สันตุฏฐี (บาลีวันละคำ 2,714)
สันตุฏฐี
เข้าใจผิดมีพิษมากกว่าไม่เข้าใจ
อ่านว่า สัน-ตุด-ถี
“สันตุฏฐี” เขียนแบบบาลีเป็น “สนฺตุฏฺฐิ”
ข้อควรสังเกต :
สนฺ– มีจุดใต้ น ไม่ใช้ไม้หันอากาศ
–ตุฏฺ– ฏ ปฏักสะกด, มีจุดใต้ ฏ
–ฐิ ภาษาไทย –ฐี บาลีเป็น –ฐิ
“สนฺตุฏฺฐิ” (สัน-ตุด-ถิ) รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ร่วมกัน) + ตุสฺ (ธาตุ = ยินดี) + ติ ปัจจัย, แปลงนิคหิตเป็น นฺ (สํ > สนฺ), แปลง สฺต (คือ –สฺ ที่สุดธาตุกับ ต ที่ ติ ปัจจัย) เป็น ฏฺฐ
: สํ + ตุส = สํตุสฺ + ติ = สํตุสติ > สนฺตุสติ > สนฺตุฏฺฐิ (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะเป็นเหตุยินดี”
“สนฺตุฏฺฐิ” พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปลว่า satisfaction, contentment (ความพอใจ, ความยินดี)
“ตุฏฺฐิ” (ไม่มี สนฺ-) พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปลว่า pleasure, joy, enjoyment (ความชื่นชม, ความรื่นเริง, ความบันเทิง)
“สนฺตุฏฺฐิ” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สันตุฏฐี” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สันตุฏฐี : (คำนาม) สันโดษ. (ป.; ส. สํตุษฺฏิ).”
พจนานุกรมฯ บอกว่า “สันตุฏฐี” สันสกฤตเป็น “สํตุษฺฏิ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน ไม่ได้เก็บคำว่า “สํตุษฺฏิ” แต่มีคำว่า “ตุษฺฏิ” บอกไว้ดังนี้
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ตุษฺฏิ : (คำนาม) ‘ดุษฎี,’ ปรีติ, อภิลาษ, ความปลื้มใจ, ความพอใจ, ความยินดียิ่งในสิ่งที่พึงได้; มาตฤหรือเทพมารดาองค์หนึ่ง; pleasure, satisfaction, gratification, content, extreme satisfaction or delight in the thing possessed or obtained; one of the Mātṛis or divine mothers.”
อภิปรายขยายความ :
นักเรียนบาลีในเมืองไทยแปล “สนฺตุฏฺฐิ” (สันตุฏฐี) ว่า “สันโดษ” อันที่จริงในภาษาบาลีก็มีคำว่า “สนฺโตส” (สัน-โต-สะ) อีกคำหนึ่ง รูปคำตรงกับ “สันโดษ” ตรงตัว อาจบอกได้ว่า “สันโดษ” มาจากคำว่า “สนฺโตส” ไม่ได้มาจาก “สนฺตุฏฺฐิ”
อย่างไรก็ตาม “สนฺตุฏฺฐิ” กับ “สนฺโตส” มีความหมายเหมือนกัน อาจเพราะ “สนฺโตส” แปลงเป็น “สันโดษ” ออกเสียงได้คล่องกว่า “สันตุฏฐี” เมื่อจะแปล “สันตุฏฐี” เป็นไทย เราจึงเลือกเอา “สันโดษ” เป็นคำแปลทับศัพท์ จนกระทั่งในภาษาไทยเรารู้จัก “สันโดษ” กันทั่วไป แต่แทบจะไม่รู้จัก “สันตุฏฐี” แม้แต่พจนานุกรมฯ ก็ยังต้องบอกว่า “สันตุฏฐี” ก็คือ สันโดษ
“สันโดษ” เป็นหลักธรรมที่ถูกสังคมไทยเข้าใจผิดมากที่สุด (พอๆ กับ “อุเบกขา”) คือคนไทยเข้าใจว่า สันโดษคือชอบอยู่เงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่อยากได้ใคร่ดีอะไร และที่เข้าใจผิดอย่างฉกรรจ์ก็คือ เข้าใจว่าสันโดษคือเกียจคร้าน
รัฐบาลไทยสมัยหนึ่งถึงกับขอร้องคณะสงฆ์ว่า อย่าให้พระเทศน์เรื่องสันโดษเพราะจะทำให้คนไทยขี้เกียจ!
