เมตตา (บาลีวันละคำ 981)
เมตตา
หนึ่งในพรหมวิหารธรรม
อ่านว่า เมด-ตา
เขียนแบบบาลีเป็น “เมตฺตา” มีจดใต้ ตฺ ตัวแรก
เขียนแบบบาลีถ้าไม่มีจุด = “เมตตา” ต้องอ่านว่า เม-ตะ-ตา ซึ่งไม่ใช่คำนี้
“เมตฺตา” รากศัพท์มาจาก –
(1) มิทฺ (ธาตุ = รักใคร่) + ต ปัจจัย, แผลง อิ ที่ มิ– เป็น เอ, ลบ ท ซ้อน ต + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: มิทฺ > เมท > เม + ต = เมต + ต = เมตฺต + อา = เมตฺตา แปลตามศัพท์ว่า “ธรรมชาติที่รักใคร่”
(2) มิตฺต (มิตร, เพื่อน) + ณ ปัจจัย, แผลง อิ ที่ มิ– เป็น เอ + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: มิตฺต > เมตฺต + ณ = เมตฺต + อา = เมตฺตา แปลตามศัพท์ว่า “ธรรมชาติที่มีอยู่ในมิตร” หรือ “ธรรมชาติของมิตร”
แล้ว มิตฺต = มิตร, เพื่อน รากศัพท์มาอย่างไร ?
(๑) มิทฺ (ธาตุ = รักใคร่, ผูก) + ต ปัจจัย (ตามสูตรบาลีไวยากรณ์ต้องพูดต่อไปว่า “ลบสระที่สุดธาตุ”), แปลง ทฺ (ที่ มิทฺ) เป็น ตฺ
: มิทฺ > มิต + ต = มิตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
(1) “ผู้รักใคร่กัน”
(2) “ผู้ผูกคนอื่นไว้ในตน” (รักชอบคนไหน ก็เอาคนนั้นมาผูกไว้ในตน)
(๒) มิ (ธาตุ = ใส่เข้า) + ต ปัจจัย, ซ้อน ต
: มิ + ต = มิต + ต = มิตฺต แปลตามศัพท์ว่า –
(1) “ผู้ใส่เข้าข้างใน” (คือเก็บความลับของเพื่อนไว้ได้-เป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งของมิตรแท้)
(2) “ผู้อันเพื่อนใส่เข้าไปในความลับทุกอย่าง” (หมายถึงคนที่เพื่อนบอกความลับให้รู้ และเก็บความลับของเพื่อนไว้ได้)
“เมตฺตา” (“ธรรมชาติที่รักใคร่” “ธรรมชาติที่มีอยู่ในมิตร” หรือ “ธรรมชาติของมิตร”) หมายถึง ความรัก, ความเป็นเพื่อน, ความเห็นอกเห็นใจกัน, ความเป็นมิตร, การเอาใจใส่ช่วยเหลือผู้อื่น (love, amity, sympathy, friendliness, active interest in others)
“เมตตา” เป็นธรรมข้อที่ 1 ในพรหมวิหาร 4
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า –
(1) เมตตา : ความรัก, ความปรารถนาให้เขามีความสุข, แผ่ไมตรีจิตคิดจะให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทั่วหน้า
(2) แผ่เมตตา : ตั้งจิตปรารถนาดีขอให้ผู้อื่นมีความสุข;
คำแผ่เมตตาที่ใช้เป็นหลักว่า
“สพฺเพ สตฺตา อเวรา อพฺยาปชฺฌา อนีฆา สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตุ”
แปลว่า “ขอสัตว์ทั้งหลาย, (ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน) หมดทั้งสิ้น,
(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด), อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย,
(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด), อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย,
(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด), อย่าได้มีทุกข์กายทุกข์ใจเลย, จงมีความสุขกายสุขใจ, รักษาตน (ให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น) เถิด.”
[ข้อความในวงเล็บเป็นส่วนที่เพิ่มเข้ามาในคำแปลเป็นไทย]
ผู้เจริญเมตตาธรรมอยู่เสมอ จนจิตมั่นในเมตตา มีเมตตาเป็นคุณสมบัติประจำใจ จะได้รับอานิสงส์ คือผลดี 11 ประการ คือ –
(1) หลับก็เป็นสุข
(2) ตื่นก็เป็นสุข
(3) ไม่ฝันร้าย
(4) เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
(5) เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
(6) เทวดาย่อมรักษา
(7) ไม่ต้องภัยจากไฟ ยาพิษ หรือศัสตราอาวุธ
(8) จิตเป็นสมาธิง่าย
(9) สีหน้าผ่องใส
(10) เมื่อจะตาย ใจก็สงบ ไม่หลงใหลไร้สติ
(11) ถ้ายังไม่บรรลุคุณพิเศษที่สูงกว่า ย่อมเข้าถึงพรหมโลก
(ดูเพิ่มเติม : “พรหมวิหาร” บาลีวันละคำ (980) 23-1-58)
———-
ข้อควรเข้าใจ :
(๑) “เมตตา” เป็นคุณธรรมที่สำเร็จได้ด้วยใจ หรือวัดกันที่ใจ
แม้ปากจะกล่าวคำแผ่เมตตา ถ้าใจไม่มีเมตตาจริง ก็ไม่สำเร็จเป็นเมตตา
แต่ถ้าใจมีเมตตาจริง แม้ไม่ได้กล่าวอะไรเลยก็สำเร็จเป็นเมตตาได้
(๒) วิธีฝึกให้ใจมีเมตตาจริงทางหนึ่งก็คือ เมื่อเห็นสัตว์บุคคลใดๆ ก็ตามให้ตั้งความรู้สึกว่า “นี่คือเพื่อนรักที่สุดของเรา” แล้วปฏิบัติต่อสัตว์บุคคลนั้นๆ ในฐานเป็นเพื่อนรักที่สุด – ถ้าทำได้ นั่นแหละคือ “เมตตา”
: เมตตาต่อมิตร เป็นครู
: เมตตาต่อศัตรู เป็นปรมาจารย์
—————–
(Jasmiine Montra รบกวนขอความรู้มา “เมตตา” ตอบไป)
#บาลีวันละคำ (981)
24-1-58