บาลีวันละคำ

ครุกาบัติ – ลหุกาบัติ (บาลีวันละคำ 4,723)

ครุกาบัติลหุกาบัติ

อาบัติหนัก – อาบัติเบา

อ่านว่า คะ-รุ-กา-บัด ละ-หุ-กา-บัด

ครุกาบัติ แยกศัพท์เป็น ครุก + อาบัติ 

ลหุกาบัติ แยกศัพท์เป็น ลหุก + อาบัติ 

(๑) “ครุก” 

อ่านว่า คะ-รุ-กะ ประกอบด้วย ครุ + สกรรถ

(ก) “ครุ” รากศัพท์มาจาก –

(1) ครฺ (ธาตุ = ไหลไป; ลอยขึ้น) + อุ ปัจจัย

: ครฺ + อุ = ครุ แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งที่เลื่อนไหลกว้างขวางไป” (2) “ผู้ลอยเด่น” 

(2) คิรฺ (ธาตุ = คาย, หลั่ง) + อุ ปัจจัย, ลบสระต้นธาตุ (คิรฺ > ครฺ)

: คิรฺ + อุ = คิรุ > ครุ แปลตามศัพท์ว่า (1) “ผู้คายความรักให้หมู่ศิษย์” (2) “ผู้หลั่งความรักไปในหมู่ศิษย์

ครุ” ในบาลี ถ้าเป็นคุณศัพท์ใช้ในความหมายว่า –

(1) หนัก, น้ำหนักบรรทุก (heavy, a load)

(2) สำคัญ, ควรเคารพ, พึงเคารพ (important, venerable, reverend)

ถ้าเป็นนาม ใช้ในความหมายว่า คนที่ควรนับถือ, ครู (a venerable person, a teacher)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ครุ” ไว้ 3 คำ บอกไว้ดังนี้ –

(1) ครุ ๑ : [คฺรุ] (คำนาม) ภาชนะสานชนิดหนึ่ง รูปกลม ๆ เหมือนกะลาตัด ยาชัน มีหูหิ้ว ใช้ตักน้ำ.

(2) ครุ ๒ : [คะรุ] (คำวิเศษณ์) หนัก, ใช้ในตําราฉันทลักษณ์ หมายถึง พยางค์ที่มีเสียงหนัก ได้แก่ พยางค์ที่ประกอบด้วยสระเสียงยาวและสระเกินทั้ง ๔ คือ สระอำ ใอ ไอ เอา เช่น ตา ดำ (สระอำถือเป็น ครุ ก็ได้ ลหุ ก็ได้) และพยางค์ที่มีตัวสะกดทั้งสิ้น เช่น หัด เรียน ใช้เครื่องหมาย (ไม้หันอากาศ) แทน, คู่กับ ลหุ ซึ่งใช้เครื่องหมาย (สระ อุ) แทน. (ป. ครุ ว่า หนัก; สำคัญ, ควรเคารพ, มีค่าสูง; ส. คุรุ ว่า หนัก; สำคัญ, ควรเคารพ, มีค่าสูง).

(3) ครุ ๓ : [คะรุ] (คำนาม) ครู. (ป. ครุ, คุรุ, ว่า ครู; ส. คุรุ ว่า ครู).

ครุ” ในที่นี้ มีความหมายตาม ครุ

(ข) ครุ + สกรรถ (ลง ข้างหลังคำเดิม เมื่อลงแล้วมีความหมายเท่าเดิม) 

: ครฺ + = ครุก (คะ-รุ-กะ) แปลเท่ากับ “ครุ” 

(๒) “ลหุก” 

อ่านว่า ละ-หุ-กะ ประกอบด้วย ลหุ + สกรรถ

(ก) “ลหุ” อ่านว่า ละ-หุ รากศัพท์มาจาก ลงฺฆฺ (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + อุ ปัจจัย, ลบ งฺ แล้วแปลง ฆฺ เป็น หฺ (ลงฺฆฺ > ลฆฺ > ลหฺ)

: ลงฺฆฺ + อุ = ลงฺฆุ > ลฆุ > ลหุ (คุณศัพท์) แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่เป็นไปอย่างเบา” หมายถึง เบา, เร็ว (light, quick)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ลหุ : (คำวิเศษณ์) เบา; เร็ว, ฉับไว; ใช้ในตำราฉันทลักษณ์ หมายถึง พยางค์ที่มีเสียงเบา ได้แก่ พยางค์ที่ประกอบด้วยสระเสียงสั้นที่ไม่มีตัวสะกด เช่น จะ มิ ดุ, ใช้เครื่องหมาย (สระ อุ) แทน, คู่กับ ครุ ซึ่งใช้เครื่องหมาย (ไม้หันอากาศ) แทน.”