ผู้เขียนบาลีวันละคำจะพยายามเอาไม้ซีกงัดไม้ซุงตามสติปัญญา ด้วยคำอธิบายดังต่อไปนี้ –
“สันโดษ” เป็นคุณธรรมทางใจ ไม่ใช่ทางการกระทำ หรือคำพูด แต่เป็นทางความคิด ความรู้สึก ความเข้าใจ
ความขี้เกียจเป็นกิริยาทางกายหรือทางการกระทำ
สันโดษจึงไม่มีทางที่จะทำให้ใครเป็นคนขี้เกียจได้
ความหมายของ “สันโดษ” คือ สุขใจ ภูมิใจ อิ่มใจกับสิ่งที่ตนมี สิ่งที่ตนเป็น หรือกับผลงานที่ตนได้ทำลงไปอย่างเต็มความสามารถ ได้ผลเท่าไรอย่างไรก็มีความสุข พอใจ อิ่มใจ พร้อมกับที่มีฉันทะอุตสาหะที่จะพยายามทำให้ดีขึ้นมากขึ้นในครั้งต่อๆ ไป
ปัญหาของมนุษย์ก็คือ ไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีที่ได้ แต่เดือดร้อนวุ่นว่ายกับสิ่งที่ไม่มีไม่ได้ “สันโดษ” แก้ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี
ในแง่ภาษา ท่านว่า คำว่า “สัน-” (คือ สํ– คำอุปสรรค) มีความหมาย 3 นัย คือ –
(1) สํ = สกํ (สะ-กัง) แปลว่า “เป็นของตน” (own) คือสิ่งที่จะภูมิใจอิ่มใจสุขใจนั้นต้องเป็นของตนอย่างถูกต้อง คือตนเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ไปภูมิใจของคนอื่น ถ้าทำเช่นนั้นก็ผิดหลักสันโดษ
(2) สํ = สนฺตํ (สัน-ตัง) แปลว่า “เป็นของที่มีอยู่” (have-thing) คือสิ่งที่จะภูมิใจอิ่มใจสุขใจนั้นต้องเป็นของที่มาอยู่ในครอบครองแล้ว คือของที่มีอยู่จริงๆ ไม่ใช่ไปยินดีภูมิใจกับของที่ไม่มี แต่ของที่มีอยู่ในครอบครอง ถ้าไม่ใช่ของของตน แม้จะ “เป็นของที่มีอยู่” ก็จะไม่ยินดีภูมิใจเรื่อยเปื่อยไป ถ้าทำเช่นนั้นก็ผิดหลักสันโดษ
(3) สํ = สมํ (สะ-มัง) แปลว่า “เป็นสิ่งที่สมควร” (fit, proper) หมายถึง สมควรแก่การที่จะได้มา (ยถาลาภ) สมควรแก่กำลังที่จะบริหารดูแลรักษา (ยถาพล) สมควรแก่ฐานะของตน (ยถาสารูป) เมื่อสมควรเช่นว่านี้จึงจะภูมิใจอิ่มใจสุขใจกับสิ่งนั้น
เทียบเคียงพอให้เห็นภาพ เช่น ภิกษุได้รับรองเท้ากีฬามาคู่หนึ่ง เป็นของนอกอย่างดี ราคาแพง
รองเท้ากีฬาไม่สมควรแก่สมณสารูป ถ้าภิกษุไปยินดีภูมิใจอิ่มใจเข้า ก็ผิดหลักสันโดษ
ที่ว่ามาโดยย่อนี้คือความหมายของ “สันโดษ” ขอชาวเราโปรดให้ความเป้นธรรมแต่หลักธรรมข้อ “สันโดษ” หรือ “สันตุฏฐี” นี้ด้วยเถิด
…………..
ดูก่อนภราดา!
: อย่ารอให้ถึงวันสิ้นชาติ
: แล้วจึงค่อยลุกขึ้นมาประกาศว่าฉันภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย
#บาลีวันละคำ (2,714)
17-11-62