ความในใจของ “เพื่อน”

ความในใจของ “เพื่อน”
———————–
ผมมี “เพื่อน” ทางเฟซบุ๊กเต็ม ๕,๐๐๐ มาช้านานแล้ว-ตามที่เฟซบุ๊กกำหนดให้มีได้
ผมไม่ทราบว่าตัวเลข ๕,๐๐๐ นี้เป็นความคิดของคนชื่อไร
โปรดสังเกตว่าผมใช้คำว่า “ของคนชื่อไร” ทั้งนี้เพื่อปิดทางที่จะมีใครเลี่ยงไปตอบว่า “ก็ของเฟซบุ๊กไง”
ผมรู้-เหมือนที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นกติกาของ “เฟซบุ๊ก”-แต่เฟซบุ๊กเป็นนามธรรม หรือถ้าเป็นรูปธรรมก็เป็นเพียงเครื่องจักรในรูปแบบหนึ่ง และเครื่องจักรนั้นคิดเองไม่ได้ ต้องมีมนุษย์สร้างโปรแกรมขึ้นแล้วกำหนดให้มันทำงาน
ผมอยากจะรู้ลึกลงไปว่า มนุษย์ชื่อไรนามสกุลไรที่เป็นคนกำหนดตัวเลข ๕,๐๐๐ นี้ และเขามีเหตุผลอย่างไร
ผมสังเกตว่าเวลานี้เราทำอะไรตามที่ระบบอะไรสักอย่างกำหนดให้ทำ แต่ไม่ค่อยสนใจที่จะรู้ว่าทำไมจึงกำหนดให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นก็คือเราอยากรู้เหตุผลกันน้อยลง
หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่า เราทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลกันมากขึ้น
………………..
จำนวนเพื่อน ๕,๐๐๐ นี้นานๆ วันก็จะลดลงไปคนหนึ่งหรือ ๒ คน
พอเห็นตัวเลขลดลง ผมก็จะตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของญาติมิตรทั้งหลายที่มีขอกันมาและรออยู่เป็นจำนวนพัน
ญาติมิตรกลุ่มแรกที่ผมเลือกตอบรับคือพระภิกษุ สามเณร และวัด
กรณีจำนวนเพื่อนลดลง ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะคนที่รับเป็น “เพื่อน” กันแล้วเห็นว่าผมทำประโยชน์อะไรให้ไม่ได้ จึงลบผมออกไป
“เพื่อน” ประเภทนี้น่าจะเป็นพวกที่ขอเป็นเพื่อนเพื่อจะขายของหรือทำธุรกิจบางอย่าง ซึ่งผมไม่ถนัดที่จะอำนวยประโยชน์แบบนั้นให้ได้
ส่วนที่ลบผมจากความเป็นเพื่อนเพราะโกรธเกลียดอะไรกัน ผมยังนึกไม่ออกว่าจะมี เพราะผมไม่เป็นศัตรูกับใคร การแสดงความคิดเห็นต่างๆ ของผมไม่มีเรื่องส่วนตัวอันจะทำให้ใครเดือดร้อน
………………..
กิจประจำวันอย่างหนึ่งของผมเมื่อเริ่มใช้งานเฟซบุ๊กก็คือ อวยพรวันเกิดให้เพื่อน
เพื่อนที่เป็นชาวบ้านทั่วไปผมจะลงท้ายว่า “ด้วยความปรารถนาดีครับ”
เพื่อนที่เป็นพระภิกษุสามเณรและวัด ผมจะลงท้ายเป็นภาษาบาลีว่า “สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.”
เรื่องที่ทำให้ผมลำบากใจอยู่บ้างก็คือ พระภิกษุสามเณรเป็นจำนวนมากใช้นามแฝง และแม้แต่ที่ใช้นามจริงก็ไม่มีถ้อยคำที่บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นพระภิกษุสามเณร เว้นแต่ที่มีภาพประจำตัวให้เห็นชัดๆ
ผมพอจะเข้าใจเหตุผลของการที่ไม่แสดงตัวให้ชัดเจนลงไป แต่ผมก็อยากจะบอกว่า เฟซบุ๊กเป็นสนามสาธารณะ พระภิกษุสามเณรสามารถเป็นสมาชิกได้โดยเปิดเผย จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปกปิดสถานภาพของตัวเอง
เนื่องจากผมอาจจะจำ “เพื่อน” ไม่ได้ถนัดชัดเจนทุกคน เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าเวลาอวยพรวันเกิดให้เพื่อนที่เป็นพระภิกษุสามเณร ผมอาจจะพลาดไปใช้คำลงท้ายว่า “ด้วยความปรารถนาดีครับ” เพราะดูจากชื่อเข้าใจว่าท่านเป็นชาวบ้านธรรมดา
“ด้วยความปรารถนาดีครับ” – ใช้กับคนธรรมดาได้ แต่ใช้กับพระภิกษุสามเณร ผมถือว่าเป็นการตีเสมอและบังอาจในที่อันไม่บังควร
จึงต้องกราบขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้
………………..