(ข) ลหุ + สกรรถ (ลง ข้างหลังคำเดิม เมื่อลงแล้วมีความหมายเท่าเดิม) 

: ลหุ + = ลหุก (ละ-หุ-กะ) แปลเท่ากับ “ลหุ” 

(๓) “อาบัติ

อ่านว่า อา-บัด บาลีเป็น “อาปตฺติ” อ่านว่า อา-ปัด-ติ รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + ปทฺ (ธาตุ = ไป, ถึง) + ติ ปัจจัย, แปลง ทฺ ที่ (ป)-ทฺ เป็น (ปทฺ > ปต)

: อา + ปทฺ = อาปทฺ + ติ = อาปทติ > อาปตฺติ แปลตามศัพท์ว่า “การถึงอย่างยิ่ง” “การถึงทั่วไปหมด” “การต้อง

อาปตฺติ” มาจากคำกริยา “อาปชฺชติ” (อา-ปัด-ชะ-ติ) แปลว่า ถึง, พบ, ประสบ, ทำ, ก่อ. แสดง (to get into, to meet with; to undergo; to make, produce, exhibit)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อาปตฺติ” ว่า an ecclesiastical offence (โทษทางวินัยของสงฆ์)

นักบาลีมักแปลตามศัพท์ว่า “การต้อง” หมายถึง “กระทบ” คือ การกระทำเช่นนั้นไปกระทบเข้ากับฐานความผิด หรือมีความผิดเข้ามากระทบผู้กระทำ

อาปตฺติ” หมายถึง โทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทหรือข้อห้ามแห่งภิกษุ อย่างที่เข้าใจกันด้วยภาษาง่ายๆ ว่า “ผิดศีล” หรือ “ศีลขาด

คำนี้เรานิยมพูดทับศัพท์ว่า “อาบัติ” เช่น “พระทำอย่างนี้ไม่เป็นอาบัติหรือ

ครุก + อาปตฺติ = ครุกาปตฺติ (คะ-รุ-กา-ปัด-ติ) แปลว่า “อาบัติหนัก” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ครุกาบัติ” (คะ-รุ-กา-บัด)

ลหุก + อาปตฺติ = ลหุกาปตฺติ (ละ-หุ-กา-ปัด-ติ) แปลว่า “อาบัติเบา” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ลหุกาบัติ” (ละ-หุ-กา-บัด)

ขยายความ :

ในภาษาไทย คำว่า “ครุกาบัติ” และ “ลหุกาบัติ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

(1) ครุกาบัติ : (คำนาม) อาบัติหนัก ได้แก่ อาบัติปาราชิก เมื่อภิกษุต้องอาบัติปาราชิก ถือว่าขาดจากความเป็นภิกษุทันที แม้กลับมาบวชใหม่ก็ไม่เป็นภิกษุ.

(2) ลหุกาบัติ : (คำนาม) อาบัติเบา ได้แก่ อาบัติที่เมื่อภิกษุต้องแล้ว จะต้องบอกแก่ภิกษุด้วยกันจึงจะพ้นจากอาบัตินั้น ได้แก่ อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาษิต. (ป. ลหุกาปตฺติ).

หมายเหตุ : “ครุกาบัติ” ที่พจนานุกรมฯ บอกว่า “ได้แก่ อาบัติปาราชิก” นั้น ขาดไป “ครุกาบัติ” ได้แก่ อาบัติสังฆาทิเสสด้วย

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ดังนี้ –

…………..

ครุกาบัติ : อาบัติหนัก ได้แก่ อาบัติปาราชิก เป็นอาบัติที่แก้ไขไม่ได้ ภิกษุต้องแล้วจำต้องสึกเสีย และ อาบัติสังฆาทิเสส อยู่กรรมจึงจะพ้นได้ คู่กับ ลหุกาบัติ 

ลหุกาบัติ : อาบัติเบา คือ อาบัติที่มีโทษเล็กน้อย ได้แก่อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ ทุพภาสิต; คู่กับ ครุกาบัติ 

…………..

ดูก่อนภราดา!

อณุมตฺเตสุ  วชฺเชสุ  ภยทสฺสาวี

: ถ้าเป็นบัณฑิตสักหน่อย

: โทษผิดเพียงเล็กน้อย ก็เห็นว่าเป็นภัยน่ากลัว ไม่กล้าล่วงละเมิด

#บาลีวันละคำ (4,723)

18-5-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้