สมัยพุทธกาล (บาลีวันละคำ 4,860)

สมัยพุทธกาล
คือสมัยไหน
อ่านว่า สะ-ไหฺม-พุด-ทะ-กาน
ประกอบด้วยคำว่า สมัย + พุทธ + กาล
(๑) “สมัย”
บาลีเป็น “สมย” อ่านว่า สะ-มะ-ยะ รากศัพท์มาจาก –
(1) สํ (คำอุปสรรค = บ่อย ๆ, พร้อมกัน) + อิ (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อิ เป็น เอ แล้วแปลง เอ เป็น อย (อิ > เอ > อย), แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น ม (สํ > สม)
: สํ > สม + อิ > เอ > อย : สม + อย + ณ = สมยณ > สมย แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ” (2) “สิ่งเป็นที่-หรือเป็นเหตุเป็นไปพร้อมแห่งธรรมทั้งหลาย”
(2) สม (แทนศัพท์ “สมนฺต” = รอบด้าน) + อิ (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + อ ปัจจัย, แปลง อิ เป็น ย (อิ > อย)
: สม + อิ > อย = สมย แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นไปโดยรอบด้านแห่งความคิด”
“สมย” (ปุงลิงค์) ในบาลีมีความหมายหลายอย่าง กล่าวคือ –
(1) การมาด้วยกัน, การรวมกัน; หมู่ชน, กลุ่มชน (coming together, gathering; a crowd, multitude)
(2) การคบค้าสมาคมกัน, การติดต่อ (consorting with, intercourse)
(3) เวลา, สมัย, ฤดู (time, point of time, season)
(4) เวลาอันบังควร, ฤดูกาล, สมัยหรือโอกาสที่สมควร (proper time, due season, opportunity, occasion)
(5) การประจวบกัน, พฤติการณ์, กาลเทศะ (coincidence, circumstance)
(6) สภาวะ, สถานะ; ขอบข่าย, เขตที่คลุมถึง (condition, state; extent, sphere)
(7) ที่สุด, การลงท้าย, การทำลายล้าง (end, conclusion, annihilation)
(8 ) ทัศนะ, หลักคำสอน (view, doctrine)
ในที่นี้ “สมย” ใช้ในความหมายตามข้อ (3) คือ เวลา, สมัย, ฤดู
บาลี “สมย” ภาษาไทยใช้เป็น “สมัย” (สะ-ไหฺม) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมัย : (คำนาม) เวลา, คราว, เช่น สมัยโบราณ สมัยกลาง สมัยปัจจุบัน, มักใช้เข้าคู่กับคำ กาล เป็น กาลสมัย. (ป., ส.).”
โปรดสังเกตว่า พจนานุกรมฯ ให้ความหมายคำว่า “สมัย” ในภาษาไทยไว้อย่างเดียว คือ คราว, เวลา (time, point of time, season)
(๒) “พุทธ”
เขียนแบบบาลีเป็น “พุทฺธ” (มีจุดใต้ ทฺ) อ่านว่า พุด-ทะ รากศัพท์มาจาก พุธฺ (ธาตุ = รู้) + ต ปัจจัย, แปลง ธฺ ที่สุดธาตุเป็น ทฺ, แปลง ต เป็น ธฺ (นัยหนึ่งว่า แปลง ธฺ ที่สุดธาตุกับ ต เป็น ทฺธ)
: พุธฺ + ต = พุธฺต > พุทฺต > พุทฺธ (พุธฺ + ต = พุธฺต > พุทฺธ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รู้ทุกอย่างที่ควรรู้”
“พุทฺธ” แปลตามศัพท์ได้เกือบ 20 ความหมาย แต่ที่เข้าใจกันทั่วไปมักแปลว่า –
(1) ผู้รู้ = รู้สรรพสิ่งตามความเป็นจริง
(2) ผู้ตื่น = ตื่นจากกิเลสนิทรา ความหลับไหลงมงาย
(3) ผู้เบิกบาน = บริสุทธิ์ผ่องใสเต็มที่
ความหมายที่เข้าใจกันเป็นสามัญ หมายถึง “พระพุทธเจ้า”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “พุทฺธ” ว่า –
One who has attained enlightenment; a man superior to all other beings, human & divine, by his knowledge of the truth, a Buddha (ผู้ตรัสรู้, ผู้ดีกว่าหรือเหนือกว่าคนอื่นๆ รวมทั้งมนุษย์และเทพยดาด้วยความรู้ในสัจธรรมของพระองค์, พระพุทธเจ้า)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “พุทธ” ไว้ดังนี้ –
“พุทธ, พุทธ-, พุทธะ : (คำนาม) ผู้ตรัสรู้, ผู้ตื่นแล้ว, ผู้เบิกบานแล้ว, ใช้เฉพาะเป็นพระนามของพระบรมศาสดาแห่งพระพุทธศาสนา เรียกเป็นสามัญว่า พระพุทธเจ้า. (ป.).”
(๓) “กาล”
บาลีอ่านว่า กา-ละ รากศัพท์มาจาก กลฺ (ธาตุ = นับ, คำนวณ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ (ยืดเสียง) อะ ที่ ก-(ลฺ) เป็น อา (กล > กาล)
: กลฺ + ณ = กลณ > กล > กาล แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องนับประมาณอายุเป็นต้น” “ถูกนับว่าล่วงไปเท่านี้แล้ว” “ยังอายุของเหล่าสัตว์ให้สิ้นไป” หมายถึง เวลา, คราว, ครั้ง, หน
“กาล” ที่หมายถึง “เวลา” (time) ในภาษาบาลียังใช้ในความหมายที่ชี้ชัดอีกด้วย คือ :
(ก) เวลาที่กำหนดไว้, เวลานัดหมาย, เวลาตายตัว (appointed time, date, fixed time)
(ข) เวลาที่เหมาะสม, เวลาที่สมควร, เวลาที่ดี, โอกาส (suitable time, proper time, good time, opportunity)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กาล ๑, กาล– : (คำนาม) เวลา, คราว, ครั้ง, หน. (ป., ส.).”
การประสมคำ :
๑ พุทธ + กาล = พุทธกาล (พุด-ทะ-กาน) แปลตามศัพท์ว่า “เวลาของพระพุทธเจ้า”
๒ สมัย + พุทธกาล = สมัยพุทธกาล (สะ-ไหฺม-พุด-ทะ-กาน) แปลตามศัพท์ว่า “สมัยที่เป็นเวลาของพระพุทธเจ้า”
อภิปรายขยายความ :
“สมัยพุทธกาล = สมัยที่เป็นเวลาของพระพุทธเจ้า” ควรจะมีความหมายว่าอย่างไร?
ขอให้พิจารณาไปตั้งแต่คำว่า “พุทธกาล”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“พุทธกาล : (คำนาม) สมัยเมื่อพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่, พุทธสมัย ก็ใช้, (ภาษาปาก) ช่วงระยะเวลาที่เชื่อกันว่าหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระพุทธศาสนาจะดํารงอยู่ ๕,๐๐๐ ปี. (ป.).”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้สั้น ๆ ว่า –
“พุทธกาล : ครั้งพระพุทธเจ้ายังดำรงพระชนม์อยู่.”
คำว่า “พุทธกาล” พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกไว้สั้น ๆ แต่มีขยายความไว้ที่คำว่า “ปฐมโพธิกาล” “มัชฌิมโพธิกาล” และ “ปัจฉิมโพธิกาล” ดังนี้ –
…………..
(1) ปฐมโพธิกาล : เวลาแรกตรัสรู้, ระยะเวลาช่วงแรกหลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ตามอธิบายของอรรถกถาว่าคือ ๒๐ พรรษาแรกแห่งพุทธกิจ, ว่าตามหนังสือเรียนนักธรรม ได้แก่ระยะประดิษฐานพระพุทธศาสนา นับคร่าวๆ ตั้งแต่ตรัสรู้ ถึงได้พระอัครสาวก.
(2) มัชฌิมโพธิกาล : ระยะเวลาบำเพ็ญพุทธกิจของพระพุทธเจ้าตอนกลางระหว่างปฐมโพธิกาลกับปัจฉิมโพธิกาล, ตามอธิบายของอรรถกถาว่าคือ ๑๕ ปีต่อจากปฐมโพธิกาล, ว่าตามหนังสือเรียนนักธรรม ได้แก่ระยะเวลานับคร่าวๆ ตั้งแต่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาในแคว้นมคธไปแล้ว ถึงปลงพระชนมายุสังขาร.
