บาลีวันละคำ

พุทธานุสรณียสถาน (บาลีวันละคำ 4,873)

พุทธานุสรณียสถาน

เป็นคำเรียกขานพุทธมณฑล

อ่านว่า พุด-ทา-นุ-สะ-ระ-นี-ยะ-สะ-ถาน

แยกศัพท์เป็น พุทธ + อนุสรณีย + สถาน 

(๑) “พุทธ” 

เขียนแบบบาลีเป็น “พุทฺธ” (มีจุดใต้ ทฺ) อ่านว่า พุด-ทะ รากศัพท์มาจาก พุธฺ (ธาตุ = รู้) + ปัจจัย, แปลง ธฺ ที่สุดธาตุเป็น ทฺ, แปลง เป็น ธฺ (นัยหนึ่งว่า แปลง ธฺ ที่สุดธาตุกับ เป็น ทฺธ)

: พุธฺ + = พุธฺต > พุทฺต > พุทฺธ (พุธฺ + = พุธฺต > พุทฺธ) แปลตามศัพท์ว่า “ผู้รู้ทุกอย่างที่ควรรู้

พุทฺธ” แปลตามศัพท์ได้เกือบ 20 ความหมาย แต่ที่เข้าใจกันทั่วไปมักแปลว่า –

(1) ผู้รู้ = รู้สรรพสิ่งตามความเป็นจริง

(2) ผู้ตื่น = ตื่นจากกิเลสนิทรา ความหลับไหลงมงาย

(3) ผู้เบิกบาน = บริสุทธิ์ผ่องใสเต็มที่

ความหมายที่เข้าใจกันเป็นสามัญ หมายถึง “พระพุทธเจ้า

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “พุทฺธ” ว่า –

One who has attained enlightenment; a man superior to all other beings, human & divine, by his knowledge of the truth, a Buddha (ผู้ตรัสรู้, ผู้ดีกว่าหรือเหนือกว่าคนอื่นๆ รวมทั้งมนุษย์และเทพยดาด้วยความรู้ในสัจธรรมของพระองค์, พระพุทธเจ้า)

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “พุทธ” ไว้ดังนี้ – 

พุทธ, พุทธ-, พุทธะ : (คำนาม) ผู้ตรัสรู้, ผู้ตื่นแล้ว, ผู้เบิกบานแล้ว, ใช้เฉพาะเป็นพระนามของพระบรมศาสดาแห่งพระพุทธศาสนา เรียกเป็นสามัญว่า พระพุทธเจ้า. (ป.).”

(๒) “อนุสรณีย” 

เขียนแบบบาลีเป็น “อนุสฺสรณีย” (ส 2 ตัว มีจุดใต้ สฺ ตัวหน้า) อ่านว่า อะ-นุด-สะ-ระ-นี-ยะ รากศัพท์มาจาก อนุ (คำอุปสรรค = ตาม, เนือง ๆ) + สรฺ (ธาตุ = ระลึก) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ) แล้วแปลง เป็น (ยุ > อน > อณ) + อีย ปัจจัย, ซ้อน สฺ ระหว่าง อนุ + สรฺ

: อนุ + สฺ + สรฺ = อนุสฺสรฺ + ยุ > อน = อนุสฺสรน > อนุสฺสรณ แปลตามศัพท์ว่า “การระลึกถึงเนืองๆ” หมายถึง การอนุสรณ์, การระลึกถึง, ความทรงจำ (remembrance, memory, recollection)

: อนุสฺสรณ + อีย = อนุสฺสรณีย แปลตามศัพท์ว่า “อันเป็นที่ตั้งแห่งการระลึกถึงเนือง ๆ

อนุสฺสรณีย” ในภาษาไทยตัดตัวสะกดออกตัวหนึ่ง ใช้เป็น “อนุสรณีย” ถ้าต้องการอ่านว่า อะ-นุ-สะ-ระ-นี ใส่การันต์ที่ เป็น “อนุสรณีย์

คำว่า “อนุสรณีย” หรือ “อนุสรณีย์” ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554

(๓) “สถาน” 

