บาลีวันละคำ

วิทยากรผู้สอน (บาลีวันละคำ 4,742)

วิทยากรผู้สอน

หนึ่งบวกหนึ่งเป็นหนึ่ง

วิทยากร” เป็นคำบาลีสันสกฤต

ผู้สอน” เป็นคำไทย

(๑) “วิทยากร

แยกศัพท์เป็น วิทยา + กร 

(ก) วิทยา” บาลีเป็น “วิชฺชา” รากศัพท์มาจาก วิทฺ (ธาตุ = รู้) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺ, แปลง ทฺย (คือ (วิ)-ทฺ + (ณฺ)-) เป็น ชฺช + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์

: วิทฺ + ณฺย = วิทฺณย > วิทฺย > วิชฺช + อา = วิชฺชา แปลตามศัพท์ว่า “ธรรมชาติที่รู้” หรือ “ตัวรู้” หมายถึง ความรู้, ปัญญาหยั่งรู้ (knowledge; transcendental wisdom) 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “วิชฺชา” ว่า science, study, higher knowledge (วิทยาศาสตร์, การศึกษา, ความรู้ชั้นสูง)

บาลี “วิชฺชา” สันสกฤตเป็น “วิทฺยา” 

โปรดสังเกตว่า ในขั้นตอนการกลายรูปของบาลี เป็น “วิทฺย” ก่อนแล้วจึงเป็น “วิชฺช

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

วิทฺยา : (คำนาม) วิทยา, พุทธิ; ศึกษา; ศาสตร์; พระทุรคาเทวี; ต้นไม้; มายาคุฏิกา; ยาเม็ดวิเศษหรือลูกอมอันสำเร็จด้วยเวทมนตร์ ใส่ปากบุทคลเข้าไปอาจจะบันดาลให้บุทคลขึ้นสวรรค์หรือเหาะได้; knowledge; learning; science; the goddess Durgā; a tree; a magical pill, by putting which in to the mouth a person has the power of ascending to heaven or traversing the air.”

อย่างไรก็ตาม ในคัมภีร์ คำว่า “วิชฺชา” มักใช้ในความหมายเฉพาะ คือหมายถึงญาณปัญญาที่บรรลุได้ด้วยการฝึกจิต 

วิชฺชา” ถ้าคงรูปบาลี ในภาษาไทยใช้ว่า “วิชา” (ตัด ออกตัวหนึ่ง)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

วิชา : (คำนาม) ความรู้, ความรู้ที่ได้ด้วยการเล่าเรียนหรือฝึกฝน, เช่น วิชาภาษาไทย วิชาช่าง วิชาการฝีมือ. (ป. วิชฺชา; ส. วิทฺยา).”

วิชา” ตามความหมายในภาษาไทย ตรงกับคำว่า “สิปฺป” (สิบ-ปะ) ที่เราเอามาใช้ว่า “ศิลปะ” 

สิปฺป” ในบาลีหมายถึง ความสามารถที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นผลสำเร็จได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ทำได้ทำเป็นไม่ว่าจะในเรื่องอะไร นั่นแหละคือ “สิปฺปศิลปะ” หรือ “วิชา” ตามที่เข้าใจกันในภาษาไทย

(ข) “กร” บาลีอ่านว่า กะ-ระ รากศัพท์มาจาก กรฺ (ธาตุ = ทำ) + (อะ) ปัจจัย 

: กรฺ + = กร แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “การทำ” หมายถึง ผลิต, ก่อ, ประกอบ, กระทำ (producing, causing, forming, making, doing)

(2) “ผู้ทำ” หมายถึง ผู้กระทำ (the maker)

(3)“อวัยวะเป็นเครื่องทำงาน” หมายถึง มือ (the hand)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “กร” ไว้ว่า –

(1) กร ๑ : (คำนาม) ผู้ทำ, ใช้ประกอบเป็นส่วนหลังของสมาส เช่น กรรมกร เกษตรกร. (ป.).

(2) กร ๒ : (คำนาม) มือ (มักใช้ในบทประพันธ์); แขน เช่น เจ้างามกรอ่อนดังงวงเอราวัณ. (กลบท); (ราชา) มือ, แขน, ปลายแขน, ใช้ว่า พระกร หรือ กร. (ป., ส.).

(3) กร ๓ : (คำนาม) แสง, ใช้ประกอบเป็นส่วนหลังของสมาส เช่น รัชนีกร นิศากร. (ป.).

ในที่นี้ “กร” มีความหมายตามข้อ (1) 

วิชฺชา + กร = วิชฺชากร > วิทยากร แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ทำความรู้

พจนานุกรมสอ เสถบุตร แปล “วิทยากร” เป็นอังกฤษว่า an expert (ผู้เชี่ยวชาญ)

พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล expert เป็นบาลีดังนี้ –

(1) katahattha กตหตฺถ (กะ-ตะ-หัด-ถะ) “ผู้มีมืออันตนกระทำแล้ว” = ผู้ฝึกฝนฝีมือมาแล้วเป็นอย่างดี, คนมีฝีมือ