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมรู้สึกวิเวกวังเวงใจ ก็คือ เคยตามไปดูที่หน้าบ้านของเพื่อนหลายๆ ท่านที่ผมอวยพรวันเกิดไปให้
ปรากฏว่าท่านไม่ได้อ่าน
ที่รู้ว่าไม่ได้อ่านก็เพราะไม่มีสัญญาณรับรู้ใดๆ เช่นคำตอบขอบคุณ หรือการกดไลค์
หลายท่าน ผมตามไปเห็นคำอวยพรของผม ๒ ปี หรือ ๓ ปีติดต่อกัน นอนสงบนิ่งอยู่หน้าบ้าน เหมือนจดหมายค้างอยู่ในตู้ไปรษณีย์
เป็นไปได้ไหมว่า บางท่านอาจจะตายไปแล้วโดยที่ “เพื่อน” ไม่มีโอกาสรับรู้
ผมอยากฝากไปทางเฟซบุ๊กว่า บรรยากาศดังที่ว่ามานี้มีทางที่เราจะทำอะไรอย่างไรได้บ้างหรือไม่เพื่อให้เพื่อนรับรู้ความเป็นไปของเพื่อน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผมก็ถือเป็นประเพณีที่ดีที่จะยังคงอวยพรวันเกิดให้เพื่อนทุกคนที่ระบบของเฟซบุ๊กนำเสนอให้รับรู้เป็นประจำวันโดยไม่ละเลย
ถ้าการไม่รับรู้คำอวยพรเกิดจากความบกพร่องของเพื่อนเอง เราก็ไม่ควรยกขึ้นเป็นเหตุให้งดการอวยพร (อวยไปแล้วเขาก็ไม่รับ จะอวยให้เหนื่อยทำไม) เพราะนั่นจะกลายเป็น-มีคนบกพร่องเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง
………………..
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความในใจของผมก็คือ “เพื่อน” ที่เป็นหน่วยราชการ ผมสังเกตเห็นว่าเพื่อนประเภทนี้มีการติดต่อสื่อสารกันน้อยที่สุด จนกล่าวได้ว่าไม่มีการติดต่อสื่อสารกันเลย
เพื่อนที่เป็นหน่วยราชการนั้น ผมอวยพรวันเกิดไป (ตามที่เฟซบุ๊กเรียงขึ้นมาให้เห็นเป็นประจำวัน) ปรากฏว่าร้อยละร้อยไม่มีปฏิกิริยาตอบรับหรือแสดงอาการรับรู้ใดๆ
ผมเคยเห็นเพื่อนหลายคนประกาศลบเพื่อนที่ไม่เคยอ่านโพสต์หรือไม่เคยกดไลค์
ถ้าผมทำแบบนั้นบ้าง ผมคงมีเพื่อนที่ถูกลบเยอะทีเดียว
แต่ผมไม่เคยคิดจะทำ
“เพื่อน” มีไว้อำนวยประโยชน์ให้เพื่อน – เป็นคติที่ผมยึดถืออยู่อย่างมั่นคง
ไม่ได้มีไว้เพื่อลบทิ้ง
ใครจะรู้ได้ว่า-วันที่เราต้องการเพื่อนคนนั้น หรือวันที่เพื่อนคนนั้นต้องการเรา จะมาถึงเข้าเมื่อไร-สักวันหนึ่ง
เป็นเพื่อนกันครั้งหนึ่ง
เป็นเพื่อนกันตลอดไป
คิดถึง “เพื่อน” ทุกคนครับ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๖ มิถุนายน ๒๕๖๑
๑๒:๕๗