บาลีวันละคำ

มุทิตา (บาลีวันละคำ 983)

มุทิตา

หนึ่งในพรหมวิหารธรรม

อ่านว่า มุ-ทิ-ตา

มุทิตา” บาลีเขียน “มุทิตา” (มุ-ทิ-ตา) เหมือนกัน มีความหมาย 2 นัย คือ –

(1) มาจาก มุทฺ (มุ-ทะ, ธาตุ = ยินดี, เบิกบาน) + อิ + ปัจจัย = มุทิต > มุทิตา หมายถึง ชื่นชม, ยินดี, พอใจ (pleased, glad, satisfied)

มุทิตา ถ้าเป็นคุณศัพท์ มีความหมายว่า มีใจชื่นชม, มีใจปราโมทย์, ดีใจ (with gladdened heart, pleased in mind)

(2) มาจาก มุทุ (อ่อนโยน) + ตา ปัจจัย = มุทุตา > มุทิตา หมายถึง ความมีใจอ่อน, ความกรุณา, ความเห็นอกเห็นใจ (soft-heartedness, kindliness, sympathy)

ความหมายตามนัยนี้ ในทางปฏิบัติก็คือ ใครจะสุขหรือจะทุกข์ ก็รู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ถ้าสุขก็พลอยยินดี ถ้าทุกข์ก็พลอยเดือดร้อนใจไปด้วย

คำว่า “มุทิตา” รากศัพท์มาทางเดียวกับคำว่า “อนุโมทนา

มุทิตา” เป็นธรรมข้อที่ 3 ในพรหมวิหาร 4

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “มุทิตา” ว่า soft-heartedness, kindliness, sympathy (ความมีใจอ่อน, ความกรุณา, ความเห็นอกเห็นใจ)

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า –

มุทิตา : ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี, เห็นผู้อื่นอยู่ดีมีสุข ก็แช่มชื่นเบิกบานใจด้วย เห็นเขาประสบความสำเร็จเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป ก็พลอยยินดีบันเทิงใจ พร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุน ไม่กีดกันริษยา; ธรรมตรงข้ามคือ อิสสา (ข้อ ๓ ในพรหมวิหาร ๔)”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

มุทิตา : (คำนาม) ความมีจิตพลอยยินดีในลาภยศสรรเสริญสุขของผู้อื่น เป็นข้อ ๑ ในพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา. (ป.).”

ฝรั่งผู้จัดทำพจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความเห็นไว้ในคำว่า “มุทิตา” ว่า เมตตา กรุณา มุทิตา เป็นการแสดงออกซึ่ง “ความรัก” 3 ลักษณะ คือ :

เมตตา = active love (ความรักอันแสดงออก, ความรักแบบกระตือรือร้น)

กรุณา = preventive love (ความรักปกป้อง)

มุทิตา = disinterested love (ความรักแบบไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย)

ดูเพิ่มเติม :

พรหมวิหาร” บาลีวันละคำ (980) 23-1-58

เมตตา” บาลีวันละคำ (981) 24-1-58

กรุณา” บาลีวันละคำ (982)25-1-58

ข้อควรเข้าใจ :

มุทิตาเป็นธรรมะที่ต้องปฏิบัติทางใจ หรือเป็นงานของจิต คือเกิดที่ใจและออกมาจากใจ ชี้วัดหรือตัดสินไม่ได้ด้วยคำพูดหรือกิริยาอาการที่แสดงออก

ปากบอกว่า “ขอแสดงความยินดีด้วย” มีช่อดอกไม้หรือกระเช้าของขวัญไปมอบให้ หรือมีเครื่องสักการะไปถวาย ยังไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ว่านั่นคือมีมุทิตา

มุทิตาวัดกันที่ความรู้สึกจริงแท้ในหัวใจ ถ้าใจรู้สึกยินดีด้วยอย่างแท้จริง แม้ไม่ได้พูดอะไรเลย หรือไม่ได้มอบอะไรให้เลย ก็เป็น “มุทิตา” แล้วอย่างสมบูรณ์

ถ้ามีโอกาสเอ่ยวาจาหรือมีสิ่งของเครื่องแสดงออกมอบให้ ก็นับว่าเป็นอลังการอีกส่วนหนึ่งของมุทิตา

เอ่ยวาจาหรือมีสิ่งของเครื่องแสดงออกมอบให้ แต่ใจมิได้มีมุทิตาอย่างแท้จริง ก็คือการหลอกลวงหรือมารยาที่น่ารังเกียจ

ใจก็มีมุทิตา กิริยาวาจาก็แสดงออก นับว่าเป็นมุทิตาที่ครบถ้วนทั้งไตรทวาร

: ริษยาเขา เราก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

: แต่ถ้ามุทิตา เราได้กำไร

—————–

(สืบเนื่องมาจากคำขอของ Jasmiine Montra)

#บาลีวันละคำ (983)

26-1-58

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *