เอกลักษณ์-อัตลักษณ์ (บาลีวันละคำ 4,815)

เอกลักษณ์–อัตลักษณ์
ความต่างเชิงประจักษ์-ตามทัศนะของผู้เขียนบาลีวันละคำ
มีคำศัพท์ 3 คำ คือ “เอก” “อัต” และ “ลักษณ์”
(๑) “เอก”
บาลีอ่านว่า เอ-กะ รากศัพท์มาจาก อิ (ธาตุ = ไป, เป็นไป, ตั้งอยู่) + ณฺวุ ปัจจัย, แผลง อิ เป็น เอ, แปลง ณฺวุ เป็น อก
: อิ > เอ + ณฺวุ = เอณฺวุ > เอก แปลตามศัพท์ว่า (1) “ไปตามลำพัง” (คือไม่มีเพื่อนไปด้วย) (2) “ดำรงอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวเพราะไร้ผู้เหมือนกัน”
“เอก” ในบาลีใช้ใน 2 สถานะ คือ :
(1) เป็นสังขยา (คำบอกจำนวน) เช่น “ชายหนึ่งคน” เน้นที่จำนวน 1 คน = มุ่งจะกล่าวว่าชายที่เอ่ยถึงนี้มีเพียง “หนึ่งคน”
(2) เป็นคุณศัพท์ เช่น “ชายคนหนึ่ง” ไม่เน้นที่จำนวน = มุ่งจะกล่าวถึงชายคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
“เอก” หมายถึง หนึ่ง, หนึ่งเดียว, ดีที่สุด
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เอก, เอก– : (คำวิเศษณ์) หนึ่ง (จำนวน); ชั้นที่ ๑ (ใช้เกี่ยวกับลำดับชั้น หรือขั้นของยศ ตำแหน่ง คุณภาพ หรือวิทยฐานะ สูงกว่า โท) เช่น ร้อยเอก ข้าราชการชั้นเอก ปริญญาเอก; เรียกเครื่องหมายวรรณยุกต์รูปดังนี้ ‘่’ ว่า ไม้เอก; ดีเลิศ เช่น กวีเอก, สำคัญ เช่น ตัวเอก; (คำโบราณ) (คำนาม) เรียกลูกหญิงคนที่ ๗ ว่า ลูกเอก, คู่กับลูกชายคนที่ ๗ ว่า ลูกเจ็ด. (คำที่ใช้ในกฎหมาย). (ป., ส.).”
(๒) “อัต”
บาลีเป็น “อตฺต” อ่านว่า อัด-ตะ มาจากรากศัพท์ดังนี้ :
(ก) อตฺ (ธาตุ = ไป, ถึง, เป็นไปต่อเนื่อง) + ต ปัจจัย
: อตฺ + ต = อตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
(1) “ผู้ทำให้ชีวิตดำเนินต่อเนื่องไปได้” (คือเมื่ออัตตายังมีอยู่ ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปได้)
(2) “ผู้ถึงทุกข์ต่อเนื่อง” (คือเมื่อยังมีอัตตา ก็มีทุกข์เข้ามาอย่างไม่รู้จบ)
(3) “ผู้เป็นไปเพื่ออาพาธต่อเนื่อง” (คือเมื่อยังมีอัตตา ก็ยังต้องเจ็บป่วย ถูกบีบคั้นด้วยโรคภัยไม่รู้จบ)
(ข) อทฺ (ธาตุ = กิน) + ต ปัจจัย, แปลง ท เป็น ต
: อทฺ + ต = อทต > อตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
(1) “ผู้เสวยสุขและทุกข์” (คือต้องพบทั้งสุขและทุกข์ควบคู่กันไป จะเลือกเสวยแต่สุขอย่างเดียวหาได้ไม่)
(2) “ผู้ถูกกิน” (คือถูกความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายมันกินเอา)
(ค) อา (แทนศัพท์ว่า “อาหิต” = ตั้งลง, หยั่งลง) + ธา (ธาตุ = ทรงไว้) + ต ปัจจัย, ลบ อา ที่ อา (อา > อ)และ อา ที่ ธา (ธา > ธ) , แปลง ธฺ เป็น ตฺ
: อา + ธา = อาธา + ต = อาธาต > อธาต > อธต > อตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เป็นที่ตั้งแห่งความถือตัวว่าเป็นเรา” (เพราะมีอัตตา จึงมีการยึดถือว่าตัวกูของกู)
“อตฺต” เรามักคุ้นในรูป “อตฺตา” ซึ่งเป็นรูปที่แจกด้วยวิภัตติที่หนึ่ง (อตฺต เป็นรูปคำเดิม อตฺตา เป็นรูปคำที่แจกวิภัตติ)
“อตฺตา” เขียนแบบไทยใช้เป็น “อัตตา” แปลตามที่เข้าใจกันคือ “ตัวตน” (self, soul) หมายถึง ตัว, ตน, ตัวตน, ร่างกาย, จิตใจ