(2) katupāsana กตุปาสน (กะ-ตุ-ปา-สะ-นะ) “ผู้ยิงไม่พลาดเป้า” = ผู้เชี่ยวชาญ

(3) pavīṇa ปวีณ (ปะ-วี-นะ) “ผู้ชำนาญเพลงพิณ” = ผู้มีประสบการณ์

(4) nipuṇa นิปุณ (นิ-ปุ-นะ) “ผู้งามในงาน” = ผู้ละเอียดอ่อน, ผู้ทรงคุณวุฒิ

(5) kusala กุสล (กุ-สะ-ละ) “ผู้ถือเอากิจทั้งปวงด้วยปัญญา” = ผู้ฉลาด

(6) kovida โกวิท (โก-วิ-ทะ) “ผู้ไม่มีอะไรที่ไม่รู้” “ผู้รู้จักพูด” = ผู้ฉลาด

(7) cheka เฉก (เฉ-กะ) “ผู้แตกฉาน” = ผู้มีประสบการณ์

สรุปได้ว่า “วิทยากร” น่าจะไม่ใช่ผู้ให้ความรู้แก่คนอื่นอย่างเดียว แต่ต้องสามารถทำได้ปฏิบัติได้ในเรื่องนั้น ๆ ด้วย

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “วิทยากร” ไว้ว่า –

วิทยากร : (คำนาม) ผู้ทรงความรู้ความสามารถในศิลปวิทยาแขนงต่าง ๆ เช่น วิทยากรในการสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจ. (ส.).”

(๒) “ผู้สอน

เป็นคำไทย ประกอบด้วยคำว่า ผู้ + สอน 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

(1) ผู้ : (คำนาม) คำใช้แทนบุคคล เช่น นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ หรือใช้แทนคำว่า คน เช่น ผู้นั้น ผู้นี้ ทุกผู้ทุกนาม หรือใช้แทนสิ่งที่ถือเสมือนคน เช่น ศาลเป็นผู้ตัดสิน; คำใช้ประกอบคำกริยาหรือประกอบคำวิเศษณ์ให้เป็นนามขึ้น เช่น ผู้กิน ผู้ดี. (คำวิเศษณ์) คำบอกเพศ หมายความว่า ตัวผู้ เช่น ม้าผู้ วัวผู้. (คำสรรพนาม) ที่, ซึ่ง, เช่น บุคคลผู้กระทำความดีย่อมได้รับความสุข.

(2) สอน : (คำกริยา) บอกวิชาความรู้ให้ เช่น ครูสอนหนังสือนักเรียน, แสดงให้เข้าใจโดยวิธีบอกหรือทำให้เห็นเป็นตัวอย่างเพื่อให้รู้ดีชั่วเป็นต้น เช่น สอนแม่ไม้มวยไทย สอนเย็บปักถักร้อย สอนเท่าไรไม่รู้จักจำ; เริ่มฝึกหัด เช่น เด็กสอนพูด ผู้เป็นอัมพาตต้องมาสอนเดินใหม่ ไก่สอนขัน, เริ่มมีผล เช่น ต้นไม้สอนเป็น.

ผู้สอน” เป็นคำที่ใช้แทนคำว่า “ครู” เคยได้ยินมีผู้ใช้ควบกันเป็น “ครูผู้สอน” ก็มี

อภิปรายขยายความ :

ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นโพสต์ของญาติมิตรท่านหนึ่งใช้คำเรียกครูสอนภาษาบาลีว่า “วิทยากรผู้สอน” ก็รู้สึกว่าแปลกดี

ตามความเข้าใจของผู้เขียนบาลีวันละคำ :

วิทยากร” คือผู้ที่ได้รับเชิญไปบรรยายให้ความรู้ตามหัวข้อที่กำหนด เป็นการบรรยายเป็นครั้งคราวหรือเป็นกรณีพิเศษในโอกาสอย่างใดอย่างหนึ่ง

ผู้สอน” คือครู ทำหน้าที่สอนวิชาในชั้นเรียนซึ่งเป็นการเรียนตามปกติ คือเรียนทุกวันหรือเรียนสม่ำเสมอ ทำหน้าที่สอนเป็นประจำ ไม่ใช่สอนเป็นครั้งคราว

สรุปสั้น ๆ :

วิทยากร” บรรยายเป็นครั้งคราว

ผู้สอน” สอนเป็นประจำ

การเอาคำที่เรียกผู้ทำหน้าที่ต่างกันมาใช้เรียกบุคคลเดียวกันเช่นนี้ ทำให้สงสัยว่า “วิทยากรผู้สอน” นี้ บรรยายเป็นครั้งคราวหรือสอนเป็นประจำกันแน่

ผู้เขียนบาลีวันละคำไม่ได้มีเจตนาจะโต้แย้งหรือคัดค้านด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ชวนให้คิดเท่านั้น

ข้อชวนคิดก็คือ ควรศึกษาความหมายของคำให้เข้าใจชัดเจนว่า เรื่องนั้น ๆ กรณีนั้น ๆ ใช้คำเรียกกันว่าอย่างไร หลักที่พึงอ้างอิง-โดยเฉพาะพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน บอกไว้อย่างไร ควรใช้ตามนั้น 

เวลานี้สังเกตเห็นว่า เรามักจะไม่ได้ศึกษาหลักเก่าเค้าเดิมให้เข้าใจ แต่เอาคำที่ใช้ในความหมายหนึ่งมาใช้ในอีกความหมายหนึ่งตามที่เข้าใจเอาเอง 

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ความคิดวิปริต อาจมองได้ว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์

: แต่ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ควรเป็นความคิดวิปริต

#บาลีวันละคำ (4,742)

6-6-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *