บาลีวันละคำ

อุเบกขา (บาลีวันละคำ 984)

อุเบกขา

หนึ่งในพรหมวิหารธรรม

อ่านว่า อุ-เบก-ขา

บาลีเป็น “อุเปกฺขา” (ป แทน บ และมีจุดใต้ กฺ) อ่านว่า อุ-เปก-ขา

อุเปกฺขา” มีรากศัพท์ดังนี้ –

(1) อุป (เข้าไป, ใกล้) + อิกฺขา (การเสวยอารมณ์) แผลง อิ เป็น เอ

: อุป + อิกฺขา = อุปิกฺขา > อุเปกฺขา แปลตามศัพท์ว่า (1) “กิริยาที่เสวยอารมณ์ที่เป็นไปใกล้เวทนาสองอย่างคือสุขและทุกข์” (2) “กิริยาที่เสวยอารมณ์ที่เข้าไปใกล้สุขและทุกข์” (หมายถึงอยู่ตรงกลางระหว่างสุขและทุกข์ = ไม่สุขไม่ทุกข์)

(2) อุป (เข้าไป, ใกล้) + อิกฺข (ธาตุ = ดู, เห็น, กิน, เสวย) + ปัจจัย, แผลง อิ เป็น เอ + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์

: อุป + อิกฺข = อุปิกฺข > อุเปกฺข + อา = อุเปกฺขา แปลตามศัพท์ว่า (1) “กิริยาที่เพ่งโดยเป็นกลาง” (2) “กิริยาที่เสวยอารมณ์โดยสมควร” (3) “กิริยาที่ดูโดยอุบัติ คือเห็นเสมอภาคกันไม่ตกเป็นฝ่ายไหน

อุเปกฺขา” ใช้ในภาษาไทยว่า “อุเบกขา

อุเปกฺขาอุเบกขา” เป็นธรรมข้อที่ 4 ในพรหมวิหาร 4

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ไทย-อังกฤษ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต แปลคำว่า “อุเบกขา” เป็นภาษาอังกฤษว่า –

1. equanimity; evenmindedness; neutrality; poise.

2. indifference; neutral feeling; neither pleasurable nor painful feeling.

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อุเปกฺขา” ว่า –

“looking on”, hedonic neutrality or indifference, zero point between joy & sorrow; disinterestedness, neutral feeling, equanimity; feeling which is neither pain nor pleasure (“มองเฉย”, ความไม่ยินดียินร้าย หรือการวางอารมณ์เป็นกลาง, จุดศูนย์ระหว่างความสุขกับความทุกข์; การวางเฉย, ความรู้สึกเป็นกลาง, ความสงบ; ความรู้สึกมิใช่ทุกข์มิใช่สุข)

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกความหมายของ “อุเบกขา” ไว้ดังนี้ –

(1) ความวางใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียงด้วยชอบหรือชัง, ความวางใจเฉยได้ ไม่ยินดียินร้าย เมื่อใช้ปัญญาพิจารณาเห็นผลอันเกิดขึ้นโดยสมควรแก่เหตุ และรู้ว่าพึงปฏิบัติต่อไปตามธรรม หรือตามควรแก่เหตุนั้น, ความรู้จักวางใจเฉยดู เมื่อเห็นเขารับผิดชอบตนเองได้ หรือในเมื่อเขาควรต้องได้รับผลอันสมควรแก่ความรับผิดชอบของเขาเอง, ความวางทีเฉยคอยดูอยู่ในเมื่อคนนั้นๆ สิ่งนั้นๆ ดำรงอยู่หรือดำเนินไปตามควรของเขาตามควรของมัน ไม่เข้าข้างไม่ตกเป็นฝักฝ่าย ไม่สอดแส่ ไม่จู้จี้สาระแน ไม่ก้าวก่ายแทรกแซง (ข้อ 4 ในพรหมวิหาร 4)

(2) ความรู้สึกเฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ เรียกเต็มว่า อุเบกขาเวทนา (= อทุกขมสุข); (ข้อ 3 ในเวทนา 3)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อุเบกขา : (คำนาม) ความเที่ยงธรรม, ความวางตัวเป็นกลาง, ความวางใจเฉยอยู่, เป็นข้อ ๑ ในพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา. (ป. อุเปกฺขา).”

