เมณฑกานุญาต (บาลีวันละคำ 4,724)

เมณฑกานุญาต
วิธีแก้ปัญหาพระกับเงินได้ชะงัด
แต่ทั้งชาวบ้านและชาววัดไม่มีใครคิดจะเอามาใช้
อ่านว่า เมน-ดะ-กา-นุ-ยาด
แยกศัพท์เป็น เมณฑก + อนุญาต
(๑) “เมณฑก”
เขียนแบบบาลีเป็น “เมณฺฑก” (มีจุดใต้ ณฺ) อ่านว่า เมน-ดะ-กะ เป็นชื่อของคฤหบดีชาวเมืองภัททิยะ แคว้นอังคะ ซึ่งอยู่ในเขตปกครองของแคว้นมคธ
เหตุที่คฤหบดีผู้นี้ได้ชื่อว่า “เมณฑก” ก็เพราะมีแร่ทองคำรูปร่างเหมือนแพะจำนวนมากเกิดขึ้นที่หลังคฤหาสน์
คำว่า “แพะ” ภาษาบาลีว่า “เมณฺฑ” รากศัพท์มาจาก เมณฺฑฺ (ธาตุ = คด, โค้ง, งอ) + อ (อะ) ปัจจัย
: เมณฺฑฺ + อ = เมณฺฑ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เดินคดไปคดมา” หมายถึง แพะ หรือแกะ
เมณฺฑฺ + ก สกรรถ (ลง ก ข้างหลังคำเดิม เมื่อลงแล้วมีความหมายเท่าเดิม) = เมณฺฑก แปลเท่ากับ “เมณฺฑ”
(๒) “อนุญาต”
บาลีเป็น “อนุญฺญาต” (มี ญฺ สะกดอีกตัวหนึ่ง) อ่านว่า อะ-นุน-ยา-ตะ เป็นคำกริยาประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “กิริยากิตก์” คู่กับ “กิริยาอาขยาต” รากศัพท์มาจาก อนุ + ญฺ + ญาต
(ก) “อนุ” (อะ-นุ) เป็นคำอุปสรรค มีความหมายว่า –
(1) ภายหลัง, ข้างหลัง (after, behind)
(2) ไปยัง, ตรงไปยังเป้าหมาย, ดำเนินต่อไป, ข้ามไปยัง, ข้างหน้า (for, towards an aim, on to, over to, forward)
นักเรียนบาลีท่องกันมาว่า “อนุ = น้อย, ภายหลัง, ตาม”
(ข) “ญาต” (ยา-ตะ) รากศัพท์มาจาก ญา (ธาตุ = รู้) + ต ปัจจัย
ต-ปัจจัยนี้เมื่อประกอบหลังธาตุ ทำให้คำนั้นมีฐานะเป็นคำกริยา
: ญา + ต = ญาต แปลตามศัพท์ว่า “อัน-รู้แล้ว” หมายถึง สิ่งที่ถูกรู้, เรื่องที่รับรู้
อนุ + ญฺ + ญาต = อนุญฺญาต แปลว่า “อัน-ตามรู้แล้ว” “อัน-รู้แล้วภายหลัง” หมายถึง มีกิจ มีความประสงค์ มีเรื่องราวอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นก่อน แล้วมีผู้ตามไปรับรู้ทีหลัง
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อนุญฺญาต” ว่า permitted, allowed; sanctioned, given leave, ordained (ได้รับอนุญาต, ได้รับอนุมัติ, ได้รับการยินยอม, ได้รับอนุญาตให้ไป, ได้รับอนุญาตให้บวช)
“อนุญฺญาต” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อนุญาต”
โปรดสังเกตว่า คำเดิมในภาษาบาลีเป็น –ญาต ไม่ใช่ –ญาติ
ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องเขียน “อนุญาต” (-ญาต ต เต่า ไม่ต้องมีสระ อิ) ไม่ใช่ “อนุญาติ”
เมณฺฑก + อนุญฺญาต = เมณฺฑกานุญฺญาต (เมน-ดะ-กา-นุน-ยา-ตะ) แปลว่า “เรื่องที่อนุญาตแก่เมณฑกคฤหบดี”
“เมณฺฑกานุญฺญาต” ใช้ในภาษาไทยเป็น “เมณฑกานุญาต”
ขยายความ :
เมณฑกคฤหบดีทูลขออนุญาตต่อพระพุทธองค์ว่า ในการเดินทางไกลไปในถิ่นกันดาร พระภิกษุจำเป็นจะต้องมีเสบียงติดตัวไป จึงขอให้พระภิกษุสามารถหาเสบียงจากแหล่งที่มีเสบียงโดยชาวบ้านจะเป็นผู้จ่ายค่าเสบียงให้แก่ผู้จำหน่ายเสบียง พระพุทธองค์ทรงอนุญาตตามที่ทูลขอ จึงเรียกการอนุญาตนี้ว่า “เมณฑกานุญาต”
ข้อความตอนหนึ่งใน “เมณฑกานุญาต” ว่าดังนี้ –
…………..