(3) ปัจฉิมโพธิกาล : โพธิกาลช่วงหลัง, ระยะเวลาบำเพ็ญพุทธกิจตอนท้าย, ตามอธิบายของอรรถกถาว่า คือ ๑๕ หรือ ๑๐ ปีสุดท้ายแห่งพุทธกิจ, ว่าตามหนังสือเรียนนักธรรม ได้แก่ระยะเวลาช่วงใกล้ จนถึงปรินิพพาน กำหนดคร่าวๆ ตามมหาปรินิพพานสูตร ตั้งแต่ปลงพระชนมายุสังขารถึงปรินิพพาน.
…………..
สรุปความชั้นต้น :
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 คำว่า “พุทธกาล” มีความหมาย 2 นัย คือ –
(1) “พุทธกาล” หมายถึง สมัยเมื่อพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่
(2) “พุทธกาล” หมายถึง ระยะเวลา 5,000 ปีที่พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ในโลก
เมื่อปีพุทธศักราช 2500 มีคำที่เรียกกันทั่วไปว่า “กึ่งพุทธกาล” หมายความว่า 2,500 ปี เป็นครึ่งหนึ่งของอายุพระพุทธศาสนา 5,000 ปี นี่ก็คือ “พุทธกาล” ตามความหมายนัยที่ 2 นั่นเอง
สรุปความชั้นต่อมา :
ถ้าถือตามคำอธิบายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ที่คำว่า “พุทธกาล” และคำอธิบายในพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่คำว่า “ปัจฉิมโพธิกาล” คำว่า “สมัยพุทธกาล” ก็ควรจะสิ้นสุดลงเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว หมายความว่า ทันทีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก็เป็นอันหมดกำหนดเวลาที่เรียกว่า “สมัยพุทธกาล” ตั้งแต่เวลาที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วเป็นต้นไปไม่ถือว่าเป็น “สมัยพุทธกาล” แต่ควรจะเรียกว่า “สมัยหลังพุทธกาล” หรือ “ภายหลังพุทธกาล” -อะไรทำนองนี้
ผู้เขียนบาลีวันละคำขอเสนอแนวคิดว่า คำว่า “สมัยพุทธกาล” ไม่ควรจะกำหนดให้สิ้นสุดลงทันทีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน แต่ควรจะกำหนดด้วยอายุของคนที่เกิดมาทันเห็นพระพุทธเจ้าและรู้เดียงสาพอที่จะจำได้ว่าท่านผู้นี้เป็นพระพุทธเจ้า
คนที่ทันเห็นพระพุทธเจ้าดังกล่าวนี้ยังมีชีวิตอยู่จนถึงช่วงเวลาไหน ช่วงเวลานั้นควรเรียกว่า “สมัยพุทธกาล” ได้
คำว่า “สมัยพุทธกาล” ตามแนวคิดนี้ ถ้ากำหนดเป็นระยะเวลาที่เข้าใจได้ง่าย ๆ ก็ควรเป็นภายใน 100 ปีนับตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้วยเหตุผลที่ว่า 100 ปีเป็นอายุขัยของมนุษย์สมัยนี้ คนที่ทันรู้ทันเห็นพระพุทธเจ้าก็น่าจะมีชีวิตอยู่ต่อมาประมาณ-หรือไม่เกิน 100 ปีนับตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน
เมื่อคนที่ทันเห็นพระพุทธเจ้าล่วงลับดับขันธ์ไปหมดแล้ว โลกนี้ไม่มีมนุษย์ที่ทันรู้ทันเห็นพระพุทธเจ้าหลงเหลืออยู่อีกแล้ว จึงจะเป็นอันสิ้นสุดห้วงเวลาที่เรียกว่า “สมัยพุทธกาล”
จึงขอเสนอแนวคิดนี้มาเพื่อโปรดพิจารณา
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เกิดไม่ทันพระพุทธเจ้าไม่ต้องเสียใจ
: ถึงอย่างไรธรรมะของพระพุทธเจ้า –
ที่เราสามารถเรียนรู้และปฏิบัติตามได้ก็ยังมีอยู่มิใช่หรือ
#บาลีวันละคำ (4,860)
2-10-68
…………………………….
…………………………….