ดูเพิ่มเติม :

พรหมวิหาร” บาลีวันละคำ (980) 23-1-58

เมตตา” บาลีวันละคำ (981) 24-1-58

กรุณา” บาลีวันละคำ (982)25-1-58

มุทิตา” บาลีวันละคำ (983) 26-1-58

ข้อที่ควรเข้าใจให้ถูกต้อง :

(๑) คำว่า “อุเบกขา” มักแปลกันว่า “ความวางเฉย” แต่อุเบกขาไม่ได้หมายความว่าวางเฉยแบบไม่ดูดำดูดี หรือแบบไม่รับผิดชอบ อย่างที่มักเข้าใจกัน

(๒) อุเบกขา หมายถึง :

(1) ไม่ตกอยู่ในอำนาจของสุขหรือทุกข์ ชอบหรือชัง

สุขมาถึง ก็ไม่มัวเมา ฟุ้งเฟ้อ ไขว่คว้า ยึดมั่น หลงติด

ทุกข์มากระทบ ก็ไม่โวยวาย ดิ้นพล่าน เดือดร้อน หรือทอดถอนนอนสยบ

แต่มีสติ มองเห็นเหตุที่มาของสุขหรือทุกข์นั้น แล้วกำหนดท่าทีของตนว่าควรทำอะไร ทำอย่างไรจึงจะเกิดผลดี

ชอบหรือชังมากระทบ ก็ทำนองเดียวกัน

(2) ไม่ตกอยู่ในอำนาจของความลำเอียงเพราะรัก ชัง เขลา ขลาด อันเป็นเหตุให้กระทำการต่อเรื่องนั้นหรือบุคคลนั้นคลาดเคลื่อนไปจากที่ควรทำควรเป็น หรือผิดธรรมผิดทาง

เช่นผู้มีอำนาจ รักบุคคลนี้ก็อุ้มชูสนับสนุนทั้งที่อ่อนด้อยบกพร่อง ชังบุคคลนั้นก็กดข่มปิดกั้นทั้งที่มีคุณสมบัติดีงาม การกระทำที่คลาดเคลื่อนเช่นนี้แหละที่เกิดขึ้นเพราะขาดอุเบกขา

(3) ความมีปัญญาเข้าใจเข้าถึงสภาวะต่างๆ ตามความเป็นจริงและวางทีท่าอารมณ์ต่อเรื่องนั้นๆ ได้ถูกต้อง

เช่น ความแก่เป็นสัจธรรมความจริง เมื่ออาการของความแก่ปรากฏ ถ้าขาดอุเบกขา ก็จะเดือดร้อน หาทางถ่วงรั้งยุดยื้อ ถูกใครเรียกว่าลุงว่าป้าว่ายาย ก็จะรู้สึกขุ่นข้องขัดเคืองเป็นต้น แต่ถ้ามีอุเบกขากำกับใจ เมื่อความแก่ ความเจ็บ หรือแม้ความตายมากระทบตนหรือคนรอบข้าง ก็จะดำรงตนอยู่ได้ตามปกติ พร้อมทั้งเห็นทางเห็นวิธีที่จะปฏิบัติต่อความเป็นจริงนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง

(๓) อุเบกขา เป็นงานทางใจล้วนๆ (แต่ส่งผลออกมาเป็นท่าทีการกระทำ) แม้จะอ่าน หรือท่อง หรือจำความหมายของคำว่า “อุเบกขา” ได้แม่นยำ ก็ยังไม่ใช่เครื่องรับรองว่ามีอุเบกขา ต่อเมื่อใดจิตใจเข้าถึงความหมายดังกล่าวมา เมื่อนั้น แม้จะไม่รู้ถ้อยคำภาษา ก็นับได้ว่ามีอุเบกขาเกิดขึ้นแล้ว

———

อุเบกขา กับ สันโดษ เป็นหลักธรรมที่มีชะตากรรมคล้ายคลึงกันในสังคมไทย คือคนส่วนมากเข้าใจผิด และไม่คิดที่จะศึกษาให้ถูกต้อง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว รัฐบาลไทยถึงกับขอร้องคณะสงฆ์ว่าอย่าให้พระเทศน์เรื่องสันโดษ เพราะเป็นการส่งเสริมให้คนขี้เกียจ

เข้าใจผิด : สันโดษคือเฉื่อยชา อุเบกขาคือไม่รับผิดชอบ

เข้าใจถูก :

อุเบกขา คือใช้ปัญญาจนเห็นคุณและโทษเมื่อจะทำการใดๆ

สันโดษ คือภูมิใจกับผลที่ได้เมื่อทำเต็มความสามารถแล้ว

—————–

(สืบเนื่องมาจากคำขอของ Jasmiine Montra)

#บาลีวันละคำ (984)

27-1-58

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *