ (ครบรอบ คือ ปีที่ ๑๐ ของรอบ ๑๐ ปีของจุลศักราช) ซึ่งตั้งต้นด้วยเอกศก โทศก เป็นลำดับไปจน นพศก แล้วสัมฤทธิศก เป็นครบรอบแล้วตั้งต้นใหม่.”

แถม :

ศกตามปีจุลศักราชมีชื่อเรียกอย่างไร ขอนำชื่อศกจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มาเสนอไว้ในที่นี้ และขอแทรกคำอ่านลงไว้ด้วย จะได้ไม่อ่านผิด ดังนี้ –

(1) เอกศก [เอก-กะ-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๑ เช่น ปีมะแมเอกศก จุลศักราช ๑๓๔๑.

(2) โทศก [โท-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๒ เช่น ปีวอก โทศก จุลศักราช ๑๓๔๒.

(3) ตรีศก [ตฺรี-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๓ เช่น ปีระกา ตรีศก จุลศักราช ๑๓๔๓.

(4) จัตวาศก [จัด-ตะ-วา-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๔ เช่น ปีจอ จัตวาศก จุลศักราช ๑๓๔๔.

(5) เบญจศก [เบน-จะ-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๕ เช่น ปีกุน เบญจศก จุลศักราช ๑๓๔๕.

(6) ฉศก [ฉอ-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๖ เช่น ปีชวด ฉศก จุลศักราช ๑๓๔๖.

(7) สัปตศก [สับ-ตะ-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๗ เช่น ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช ๑๓๔๗. (ส.)

(8 ) อัฐศก [อัด-ถะ-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๘ เช่น ปีขาล อัฐศก จุลศักราช ๑๓๔๘.

(9) นพศก [นบ-พะ-สก] เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๙ เช่น ปีเถาะ นพศก จุลศักราช ๑๓๔๙.

…………..

ดูก่อนภราดา!

: อยู่วันเดียวได้ทำความดี

: ดีกว่าอยู่ร้อยปีทำแต่ความเลว

#บาลีวันละคำ (4,631)

15-2-68 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้