บาลีวันละคำ

รัฐโลกวิสัย (บาลีวันละคำ 4,813)

รัฐโลกวิสัย

รัฐแบบไหนใครรู้บ้าง

คำว่า “รัฐโลกวิสัย” ควรจะอ่านว่า รัด-โล-กะ-วิ-ไส หรือ รัด-โลก-กะ-วิ-ไส

แต่คงไม่มีใครอ่านแบบนี้ (แบบมีเสียง -กะ- ระหว่าง โลก + วิสัย)

คงจะอ่านตามสะดวกปาก หรืออ่านตามความมักง่าย-ว่า รัด-โลก-วิ-ไส

คำว่า “มักง่าย” ในที่นี้หมายความว่า รักแบบง่าย ๆ (“มัก” แปลว่า “รัก”) ชอบทำอะไรแบบง่าย ๆ ไม่สนใจใส่ใจถึงหลักภาษา ไม่ชอบกฎเกณฑ์กติกาหยุมหยิม สะดวกปากแบบไหนก็อ่านแบบนั้น

รัฐโลกวิสัย” ประกอบด้วยคำว่า รัฐ + โลก + วิสัย 

(๑) “รัฐ

บาลีเป็น “รฏฺฐ” อ่านว่า รัด-ถะ รากศัพท์มาจาก –

(1) รฐฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไป) + ปัจจัย, แปลง ฐต (คือ ที่ ร + ปัจจัย)เป็น ฏฐ ( –ฐต > –ฏฺฐ)

: รฐฺ + = รฐต > รฏฺฐ แปลตามศัพท์ว่า “ดินแดนเป็นที่เป็นไปแห่งชาวเมือง” 

(2) รชิ (ธาตุ = เจาะ, ทำลาย) + ปัจจัย, ลบสระท้ายธาตุ (รชิ > รช), แปลง ชต เป็น ฏฐ

: รชิ > รช + = รชต > รฏฺฐ แปลตามศัพท์ว่า “ดินแดนเป็นเหตุให้พระราชาทั้งหลายทำลายป้อมค่ายกัน” (ในการเข้ายื้อแย่งเพื่อยึดครองดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง)

รฏฺฐ” ความหมายที่เข้าใจกันก็คือ ดินแดน, อาณาจักร, ประเทศ, แผ่นดิน, บ้านเมือง 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “รฏฺฐ” ว่า reign, kingdom, empire; country, realm (รัฐ, อาณาจักร, จักรวรรดิ, ประเทศ, แผ่นดิน) 

ในภาษาไทย ท่านให้ตัด ปฏัก ออก “รฏฺฐ” จึงเขียนเป็น “รัฐ” ถ้าอยู่ท้ายคำ อ่านว่า รัด (เคยมีนิยมพูดกันเป็น รัด-ถะ อยู่บ้าง) ถ้ามีคำอื่นมาสมาสข้างท้ายอ่านว่า รัด-ถะ- เช่นในคำว่า “รัฐบาล” อ่านว่า รัด-ถะ-บาน 

รัฐ” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

รัฐ, รัฐ– : (คำนาม) แคว้น เช่น รัฐปาหัง, บ้านเมือง เช่น กฎหมายสูงสุดของรัฐ, ประเทศ เช่น รัฐวาติกัน. (ป. รฏฺฐ; ส. ราษฺฏฺร).”

