ศิลปิน (บาลีวันละคำ 4,816)

ศิลปิน
หญ้าปากคอกอีกคำหนึ่ง
อ่านว่า สิน-ละ-ปิน
เป็นรูปคำสันสกฤต “ศิลฺปินฺ” บาลีเป็น “สิปฺปี” อ่านว่า สิบ-ปี รูปคำเดิมมาจาก สิปฺป + อี ปัจจัย
(ก) “สิปฺป” อ่านว่า สิบ-ปะ รากศัพท์มาจาก –
(1) สปฺปฺ (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + อ (อะ) ปัจจัย, ลง อิ อาคมต้นธาตุ (สปฺป > สิปฺป)
: สปฺป > สิปฺป + อ = สิปฺป แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องดำเนินไปแห่งชีวิต” = อาศัย “สิ่งนั้น” จึงเลี้ยงชีวิต คือทำชีวิตให้ดำเนินไปได้
(2) สิ (ธาตุ = เสพ) + ป ปัจจัย, ซ้อน ปฺ
: สิ + ปฺ + ป = สิปฺป แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งอันผู้ปรารถนาประโยชน์แห่งตนเสพอาศัย” = ถ้าต้องการประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ต้องอาศัยศึกษาเรียนรู้ “สิ่งนั้น” จนทำได้ทำเป็น แล้วใช้สิ่งนั้นยังประโยชน์ให้เกิดตามต้องการ
“สิปฺป” (นปุงสกลิงค์) หมายถึง ศิลปะ, แขนงของความรู้, การช่าง (art, branch of knowledge, craft)
บาลี “สิปฺป” สันสกฤตเป็น “ศิลฺป”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ศิลฺป : (คำนาม) ‘ศิลปะ,’ กลา, หัสตหรือยันตรวิทยาอย่างใดอย่างหนึ่ง, ดุจหัสตกรรม, ฯลฯ; an art, any manual or mechanical art, as handicraft etc.”
(ข) สิปฺป + อี = สิปฺปี (สิบ-ปี) แปลว่า (1) “ผู้มีเครื่องดำเนินไปแห่งชีวิต” (2) “ผู้มีสิ่งอันผู้ปรารถนาประโยชน์แห่งตนเสพอาศัย” หมายถึง ผู้มีศิลปะ, ผู้มีความรู้ความสามารถในด้านใดด้านหนึ่งถึงขั้นปฏิบัติการในเรื่องนั้น ๆ ได้
บาลี “สิปฺปี” สันสกฤตเป็น “ศิลฺปินฺ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ศิลฺปินฺ : (คำนาม) ‘ศิลปิน,’ ช่าง; an artist, an artisan;- (คำวิเศษณ์) อันเกี่ยวกับยันตรกลาหรือวิชาช่าง; belonging to mechanical art.”
ขยายความ :
คำว่า สิปฺป > ศิลป หมายถึงอะไรได้บ้าง?
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สิปฺป” คำหนึ่งว่า art
พจนานุกรมสอ เสถบุตร แปล art ว่า วุฒิสามารถ, เล่ห์กระเท่ห์, อุบาย
พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล art กลับเป็นบาลีว่า –
(1) sippa สิปฺป (สิบ-ปะ) = หลักความรู้
(2) kosalla โกสลฺล (โก-สัน-ละ) = ความฉลาด
(3) nepuñña เนปุญฺญ (เน-ปุน-ยะ) = ความจัดเจน
(4) cittakamma จิตฺตกมฺม (จิด-ตะ-กำ-มะ) = ภาพวาด, การวาดภาพ
(5) kalā กลา (กะ-ลา) = ชั้นเชิง > กล
บาลี “สิปฺป” ในภาษาไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “ศิลป” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ศิลป-, ศิลป์ ๑, ศิลปะ : (คำนาม) ฝีมือ, ฝีมือทางการช่าง, การทำให้วิจิตรพิสดาร, เช่น รูปสลักวีนัสเป็นรูปศิลป์ เขาทำดอกไม้ประดิดประดอยอย่างมีศิลปะ ผู้หญิงสมัยนี้มีศิลปะในการแต่งตัว; การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทือนใจให้ประจักษ์ด้วยสื่อต่าง ๆ อย่างเสียง เส้น สี ผิว รูปทรง เป็นต้น เช่น วิจิตรศิลป์ ศิลปะการดนตรี ศิลปะการวาดภาพ ศิลปะการละคร. (ส. ศิลฺป; ป. สิปฺป ว่า มีฝีมืออย่างยอดเยี่ยม).”
โปรดทราบว่า “สิปฺป” ในบาลี หมายถึง ความรู้ความสามารถที่จะจัดจะทำอะไร ๆ ได้ ไม่ว่าสิ่งนั้น ๆ จะเป็นอะไรก็ตาม ชั้นที่สุดเอาใบไม้มาเป่ากับปากให้เป็นเพลง ก็เรียกว่า “สิปฺป” ได้เช่นกัน ไม่ได้เน้นเฉพาะ “งานศิลปะ” ดังที่มักเข้าใจกันในภาษาไทย
ถ้าเทียบกับความรู้หรือ “ทฤษฎี” “สิปฺป” ก็คือ “ปฏิบัติ” กล่าวคือ ไม่ใช่รู้เพียงทฤษฎี แต่สามารถเอาทฤษฎีวิชาการมาปฏิบัติได้จริง ลงมือทำได้ทำเป็น ไม่ใช่รู้เพียงทฤษฎี แต่ปฏิบัติไม่เป็น
บาลี “สิปฺปี” สันสกฤตเป็น “ศิลฺปินฺ” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำนี้ไว้เป็น “ศิลปิน” และ “ศิลปี” บอกไว้ว่า –
“ศิลปิน, ศิลปี : (คำนาม) ผู้มีความสามารถแสดงออกซึ่งคุณสมบัติทางศิลปะในด้านจิตรกรรมประติมากรรมเป็นต้น และมีผลงานเป็นที่ยอมรับนับถือจากสถาบันทางศิลปะแห่งชาติ.”
แถม กฎการสะกดคำในภาษาไทย :
บาลี “สิปฺป” สันสกฤตเป็น “ศิลฺป” ในภาษาไทยใช้เป็น “ศิลปะ” “ศิลป์” และ “ศิลป-” มีกฎการเขียนดังนี้ –
(ก) ถ้าอยู่คำเดียว
– ต้องการให้อ่านว่า สิน-ละ-ปะ เขียนว่า “ศิลปะ” (ประวิสรรชนีย์ที่ ป)
– ต้องการให้อ่านว่า สิน เขียนว่า “ศิลป์” (การันต์ที่ ป)
– เขียนว่า “ศิลป” จะอ่านว่า สิน-ละ-ปะ ไม่ได้ อ่านว่า สิน ก็ไม่ได้
(ข) ถ้าสมาสกับคำอื่น อยู่ต้นหรือกลางคำ และอ่านว่า สิน-ละ-ปะ ไม่ต้องประวิสรรชนีย์ที่ ป เช่น ศิลปศาสตร์ (สิน-ละ-ปะ-สาด) ไม่ใช่ ศิลปะศาสตร์
…………..
ดูก่อนภราดา!
: มิใช่เพียงเรียนแค่รู้ ดูแค่จำ
: แต่ต้องทำให้ได้จริง
#บาลีวันละคำ (4,816)
19-8-68
…………………………….
…………………………….