บาลีเป็น “ฐาน” อ่านว่า ถา-นะ รากศัพท์มาจาก ฐา (ธาตุ = ตั้งอยู่) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)

: ฐา + ยุ > อน = ฐาน แปลตามศัพท์ว่า “ที่เป็นที่ตั้งแห่งผล” 

ฐาน” ใช้ในความหมายหลายอย่างตามแต่บริบท เช่น สถานที่, เขตแคว้น, ตำบล, แหล่ง, ที่อาศัย, ฐานะ, การตั้งอยู่, การดำรงอยู่, การหยุดอยู่, การยืน, ที่ตั้ง, ตำแหน่ง, เหตุ, โอกาส (ภาษาอังกฤษอาจใช้ได้หลายคำ เช่น place, region, locality, abode, part, state, condition, standing position, location, ground)

บาลี “ฐาน” สันสกฤตเป็น “สฺถาน

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

(สะกดตามต้นฉบับ)

สฺถาน : (คำนาม) สถล, ที่, ตำแหน่ง; การอยู่; สมพาท, ความแม้น; อวกาศหรือมัธยสถาน; ที่แจ้งในเมือง, ทุ่ง, ฯลฯ; เรือน, บ้านหรือที่อาศรัย; บริเฉท; บุรี, นคร; สำนักงาร; บท, สถิติ; การหยุด; place, site, situation; staying; resemblance, likeness; leisure or interval; an open place in a town, a plain, &c.; a house, a dwelling; a chapter; a town, a city; an office; degree, station; halt.”

ภาษาไทยใช้ตามรูปสันสกฤตเป็น “สถาน” 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

สถาน ๑ : (คำนาม) ที่ตั้ง เช่น สถานเสาวภา สถานพยาบาล สถานพักฟื้น สถานบริบาลทารก, ถ้าใช้ประกอบคำอื่นหมายถึง ที่, แหล่ง, เช่น โบราณสถาน ศาสนสถาน ฌาปนสถาน ปูชนียสถาน สังเวชนียสถาน; ประการ เช่น มีความผิดหลายสถาน. (ส.; ป. ฐาน).”

การประสมคำ :

อนุสรณีย + สถาน = อนุสรณียสถาน แปลว่า “สถานที่อันเป็นที่ควรระลึกถึงเนือง ๆ-” 

พุทธ + อนุสรณียสถาน = พุทธานุสรณียสถาน แปลว่า “สถานที่อันเป็นที่ควรระลึกถึงพระพุทธเจ้าเนือง ๆ” หรือจะเข้าใจอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่า “อนุสรณ์สถานแห่งพระพุทธศาสนา

ขยายความ :

คำว่า “พุทธานุสรณียสถาน” ใช้เป็นคำขยายความเมื่อกล่าวถึง “พุทธมณฑล” (ดูภาพประกอบ) 

ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นว่าเป็นคำที่งดงามสละสลวยและควรแก่การศึกษาหาความรู้ทางภาษา จึงนำมาเขียนเป็นบาลีวันละคำ

แถม :

พุทธมณฑล” ตั้งอยู่ที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม (พื้นที่นี้ในเวลานั้นยังเป็นตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม) เป็นสถานที่ซึ่งรัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีได้ดำริจัดสร้างขึ้นเป็นพุทธบูชาและเป็นพุทธานุสรณียสถาน เนื่องในโอกาสมหามงคลกาลที่พระพุทธศาสนาดำรงยั่งยืนมา 2,500 ปี ซึ่งครบในวันวิสาขบูชา ปี พ.ศ. 2500 โดยรัฐบาลได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบรัฐพิธีก่อฤกษ์พุทธมณฑล ณ บริเวณที่จะประดิษฐานพระพุทธรูปประธานพุทธมณฑล เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 

พุทธมณฑลในปัจจุบันนอกจากจะเป็นศูนย์รวมการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาและจัดประเพณีกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปพักผ่อนได้อีกด้วย

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ไม่ยากที่จะนึกถึงคนสำคัญ

: แต่ไม่ง่ายที่จะรู้ซึ้งถึงคุณค่าของคนสำคัญ

#บาลีวันละคำ (4,873)

15-10-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้