(๒) “โลก” 

(ก) ในแง่ภาษา

(1) “โลก” บาลีอ่านว่า โล-กะ รากศัพท์มาจาก ลุชฺ (ธาตุ = พินาศ) + ปัจจัย แปลง เป็น แผลง อุ เป็น โอ

: ลุชฺ > ลุก > โลก + = โลกณ > โลก แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่จะพินาศไป

(2) “โลก” รากศัพท์มาจาก ลุจฺ (ธาตุ = ย่อยยับ, พินาศ) + (อะ) ปัจจัย แปลง เป็น แผลง อุ เป็น โอ

: ลุจฺ > ลุก > โลก + = โลก แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่จะย่อยยับไป” 

(3) “โลก” รากศัพท์มาจาก โลกฺ (ธาตุ = เห็น, ปรากฏ) + (อะ) ปัจจัย

: โลก + = โลก แปลตามศัพท์ว่า “ร่างอันเขาเห็นอยู่

(4) “โลก” รากศัพท์มาจาก โลกฺ (ธาตุ = ตั้งอยู่) + (อะ) ปัจจัย

: โลก + = โลก แปลตามศัพท์ว่า “ร่างเป็นที่ตั้งอยู่แห่งบุญบาปและผลแห่งบุญบาปนั้น

(ข) ในแง่ความหมาย

(1) โลก หมายถึง ดินแดน แผ่นดิน วัตถุธาตุ หรือดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง คือโลกที่เรามองเห็นและอาศัยอยู่นี้ รวมทั้งดาวดวงอื่น

(2) โลก หมายถึง สิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ เช่นในคำว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม 

(3) โลก หมายถึง สังคม หมู่ชน ชุมชน เช่นในคำว่า โลกติเตียน เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

(4) โลก หมายถึง ชีวิต อันประกอบด้วยร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรม ของแต่ละคน ที่สำนวนเก่าเรียกว่า “โลกคือกายยาววา หนาคืบ กว้างศอก”

(5) โลก หมายถึงวิสัยหรือธรรมดาของโลก เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย พบ พราก ได้ เสีย อิ่ม อด สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์

(6) โลก หมายถึง ค่านิยม ความคิดจิตใจ ความประพฤติแบบหนึ่ง ที่ตรงกันข้ามกับ “ธรรม” เช่น ดื่ม กิน เที่ยว เสพสุข เป็น “โลก” สงบ สำรวม ควบคุมขัดเกลาตนเอง เป็น “ธรรม

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

โลก, โลก– : (คำนาม) แผ่นดิน, โดยปริยายหมายถึงหมู่มนุษย์ เช่น ให้โลกนิยม; ส่วนหนึ่งแห่งสกลจักรวาล เช่น มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก โลกพระอังคาร; (คำที่ใช้ในภูมิศาสตร์) ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ ๕ ในระบบสุริยะ เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ลักษณะอย่างรูปทรงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ศูนย์สูตรยาว ๑๒,๗๕๕ กิโลเมตร ศูนย์กลางที่ขั้วโลกยาว ๑๒,๗๑๑ กิโลเมตร มีเนื้อที่บนผิวโลก ๕๑๐,๙๐๓,๔๐๐ ตารางกิโลเมตร. (ป., ส.).”

(๓) “วิสัย”

บาลีเขียน “วิสย” อ่านว่า วิ-สะ-ยะ รากศัพท์มาจาก วิ (คำอุปสรรค = พิเศษ, แจ้ง, ต่าง) + สิ (ธาตุ = เสพ, คบหา; ผูก, พัน) + ปัจจัย, ลบ , แผลง อิ ที่ สิ เป็น เอ แล้วแปลง เอ เป็น อย (สิ > เส > สย)

: วิ + สิ = วิสิ + = วิสิณ > วิสิ > วิเส > วิสย แปลตามศัพท์ว่า (1) “ภูมิภาคเป็นที่เสพอาศัย” (2) “ภาวะที่ผูกอินทรีย์ไว้” 

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “วิสย” ไว้ดังนี้ –

(1) locality, spot, region; world, realm, province, neighbourhood (ที่ตั้ง, แหล่งที่; ภูมิภาค, โลก, อาณาจักร, จังหวัด, บริเวณ)

(2) reach, sphere [of the senses], range, scope; object, characteristic, attribute (ขอบเขต, โลก [ของความรู้สึก], แนว, วง; วิสัย, ลักษณะ, คุณสมบัติ)

