บาลีวันละคำ

อติมาน (บาลีวันละคำ 4,731)

อติมาน

เสียงเพราะ รูปงาม แต่ความหมาย-ร้าย

อ่านแบบไทยว่า อะ-ติ-มาน

อติมาน” อ่านแบบบาลีว่า อะ-ติ-มา-นะ แยกคำตามที่ตาเห็นเป็น อติ + มาน

(๑) “อติ” 

อ่านว่า อะ-ติ เป็นคำจำพวกที่เรียกว่า “อุปสรรค”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “อุปสรรค” ไว้ว่า – 

อุปสรรค : (คำนาม) เครื่องขัดข้อง, ความขัดข้อง, เครื่องขัดขวาง. (ส. อุปสรฺค; ป. อุปสคฺค); คำสำหรับใช้เติมข้างหน้าคำนามหรือคำกริยาที่เป็นรูปคำบาลีหรือสันสกฤตให้มีความหมายแผกเพี้ยนไปจากเดิม หรือมีความหมายตรงข้ามกับความหมายเดิมเป็นต้น และถือเป็นคำเดียวกับคำนามหรือคำกริยานั้น เพราะตามปรกติจะไม่ใช้ตามลำพัง เช่น วัฒน์ = เจริญ อภิวัฒน์ = เจริญยิ่ง ปักษ์ = ฝ่ายปฏิปักษ์ = ฝ่ายตรงข้าม, ข้าศึก, ศัตรู.”

นักเรียนบาลีท่องจำคำแปลของ “อติ” ว่า “อติ : ยิ่ง, เกิน, ล่วง

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายทั่วไปของ “อติ ว่า –

(1) “up to and beyond” (“ยิ่ง และล่วง”)

(2) in excess, extremely, very (ล่วง, ยิ่ง, มาก, เกินไป)

(๒) “มาน” 

บาลีอ่านว่า มา-นะ รากศัพท์มาจาก –

(1) มานฺ (ธาตุ = บูชา) + (อะ) ปัจจัย 

: มานฺ + = มาน แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่ให้เขาบูชา” คือต้องการให้เขานับถือ

(2) มนฺ (ธาตุ = รู้) + ปัจจัย, ลบ , ทีฆะ อะ ต้นธาตุเป็น อา (มนฺ > มาน)

: มน + = มนณ > มน > มาน แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่สำคัญตนว่าดีกว่าเขาเป็นต้น” 

มาน” (ปุงลิงค์) หมายถึง ความถือตัว, ความหยิ่ง, ความยโส (pride, conceit, arrogance) 

บาลี “มาน” ใช้ในภาษาไทยเป็น “มานะ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

มานะ ๒ : (คำนาม) ความพยายาม, ความตั้งใจจริง, ความพากเพียร, เช่น มีมานะอดทน มีมานะในการทำงาน; ความถือตัว. (ป.).” 

อติ + มาน = อติมาน แปลตามศัพท์ว่า “การถือตัวเกิน” หมายถึง ดูหมิ่นคนอื่น 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อติมาน” ว่า high opinion [of one-self], pride, arrogance, conceit (ความนับถือ [ตนเอง] อย่างสูง, ทัศนะอันสูงส่ง [ของตัวเอง], ความเย่อหยิ่ง, อหังการ, ความถือตัว)

อติมาน” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อติมานะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

อติมานะ : (คำนาม) ความเย่อหยิ่ง, ความจองหอง. (ป.).”

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้ว่า –

…………..

อติมานะ : ดูหมิ่นท่าน, ความถือตัวว่าเหนือกว่ายิ่งกว่าเขา (ข้อ ๑๔ ในอุปกิเลส ๑๖).

…………..

ขยายความ :

มานะ มี 3 แบบ คือ –

1 มานะเราเท่ากับเขา” = ถือตัวธรรมดา

2 อติมานะเราดีกว่าเขา” = ดูหมิ่นคนอื่น 

3 โอมานะเราเลวกว่าเขา” = ดูถูกตัวเอง

มานะ 3 แยกย่อยออกไปเป็น 9 คือ –

1 ดีกว่าเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา (อติมานะ)

2 ดีกว่าเขา ถือตัวว่าเสมอเขา (มานะ)

3 ดีกว่าเขา ถือตัวว่าเลวกว่าเขา (โอมานะ)

4 เสมอเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา (อติมานะ)

5 เสมอเขา ถือตัวว่าเสมอเขา (มานะ)

6 เสมอเขา ถือตัวว่าเลวกว่าเขา (โอมานะ)

7 เลวกว่าเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา (อติมานะ)

8 เลวกว่าเขา ถือตัวว่าเสมอเขา (มานะ)

9 เลวกว่าเขา ถือตัวว่าเลวกว่าเขา (โอมานะ)

ข้อ 1, 5, 9 เป็นการมองตรงกับที่เป็นจริง แต่ก็ยังเป็นการถือตัว เป็นกิเลสอย่างประณีต ซึ่งพระอรหันต์จึงละได้ ส่วนอีก 6 ข้อเป็นการถือตัวโดยมองไม่ตรงกับที่เป็นจริง เป็นกิเลสที่หยาบกว่า ขั้นพระโสดาบันก็ละหมดแล้ว

มานะเป็นกิเลสที่ไม่ร้อนแรง แต่ซึมลึก พระอรหันต์เท่านั้นจึงละได้เด็ดขาด

แถม :

อติมาน” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อติมานะ” แต่ในที่นี้ใช้ “อติมาน” ตามรูปบาลี แต่อ่านแบบคำไทยว่า อะ-ติ-มาน

อติมาน” เสียงเพราะ รูปงาม แต่ความหมายร้าย

ใครอย่าได้หลงเอาไปตั้งเป็นชื่นคนเข้าเป็นอันขาด!

…………..

ดูก่อนภราดา!

: คำบางคำ รูปงาม แต่ความหมายร้าย

: คนบางคน รูปทราม แต่นิสัยดี

#บาลีวันละคำ (4,731)

26-5-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้