สนฺติ ภิกฺขเว มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา
มีอยู่ภิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านที่มีศรัทธาเลื่อมใส
เต กปฺปิยการกานํ หตฺเถ หิรญฺญสุวณฺณํ อุปนิกฺขิปนฺติ
เขามอบเงินทองไว้ในมือกัปปิยการก สั่งว่า –
อิมินา ยํ อยฺยสฺส กปฺปิยํ ตํ เทถาติ ฯ
สิ่งใดควรแก่พระผู้เป็นเจ้า ท่านจงถวายสิ่งนั้นด้วยเงินทองนี้
อนุชานามิ ภิกฺขเว ยํ ตโต กปฺปิยํ ตํ สาทิตุํ
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ยินดีของอันเป็นกัปปิยะจากเงินทองนั้นได้
น เตฺววาหํ ภิกฺขเว เกนจิ ปริยาเยน ชาตรูปรชตํ สาทิตพฺพํ ปริเยสิตพฺพนฺติ วทามีติ ฯ
แต่เรามิได้กล่าวว่า พึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายไร ๆ เลย
ที่มา: เภสัชชขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 5 ข้อ 85
…………..
หลักการของ “เมณฑกานุญาต” ก็คือ ผู้มีศรัทธาถวายปัจจัยแก่พระบอกกล่าวแก่พระว่า ต้องการปัจจัยสิ่งไรขอให้บอก ข้าพเจ้าจะจัดหามาถวาย หรืออาจมอบเงินค่าปัจจัยไว้กับไวยาวัจกร กัปปิยการก อารามิกชน หรืออุปัฏฐากวัด ซึ่งเป็นผู้รับใช้ช่วยทำกิจต่าง ๆ แทนพระในกรณีที่กิจนั้น ๆ พระไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีพุทธบัญญัติห้ามไว้ เมื่อพระต้องการสิ่งใดอันสมควรแก่สมณบริโภค ก็ไปบอกให้ไวยาวัจกรไปจัดหาสิ่งนั้นมาให้ด้วยเงินที่มีผู้ถวายไว้นั้น
เมื่อทำดังนี้ พระก็ไม่ต้องรับเงิน เก็บเงิน หรือเอาเงินไปซื้อของด้วยตัวเองอันเป็นการกระทำที่ผิดพระวินัย แต่จะมีไวยาวัจกรมาทำหน้าที่รับเงิน เก็บเงิน จ่ายเงินแทนพระ-ในสิ่งที่สมควรแก่สมณบริโภค สิ่งไหนไม่สมควรแก่สมณบริโภค ก็ไม่จ่ายให้ เป็นวิธีช่วยพระให้รู้จักควบคุมความต้องการของตัวพระเอง มีและใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นในการดำรงวิถีชีวิตสงฆ์เท่านั้น ไม่ใช่มีและใช้เหมือนชาวบ้าน
แต่การจัดให้มีไวยาวัจกร กัปปิยการก อารามิกชน หรืออุปัฏฐากวัด ทำหน้าที่รับเงิน เก็บเงิน จ่ายเงินแทนพระนี้ นอกจากพระท่านจะไม่คิดใช้วิธีนี้แล้ว ท่านยังคัดค้าน ลากภูเขามาขวางทางไว้อีกด้วย – โอย ทำไม่ได้หรอก ติดตรงนั้น ขัดตรงนี้ ไม่ดีตรงโน้น ไม่เห็นจำเป็น พระรับเงินเอง เก็บเงินเอง ซื้อของเอง จ่ายเงินเอง ขับรถเอง ฯลฯ สะดวกที่สุด ทำกันอยู่แล้วทั่วไป ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ทำเองดีที่สุด หาคนมาช่วยทำยุ่งยาก มากเรื่อง ไม่เข้าท่า ไร้สาระ ไม่เอา ไม่หา รับเอง เก็บเอง จ่ายเองนี่แหละดีที่สุดแล้ว
พระพุทธองค์ทรงประทาน “ทางออก” ไว้ให้แล้ว
แต่พวกเรากลับเห็นว่า ปีนรั้วออกสะดวกกว่า
ถ้าผู้รักและห่วงพระศาสนาช่วยกันคิดอ่านจัดหารวบรวมไวยาวัจกร กัปปิยการก อารามิกชน หรืออุปัฏฐากวัดให้มีจำนวนเพียงพอสำหรับช่วยทำกิจกิจต่าง ๆ แทนพระในวัดต่าง ๆ ในกรณีที่กิจนั้น ๆ พระไม่สามารถทำเองได้เนื่องจากผิดพระวินัย หรือช่วยกันคิดอ่านหาวิธีใช้กลไกไฮเทคอย่างใดอย่างหนึ่งให้พระสามารถชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้เงินโดยตรง และไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับเงินเก็บเงินจ่ายเงิน ก็จะช่วยป้องกันปัญหาพระกับเงินได้เด็ดขาด
แต่น่าเสียดาย ทั้งพระทั้งชาวบ้านไม่มีใครคิดจะทำเรื่องนี้
สรุปว่า ละเมิดพระวินัย สะดวกใจกว่าหาวิธีไม่ต้องละเมิดพระวินัย
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้ามีเวลาด่าพระ
: ก็ควรมีเวลาคิดหาวิธีช่วยพระด้วย
#บาลีวันละคำ (4,724)
19-5-68
…………………………….
…………………………….