(3) object of sense, sensual pleasure (วิสัย, อารมณ์, สุขารมณ์ทางโลกีย์)

จับความหมายของ “วิสย > วิสัย” สั้น ๆ ว่า –

(1) ขอบเขต 

(2) สิ่งที่จิตไปรับรู้เกาะเกี่ยว = อารมณ์

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

วิสย-, วิสัย : (คำนาม) ความสามารถ เช่น อยู่ในวิสัยที่จะเลี้ยงดูบุตรภรรยาได้ เป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะทำได้; ขอบ, เขต, เช่น คามวิสัย โคจรวิสัย อยู่ในทัศนวิสัย. (ป.).”

การประสมคำ :

โลก + วิสย = โลกวิสย (โล-กะ-วิ-สะ-ยะ) > โลกวิสัย (โล-กะ-วิ-ไส, โลก-กะ-วิ-ไส) แปลว่า “วิสัยของโลก” หมายถึง ความนิยมหรือความประพฤติตามแบบของชาวโลก เช่นทำอะไร ๆ ตามอำนาจของความโลกโกรธหลง ดีชั่วถูกผิดแล้วแต่จะคิดกันไปได้หลายหลาก จะตัดสินเด็ดขาดไม่ได้

คำว่า “โลกวิสัย” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554

รัฐ + โลกวิสัย = รัฐโลกวิสัย แปลว่า “บ้านเมืองที่จัดการบริหารตามแบบของชาวโลก” หมายความว่า ไม่เอาเรื่องศาสนามาเป็นเกณฑ์ในการจัดระเบียบของบ้านเมือง บริหารจัดการกับตามแบบของชาวโลกล้วน ๆ

คำว่า “รัฐโลกวิสัย” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554

ขยายความ :

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ที่คำว่า “รัฐโลกวิสัย” (อ่านเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 20:30 น.) อธิบายความหมายของคำว่า “รัฐโลกวิสัย” ไว้ดังนี้ –

…………..

รัฐโลกวิสัย : หรือ รัฐฆราวาส (อังกฤษ: secular state) เป็นแนวคิดสืบเนื่องมาจากหลักฆราวาสนิยม (secularism) ที่ให้รัฐมีหรือแสดงความเป็นกลางในประเด็นทางศาสนา โดยไม่สนับสนุนทั้งศาสนาและการไม่มีศาสนา รัฐฆราวาสยังพึงปฏิบัติกับพลเมืองทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเขาเหล่านั้นถือศาสนาใด ในการนี้ รัฐพึงเลี่ยงการให้ความสำคัญแก่พลเมืองเพราะถือหรือไม่ถือศาสนาใด รัฐฆราวาสไม่พึงมีศาสนาประจำรัฐ ถึงแม้ว่าการไม่มีศาสนาประจำรัฐจะไม่ได้หมายความว่ารัฐนั้นเป็นฆราวาสเต็มตัวก็ตาม อย่างไรก็ดี รัฐที่เป็นฆราวาสอย่างแท้จริงนั้นพึงดำเนินการปกครองบ้านเมืองโดยปราศจากอิทธิพลจากศาสนา และพึงให้องค์การศาสนาปกครองตนเองโดยปราศจากอิทธิพลของรัฐ ตามหลักการแยกศาสนจักรกับอาณาจักร

…………..

รายละเอียดของข้อความที่กล่าวมานี้ ตลอดจนรายละเอียดอื่น ๆ ของ “รัฐโลกวิสัย” ขอท่านผู้สนใจพึงติดตามศึกษาตรวจสอบดูตามอัธยาศัยเทอญ

…………..

ดูก่อนภราดา!

: บ้านเมืองเป็นหัวใจของนักรบ

: ความสงบเป็นหัวใจของนักบุญ

ดูก่อนภราดา!

: นักบุญที่ไม่รักสงบ

: จะต่างอะไรกับนักรบที่ไม่รักบ้านเมือง?

#บาลีวันละคำ (4,813)

16-8-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้