ในที่ใช้เป็น “อัตต” ตามรูปเดิม มคำอื่นมาสมาสข้างท้าย ตัดตัวสะกดออกเป็น “อัต-”
(๓) “ลักษณ์”
บาลีเป็น “ลกฺขณ” อ่านว่า ลัก-ขะ-นะ รากศัพท์มาจาก ลกฺขฺ (ธาตุ = กำหนด) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน, แปลง น เป็น ณ
: ลกฺขฺ + ยุ > อน = ลกฺขน > ลกฺขณ แปลตามศัพท์ว่า –
(1) “สภาวะอันธรรมดากำหนดไว้อย่างนั้นนั่นเอง”
(2) “สิ่งเป็นเครื่องอันเขาใช้กำหนดหมาย”
“ลกฺขณ” หมายถึง สัญลักษณ์, เครื่องหมาย, เครื่องหมายที่เด่นหรือลักษณะที่สำคัญ, คุณภาพ, ลักษณะ (ตรงตามที่ต้องการ), ปกติ (ที่จะต้องเป็นเช่นนั้น)
“ลกฺขณ” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ลักษณะ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ลักษณ-, ลักษณะ : (คำนาม) สมบัติเฉพาะตัว เช่น น้ำมีลักษณะเป็นของเหลว ลูกบิลเลียดมีลักษณะกลม ลูกเต๋ามีลักษณะเหลี่ยม คนไทยมีลักษณะอ่อนโยน; ประเภท เช่น ใน ๓ ลักษณะ. (ส.; ป. ลกฺขณ).”
การประสมคำ :
๑ เอก + ลกฺขณ = เอกลกฺขณ เขียนแบบไทยเป็น “เอกลักษณ์” (เอก-กะ-ลัก)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เอกลักษณ์ : (คำนาม) ลักษณะที่เหมือนกันหรือมีร่วมกัน; (คำที่ใช้ในคณิตศาสตร์) ข้อความที่แสดงความเท่ากันของนิพจน์ ๒ นิพจน์ สําหรับทุกค่าของตัวไม่ทราบค่าที่ปรากฏในนิพจน์นั้น ๆ. (อ. identity).”
๒ อตฺต + ลกฺขณ = อตฺตลกฺขณ เขียนแบบไทย ตัด ต ออกตัวหนึ่ง เป็น “อัตลักษณ์” (อัด-ตะ-ลัก) แปลตามศัพท์ว่า “ลักษณะของตน” “ลักษณะเฉพาะตน”
คำว่า “อัตลักษณ์” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
ขยายความ :
มีปัญหาว่า คำว่า “เอกลักษณ์” กับคำว่า “อัตลักษณ์” ความหมายที่ต่างกันชัด ๆ คืออย่างไร?
ความเห็นของผู้เขียนบาลีวันละคำมีดังนี้ –
“เอกลักษณ์” = มีลักษณะที่โดดเด่นกว่าส่วนอื่น ๆ หรืออาจใช้คำว่า มีจุดเด่นเมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ ที่อยู่รวมกัน
“เอกลักษณ์” เน้นที่ “จุดเด่น”
“อัตลักษณ์” = มีลักษณะที่บอกให้รู้ว่าใครเป็นใคร หรืออะไรเป็นอะไร หรืออาจใช้คำว่า ไม่เหมือนใคร ถ้าเห็นรูปลักษณ์อย่างนี้แล้วรู้เลยว่าเป็นใครหรือเป็นพวกไหน เช่น ถ้านุ่งห่มอย่างนี้ บอกให้รู้ว่าเป็นนักบวชในศาสนาไหน ถ้าแต่งตัวอย่างนี้ บอกให้รู้ว่านับถือศาสนาอะไร
“อัตลักษณ์” เน้นที่ “ไม่เหมือนใคร”
…………..
“เอกลักษณ์” เน้นที่ “จุดเด่น” ไม่คำนึงว่าจะเหมือนใครหรือไม่เหมือนใคร = เห็นแล้วรู้ได้ว่าเด่นกว่าเขา
“อัตลักษณ์” เน้นที่ “ไม่เหมือนใคร” ไม่คำนึงว่าจะมีจุดเด่นหรือไม่มีจุดเด่น = เห็นแล้วรู้ได้ว่าเป็นพวกไหน
นี่เป็นความต่างเชิงประจักษ์-ตามทัศนะของผู้เขียนบาลีวันละคำ โดยไม่คำนึงถึงคำนิยามหรือความหมายอื่นใดที่พจนานุกรมกำหนดไว้
…………..
ดูก่อนภราดา!
: โดดเด่น แต่ไม่มีอะไรเป็นตัวของตัวเอง
: มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่โดดเด่น
ท่านจะเลือกเป็นแบบไหน?
#บาลีวันละคำ (4,815)
18-8-68
…………………………….
…………………………….
